หมวดหมู่: ข่าวที่เป็นกระแส

สลดรับวันเด็กโจรปล้นร้านทองยิงเด็ก 2 ขวบตาย

สลดรับวันเด็กโจรปล้นร้านทองยิงเด็ก 2 ขวบตาย

เมื่อเวลา 20.45 น.ของคืนวันที่ 9 มกราคม ตำรวจ สภอ.เมืองลพบุรีได้รับแจ้งว่ามีโจรบุกปล้นร้านทองออโรร่า ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าโรบินสันสาขาลพบุรี

เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีผู้เคราะห์ร้ายถูกยิงทั้งหมด 7 ราย เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย  ที่น่าสลดใจคือ หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นเด็กชายวัย 2 ขวบ 

ภาพจากกล้องวรจรปิดทำให้เห็นว่าคนร้ายใส่ชุดทหารคลุมปกปิดใบหน้าด้วยผ้าสีดำ เดินเข้ามาในห้าง ยิงปืนใส่ รปภ.ที่ยืนอยู่  จากนั้นลงมือปล้นทองที่ร้านทองออโรร่า โดยมีการยิงปืนใส่คนที่ยืนซื้อทองอยู่หน้าร้าน 2 คน ยิงใส่พนักงานขายที่เป็นผู้หญิงของร้านอีก 2 คน จากนั้นก็ได้หยิบทองในตู้ใส่กระเป๋า แล้ววิ่งออกจากห้างขี่มอเตอร์ไซค์หลบหนีไป 

แต่มีกล้องวงจรของร้านขายทองข้างๆบันทึกได้ว่าก่อนที่โจรจะยิงปืนใส่คนที่ยืนซื้อทองร้านออโร่ร่า  มีเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังเดินจูงมือกับแม่อยู่นั้น จู่ๆก็ล้มลง แม่เข้ามาอุ้มเห็นเลือดนองที่พื้น ทำให้รู้ว่าลูกถูกยิง แม่พยายามตะโกนร้องให้คนแถวนั้นช่วยแต่ก็ช้าไปเสียแล้วน้องเสียชีวิตเพราะถูกยิงเข้าที่สมอง มันช่างเป็นภาพที่หดหู่ใจใครได้ดูก็ต้องร้องไห้ตาม 

ภายหลังเราได้ทราบว่าน้องที่เสียชีวิตชื่อน้องไตตัน เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวนี้  ส่วนครอบครัวผู้เสียชีวิตอีก 2 รายที่นักข่าวไปสัมภาษณ์มาก็น่าสงสาร พี่รปภ.ที่ตายมีลูกที่ต้องเลี้ยงดู  3 คน พนักงานสาวร้านทองที่ตายก็มีลูกเล็ก 1 คน

สงสารครอบครัวเค้าอยู่ๆก็ต้องมาสูญเสียคนที่รักไป จริงๆแล้วโจรมันต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยหรอ เข้ามาปล้นทองคุณก็เอาแต่ทองไปซิ จะมาฆ่าผู้บริสุทธิ์คนอื่นเค้าทำไม เลือดเย็นเกินไปไหมจิตใจทำด้วยอะไรทำไมโหดเหี้ยมจัง 

ล่าสุดตอนนี้ตำรวจกำลังติดตามไล่ล่าหาตัวคนร้ายอยู่ เราตามข่าวลุ้นให้ตำรวจจับมันให้ได้ แต่จากรูปการแล้วคิดว่าน่าจะยากเพราะหน้าตามันเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ เบาะแสที่มีก็น้อยมาก ถ้าเป็นไปได้อยากให้มันถูกตำรวจวิสามัญตายไปเลย คนเลวๆอย่างงี้อย่าให้มันมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเดียวกับพวกเรา แทนที่วันเด็กทั้งทีจะมีข่าวที่ดีเกี่ยวกับเด็กๆ ต้องมาเจอกับข่าวเลวร้ายสะเทือนใจแบบนี้

สุดท้ายขอแสดงความเสียใจและเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ขอให้ครอบครัวทำใจกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นนี้ได้โดยเร็ว  พร้อมทั้งพยายามลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้เพื่อคนที่ยังมีชีวิตในครอบครัวที่เราต้องหาเลี้ยงต่อไป

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  แทงบอลออนไลน์

สาวไม่รับรัก ฝ่ายชายเอาสีไปฉีดใส่รถชาวบ้านระบายแค้น

สาวไม่รับรัก ฝ่ายชายเอาสีไปฉีดใส่รถชาวบ้านระบายแค้น

ที่ชุมชนสะพานเขียววัดบางหญ้าแพรก แถว สำโรงใต้ อ้ายมีเหตุการณ์รถยนต์ของคนในชุมชนที่จอดไว้หน้าบ้านถูกทำร้ายด้วยการนำสีมาพ่นด้วยข้อความหยาบคายโดยรถแต่ละคันถูกโอนโดยสเปรย์สีแดงเขียนเป็นคำด่าผู้หญิงในเชิงผู้หญิงหากินซึ่งรถที่เสียหายไม่ได้มีแค่คันเดียวเท่านั้นโดยชาวบ้านบอกว่าถูกพ่นสเปรย์ใส่รถประมาณ 4-5 คัน

เจอเรื่องราวเกิดขึ้นจากที่ผู้ชายคนหนึ่งมาจีบหญิงสาวที่อยู่ในซอยของชุมชนสะพานเขียวแต่เหมือนกับหญิงสาวไม่เล่นด้วยไม่ยอมรับรักทำให้ฝ่ายชายรู้สึกโกรธและไม่พอใจจึงมาลงกับรถของชาวบ้านที่จอดอยู่หน้าบ้านในซอยดังกล่าว เพื่อพ่นด่าฝ่ายหญิง แต่เป็นการทำกับรถของคนอื่น ซึ่งเมื่อนักข่าวได้ลงไปสำรวจพื้นที่

เกิดเหตุและสอบถามเจ้าของรถที่ถูกพ่นสีใส่มีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นเจ้าของรถบอกว่าตนเองจอดรถไว้หน้าบ้านแล้วประมาณ 1:00 นก็ขับรถออกนอกบ้านเพื่อที่จะไปรับผักมาขายปรากฏว่าที่รถมีการเขียนคำด่าเอาไว้ตัวใหญ่มากซึ่งเธอรู้สึกว่ามันเป็นคำที่สร้างความอับอายให้เธอมากเพราะเธอก็เป็นผู้หญิงและเป็นคนขับรถคันนี้คนที่เห็นเขาก็ไม่รู้หรอกว่าเขียนด่าใคร

แต่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเธอต้องรีบออกไปซื้อผักทำให้เธอจำเป็นต้องขับรถคันนี้ออกไปหลังจากซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงนำรถกลับมาต่อประกันเพื่อให้ประกันรีบล้างสีรถออกให้ ซึ่งรถบังคับที่ถูกพ่นสีนั้นจะมีการระบุชื่อของผู้หญิงที่เขาต้องการด่าเอาไว้ด้วยแต่ผู้หญิงคนดังกล่าวไม่ใช่เจ้าของรถคันที่ถูกพ่นสีดังนั้นชาวบ้านจึงเลยรู้ว่าชื่อผู้หญิงที่อยู่บนรถนั้นคือใคร

เพราะว่าเป็นคนอยู่ในละแวกเดียวกันเมื่อไปสอบถามหญิงสาวก็ได้รับข้อมูลว่าน่าจะเป็นผู้ชายที่มาตามจีบเธอแล้วเธอไม่รับรักผู้ชายคนดังกล่าวน่าจะโมโหจึงได้ไปลงกับรถของคนอื่นชาวบ้านจึงพากันรวมตัวเดินทางไปที่สถานีตำรวจสำโรงใต้เพื่อทำการแจ้งความให้ดำเนินคดีกับชายคนดังกล่าวที่มาสร้างความเสียหายทำลายทรัพย์สินของคนอื่น 

    เหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้เสียหายหลายรายพากันไปร้องทุกข์และแจ้งความจับชายคนดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้วซึ่งใช้คนดังกล่าวจะต้องมาจ่ายค่าเสียหายให้กับชาวบ้านที่ตนเองไปทำลายข้าวของคนอื่นเขาซึ่งอันที่จริงแล้วหากเขาทะเลาะกับใครก็ควรจะไปพูดจาเคลียร์ตกลงกับคนที่ทะเลาะด้วยไม่ควรที่จะเอาอารมณ์มาใส่กับคนอื่น

ทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนมากมายขนาดนี้ยิ่งในสถานการณ์ที่เงินทองหายากแบบนี้ชาวบ้านต่างก็ ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตนเองเลย

  และเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ใช้คนดังกล่าวก็นำสีสเปรย์มาพ่นฉีดตามผนังบ้านของเพื่อนบ้านพร้อมทั้งด่าหญิงสาวที่ไม่ยอมรับรักตนเองอีกทั้งยังเคยขู่ด้วยว่าจะเผาชุมชนที่แฟนสาวอาศัยอยู่หากไม่ยอมรับรักดังนั้นชาวบ้านจึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวมาลงโทษให้ได้ เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก 

การเปิดไทม์ไลน์คนไทยติดเชื้อไวรัสโควิด-19

การเปิดไทม์ไลน์คนไทยติดเชื้อไวรัสโควิด-19

ข่าว การเปิดไทม์ไลน์คนไทยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 11 คนได้อย่างไร

       จากกรณีที่มีข่าวมีคนไทยทั้งหมด 11 คนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมกันเนื่องจากมีการจัดงานปาตี้กินเหล้ากัน โดยผู้ที่แพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่าเป็นเพื่อนที่เดินทางมาจากประเทศฮ่องกง  ซึ่งวันนี้เราจะมีย้อนไทม์ไลน์ ว่าเหตุการณ์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงคนดังกล่าวมาแพร่เชื้อให้กับคนไทยทั้ง 11 คนได้อย่างไร จนทำให้ตอนนี้ประเทศไทยมียอดจำนวนผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด -19 พุ่งขึ้นมาถึง 70 คนแล้วด้วยกัน

  • มีรายงานข่าวว่านักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงเดินทางมาหาเพื่อนที่เป็นคนไทยในวันที่ 21 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020  แล้วเพื่อนแก๊งคนไทยก็พาเพื่อนที่เป็นนักท่องเที่ยงฮ่องกงไปเที่ยวสังสรรค์กัน
  • หลังจากนั้นประมาณวันที่ 25 เดือนกุมภาพันธ์หนึ่งคนในแก๊งที่ไปเที่ยวด้วยกันมีอาการเป็นไข้ ไอและหนาวสั่น และถึงแม้ว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายแต่ก็ยังนัดเพื่อนเพื่อนกลุ่มเดิมมากินเลี้ยงสังสรรค์กันอีก โดยนัดกันวันที่ 27 กับ 29 เดือนกุมภาพันธ์ปี 2020โดยงานเลี้ยงสังสรรค์นั้น 2 วันดังกล่าวกลุ่มเพื่อนแก๊งนี้จะกินเหล้าแก้วเดียวกันและมีการสูบบุหรี่มวนเดียวกัน อยู่ในห้องแคบๆไม่มีอากาศถ่ายแท
  • หลังจากนั้น ประมาณ 4 วันต่อมาคนในแก๊งดังกล่าวก็เริ่มทยอยพากันไม่สบาย และเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งทั้งหมดได้เดินทางไปรักษาตัวพร้อมพร้อมกัน และเมื่อมีการส่งตรวจสอบหาเชื้อไวรัสโควิด -19  พบว่าทั้งหมดติดเชื้อไวรัสดังกล่าว และวันที่ 12 เดือนมีนาคม ปี 2020 ทางโรงพยาบาลก็ออกมายืนยันว่า แก๊งดังกล่าวที่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ได้มีการติดเชื้อไวรัสโควิด -19 จำนวน 11 คน ซึ่งกลุ่มคนในแก๊งดังกล่าวมีรวมกันทั้งสิ้น 15 คน โดยจากการที่เจ้าหน้าที่ได้ซักประวัติพบว่า อีก 4 คนที่เหลือไมได้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวด้วย ซึ่งทั้งสี่คนบอกว่าไม่ได้กินเหล้าแก้วเดียวกับทั้ง 11 คนส่วนบุรี่ก็ไม่ได้สูบ
  • หลังจากนี้ทางกระทรวงสาธารณะสุขได้เข้าไปตรวจสอบบรรดาเพื่อนเพื่อนและคนในครอบครัวของทั้ง 11 คนเพิ่มเติมและให้ทำการกักตัวรอดูอาการก่อน 14 วัน

  และสำหรับนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงคนที่มาแพร่เชื้อไวรัสนั้นได้เดินทางกลับประเทศไปแล้วตั้งแต่ก่อนวันที่ 12 เดือนมีนาคม ปี 2020  ซึ่งนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวอาจจะไม่ทราบว่าตนเองเป็นผู้ที่เข้ามาแพร่เชื้อโรค เพราะ ณ วันที่เดินทางเข้าประเทศไทยมา

นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงอาจจะยังไม่มีอาการของเชื้อ และในตอนนี้ประเทศไทยเองก็ยังไมได้มีการป้องกันคัดกรองหาผู้ติดเชื้ออย่างเข็มงวด ทำให้นับแต่นี้ไปทางรัฐบาลจะต้องมีแนวทางคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศให้ดีกว่านี้

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa