เดือน: ธันวาคม 2024

ปู่พาหลานตรวจดีเอ็นเอเพราะกลัวสะใภ้มีชู้แต่คดีกลับพลิก 

ปู่พาหลานตรวจดีเอ็นเอเพราะกลัวสะใภ้มีชู้แต่คดีกลับพลิก 

    เมื่อวันที่ 13 เดือนธันวาคมปีพ.ศ 2566 มีเรื่องราวร้อนแรงเป็นกระแสดราม่าเกิดขึ้นในโลกออนไลน์ของประเทศจีน 

โดยเรื่องราวดังกล่าวนั้นถูกเปิดเผยผ่านทางเว็บไซต์ CT want ซึ่งเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ที่มีคุณปู่รายหนึ่งไม่ค่อยชอบพฤติกรรมของลูกสะใภ้สาเหตุนั่นก็เพราะว่าเขาเกรงว่าลูกสะใภ้จะนอกใจลูกชายของตนเองเนื่องจากว่าลูกสะใภ้เป็นคนที่ต้องแต่งหน้าแบบจัดเต็มแต่งตัวสวยเพราะต้องทำงานที่โรงแรมที่มีชื่อเสียง 

     เนื่องจากว่าฝ่ายชายเกรงว่าภรรยาของตนเองอยู่ร่วมบ้านกับพ่อแม่แล้วจะไม่มีความสุขจึงได้พาภรรยาและลูกชายย้ายออกมาอยู่ที่อื่นซึ่งหลังจากนั้นชีวิตของครอบครัวนี้ก็เป็นปกติสุขเพราะฝ่ายชายเองก็มั่นใจว่าภรรยาของเขาไม่มีทางที่จะนอกใจเขาอย่างแน่นอน 

    อย่างไรก็ตามเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อแม่ของฝ่ายชายเสียชีวิตลงดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องพาครอบครัวย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเดิมเพื่อไปดูแลพ่อที่เริ่มแก่ชราและสุขภาพร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงและเมื่อพาภรรยาและลูกกลับไปอยู่บ้านหลังเดิมเหตุการณ์การไม่ลงรอยกันระหว่างพ่อสามีกับลูกสะใภ้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

    เนื่องจากว่าพ่อสามีมั่นใจว่าภรรยาของลูกชายตนเองจะต้องมีชู้อย่างแน่นอนประกอบกับเพื่อนบ้านมักจะมีการทักทายชราอยู่เสมอว่าตัวชายชราเอง

กลับหลานชายนั้นหน้าตาไม่เหมือนกันทำให้ชายชราตัดสินใจที่พาหลานชายของตนเองไปทำการตรวจ DNA และผลก็ปรากฏว่า DNA ระหว่างชายชรากับหลานชายนั้นไม่ตรงกันดังนั้นเขาจึงได้กลับบ้านมาต่อว่าลูกสะใภ้ของตนเองโดยอ้างผลดีเอ็นเอว่าลูกสะใภ้ของเขานั้นมีชู้

     อย่างไรก็ตามฝ่ายลูกชายนั้นยังคงเชื่อมั่นในตัวภรรยาของเขาเองและคาดว่าผลการตรวจน่าจะมีอะไรผิดพลาดดังนั้นเขาจึงได้พาชายชราและลูกชายของเขาไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจดีเอ็นเออีกครั้งและผลสรุปออกมาว่าตัวลูกชายกับหลานชายนั้นเป็นพ่อลูกกันจริงๆแต่ชายชรากับตัวลูกชายของเขานั้นกลับไม่ใช่พ่อลูกกันสร้างความช็อกให้กับชายชราเป็นอย่างมาก

    อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะรู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกชายที่แท้จริงของพ่อแต่ตัวเขานั้นก็ยังคงอยู่ดูแลพ่อของเขาเพราะเขายังเคารพรักพ่อของเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงส่วนชายชราเองเขาก็ยังคงอยู่กับความเศร้าเสียใจกับการที่เขาพยายามที่จะค้นคว้าหาความจริงเกี่ยวกับครอบครัวของลูกชาย

เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ถูกหักหลังคือตัวเขาเองและภรรยาที่ล่วงลับของเขาไปแล้วก็ไม่สามารถมาบอกเขาได้แล้วว่าเพราะที่แท้จริงของลูกชายของเขานั้นคือใคร 

 

 

สนับสนุนโดย    ole777

พนักงาน Call Center ของธนาคารนินทาลูกค้าแต่ลืมวางสาย

พนักงาน Call Center ของธนาคารนินทาลูกค้าแต่ลืมวางสาย

          กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์เนื่องจากว่ามีคลิปเสียงบทสนทนาของพนักงาน Call Center ธนาคารที่คุยกับลูกค้าชายถูกนำมาแชร์ใน Application tiktok โดยในคลิปมีการพูดติดตามเกี่ยวกับเรื่องของเอกสารซึ่งท้ายคลิปนั้นจะเห็นได้ว่าตัวลูกค้าที่เป็นผู้ชายจะมีการส่งเอกสารไปให้กับพนักงาน

ในวันนี้โดยมีการถามว่าถ้าหากส่งเอกสารวันนี้จะทันหรือไม่แต่พนักงาน Call Center ได้มีการปฏิเสธโดยระบุว่าส่งวันนี้เอกสารก็จะมีการส่งเรื่องในวันพรุ่งนี้อยู่ดีซึ่งในคลิปเสียงสนทนาก็เป็นการสื่อสารที่เข้าใจตรงกันระหว่างลูกค้ากับพนักงาน Call Center

      อย่างไรก็ตามหลังจากคลิปเสียงสิ้นสุดลงได้ไม่ถึง 2 วินาทีเนื่องจากว่าเจ้าของคลิปยังไม่ได้กดวางสายก็ได้ยินเสียง Call Center พูดกับบุคคลที่ 3

ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเพื่อน Call Center ด้วยกันโดยมีการพูดนินทาลูกค้าที่พึ่งวางสายไปซึ่งมีการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมโดยลูกค้าธนาคารคนดังกล่าวยังคงฟังพนักงาน Call Center แอบซุบซิบนินทาตัวเองอยู่และได้มีการอัดคลิปเสียงเอาไว้หลังจากนั้นก็นำมาแชร์ในแอปพลิเคชั่น tiktok จนกลายเป็นประเด็นดราม่าเกิดขึ้น 

     อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่คลิปเสียงดังกล่าวถูกแชร์ในโลกออนไลน์และมีผู้เข้าไปฟังคลิปเสียงดังกล่าวเป็นจำนวนมากและมีการพูดถึงกรณีที่พนักงาน Call Center แอบนินทาลูกค้าหลังจากวางสายว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางธนาคารซึ่งเป็นธนาคารที่พนักงาน Call Center

ทำงานอยู่ก็ได้มีการติดต่อมายังลูกค้าคนดังกล่าวเพื่อทำการขอโทษและได้มีการแจ้งเกี่ยวกับบทลงโทษของพนักงานที่แอบนินทาลูกค้าโดยระบุว่าได้มีการสั่งพักงานพนักงานคนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

    สำหรับความคิดเห็นของคนในโลกออนไลน์นั้นมองว่าพนักงาน Call Center อาจจะเหนื่อยล้าจากการทำงานมากเกินไปเพราะเป็นสายสุดท้ายที่จะต้องสนทนากับลูกค้าแต่ถ้าหากคิดจะนินทาลูกค้าก็ควรที่จะมีการตรวจสอบก่อนว่าตนเองวางสายลูกค้าไปแล้ว

หรือไม่เพราะหลายคนก็เข้าใจดีว่าการทำงานเป็นพนักงาน Call Center ที่จำเป็นที่จะต้องคุยกับลูกค้าทั้งวันนั้นค่อนข้างเหนื่อยและก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่มักจะมีการนินทาคนลับหลังซึ่งตัวเจ้าของคลิปเสียงซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพียงแค่นำมาโพสต์ใน tiktok ขำๆเพียงเท่านั้น

   ส่วนทางด้านชาวโซเชียลอีกกลุ่มหนึ่งกับมองว่าการทำงานเป็นพนักงาน Call Center นั้นควรจะต้องเต็มใจให้บริการลูกค้าไม่ว่าคุณจะให้บริการลูกค้าคนอื่นมาแล้วกี่สายก็ตามและไม่สมควรที่จะนินทาลูกค้าและทางธนาคารควรจะต้องมีการอบรมการให้บริการของพนักงานของตนเองให้ดีมากกว่านี้

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    bk8

หมอเปิดประสบการณ์ 37 ปี เจอเคสตายแล้วฟื้นเกือบ 5,000 ครั้ง 

หมอเปิดประสบการณ์ 37 ปี เจอเคสตายแล้วฟื้นเกือบ 5,000 ครั้ง 

คำถามที่หลายคนคงเกิดความสงสัยว่าเมื่อคนเราตายไปแล้วเราจะไปที่ไหนกัน  จะมีนรกให้คนที่ทำความผิดและจะมีสวรรค์ให้กับคนที่ทำความดีได้ไปอยู่หรือไม่

 เราไม่สามารถที่จะหาคำตอบเหล่านี้ได้เลยเพราะเมื่อตายไปแล้วก็ไม่มีใครที่จะสามารถกลับมาบอกเราได้ว่าเรื่องราวดังกล่าวมันเป็นยังไงกันแน่ดังนั้นชีวิตหลังความตายจึงไม่สามารถมีใครที่จะพิสูจน์ได้  

มีหลายคนที่เชื่อว่าชีวิตหลังความตายนั้นมีจริงผู้คนจะยังคงไปในภพภูมิที่ดีถ้าหากว่าเลือกทำความดีและถ้าหากใครที่ทำความชั่วก็จะต้องไปเจอกับสถานที่ที่จะรอรับคนทำความชั่วนั้นคือนรกภูมินั่นเอง  แน่นอนว่าบางคนก็ไม่ได้เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายและไม่ได้มีความเชื่อเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด  

อย่างไรก็ตามมีนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งและเนื้องอก  ซึ่งนายแพทย์ท่านนี้เป็นชาวสหรัฐอเมริกาอาศัยอยู่ในรัฐแคนทัคกี้ชื่อว่า เจฟฟรีย์ ลอง  

โดยนายแพทย์รายนี้ได้ออกมาประกาศว่าเขาเชื่อในเรื่องโลกหลังความตายว่ามีอยู่จริงอย่างแน่นอนเนื่องจากว่าเขามีประสบการณ์ทางการแพทย์มาเป็นระยะเวลานานกว่า 37 ปี  ในการรักษาผู้คนเฉียดตายมาแล้วมากกว่า 5,000 เคส 

เว็บไซต์ อ็อดดิตี้เซนทรัล  ได้มีการเปิดเผยแนวความคิดของดร. เจฟฟี่เมื่อวันที่ 7 เดือนกันยายน ปี พ.ศ 2566  ซึ่งดร. เจฟฟรีย์  ลอง นั้นได้มีการศึกษาค้นคว้าวิธีการรักษาเกี่ยวกับโรคมะเร็งโดยใช้รังสี  ซึ่งด็อกเตอร์เจฟฟรีย์ ลอง นั้นได้รักษาคนไข้มาเป็นระยะเวลานานแล้วและจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้กับด็อกเตอร์เจฟฟรีย์ ลอง มีความเชื่อมั่นว่าชีวิตหลังความตายนั้นมีจริง

เมื่อดอกเตอร์เจฟฟรีย์ ลอง ได้เจอกับเคสของคนไข้รายหนึ่ง  เพราะคนไข้รายนี้ได้ตายไปแล้วแต่กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เรียกว่ามันคือประสบการณ์เฉียดตาย  นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดร. เจฟฟรีย์ ลองก็หมกมุ่นศึกษาเกี่ยวกับเรื่องคนตายแล้วฟื้นขึ้นมาได้   ดร. เจฟฟรีย์ ลอง ใช้ระยะเวลาหลายปีในการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวของคนตายแล้วฟื้นโดยเขาได้เก็บรวบรวมข้อมูลและประสบการณ์มากมายซึ่งการศึกษานั้นได้มีการศึกษา Case มากกว่า 5,000 เคสเลยทีเดียว 

ดร. เจฟฟรีย์ ได้ยกตัวอย่างกรณีศึกษาเคสนึงมาถึงเหตุผลที่ทำให้เขาเชื่อว่าชีวิตหลังความตายนั้นมีอยู่จริงนั่นก็เพราะว่ามีหญิงสาวรายหนึ่งได้หมดสติตอนที่กำลังขี่ม้าอยู่  และเธอก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแต่หลังจากที่หญิงสาวรายนี้ฟื้นขึ้นมาเธอสามารถเล่าถึงเหตุการณ์ที่อยู่ในฟาร์มม้าที่เธอหมดสติได้อย่างชัดเจนซึ่งเหตุการณ์ที่หญิงสาวรายนี้เล่านั้นเป็นเหตุการณ์ในช่วงที่เธอหมดสติ

ดังนั้น ดร. เจฟฟรีย์ จึงมีความเชื่อมั่นว่าถึงแม้คนเราจะเสียชีวิตไปแล้วแต่จิตวิญญาณจะออกจากร่างกายหยาบและยังสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ และใช้ชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นชีวิตในรูปแบบหลังความตายนั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    huaydee

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa