ป้ายกำกับ: ข่าวที่น่าติดตาม

เพราะธุรกิจเจ้งเพราะโควิด-19 ทำพิษ

เพราะธุรกิจเจ้งเพราะโควิด-19 ทำพิษ

หนุ่มเจ้าของธุรกิจคิดสั้น เพราะธุรกิจเจ้งเพราะโควิด-19 ทำพิษ หวังกระโดดสะพานฆ่าตัวตาย โชคดี มีคนช่วยไว้ได้

         สืบเนื่องมาจากปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 ทำกิจการหลายกิจการเจ๊งไม่เป็นท่าเศรษฐกิจของประเทศล้มระเนระนาดเจ้าของกิจการหลายคนคิดสั้น  และมีหลายคนที่ฆ่าตัวตายและหนึ่งในนั้นเป็นเจ้าของธุรกิจอายุแค่เพียง 36 ปีเท่านั้น

ประสบปัญหาธุรกิจที่ทำอยู่เจ๊งมีหนี้สินมากมายทั้งในและนอกระบบและหนี้ในระบบไม่สามารถหาเงินไปจ่ายหนี้ได้ทำให้คิดสั้นหวังฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดแม่น้ำตรงสะพานบางปะกง

       เจ้าหน้าที่ตำรวจของสภบางปะกงได้รับแจ้งจากพลเมืองดีเข้ามาว่าพบเห็นชายคนหนึ่งยืนตรงสะพานแม่น้ำบางปะกงมีลักษณะของอาการเหม่อลอยทำท่าทางเหมือนกำลังจะกระโดดน้ำเพื่อฆ่าตัวตายซึ่งมีผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนได้พยายามเข้าไปช่วยพูดจาโน้มน้าวชายคนดังกล่าวให้เปลี่ยนใจไม่กระโดดน้ำหลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงชายคนดังกล่าวก็เปลี่ยนใจและทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถช่วยเหลือเอาไว้ได้ด้วยการจับตัวขณะที่ชายคนดังกล่าวกำลังเผลอในเมื่อควบคุมตัวได้แล้วจึงนำตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจ

โดยชายคนที่จะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายนั้นได้เล่าให้ฟังว่าตนเองมีอายุ 36 ปีเปิดธุรกิจเกี่ยวกับการขายอาหารแต่เนื่องจากตอนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ทำให้ร้านค้าของเขาต้องปิดกิจการลง ซึ่งทำให้เขาประสบปัญหาไม่มีเงินมาจ่ายหนี้สินที่มีอยู่แล้ว

โดยตัวเขาเองมีหนี้ทั้งในระบบธนาคารและหนี้นอกระบบที่เป็นหนี้ยืมสินคนอื่นมาทำให้เกิดความเครียดและเมื่อขับรถผ่านมาที่สะพานบางปะกงจึงได้ตัดสินใจที่จะกระโดดน้ำหวังฆ่าตัวตายแต่ก็มีผู้มาพบเห็นและเข้าช่วยเหลือและตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเขาช่วยเหลืออย่างที่เห็น

         สำหรับปัญหาของผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจที่ตอนนี้ต่างก็ประสบปัญหาการทำธุรกิจขาดทุนไม่มีเงินไปใช้หนี้จากการที่นำเงินมาลงทุน นั้นเรียกได้ว่ามีผู้ประสบปัญหาแบบนี้มากกว่าพันรายเลยทีเดียวและหลายคนต่างก็กำลังเคร่งเครียดในการที่จะหาเงินมาใช้หนี้

ซึ่งต้องรอดูว่าที่รัฐบาลประกาศจับมือกับทางธนาคารไปช่วยเหลือผู้ประกอบการนั้นสามารถช่วยเหลือเจ้าของธุรกิจที่กำลังมีหนี้สินได้อย่างไรบ้างเพราะตอนนี้ร้านค้าส่วนใหญ่ถูกสั่งให้ปิดกิจการเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโควิด-19ทำให้เจ้าของกิจการไม่สามารถหารายได้เข้ามาเลี้ยงตนเองและนำไปใช้หนี้ได้จึงทำให้หลายคนต้องคิดสั้นฆ่าตัวตายดั่งเช่นชายวัย 36 ปีคนนี้เป็นต้น 

สาวไม่รับรัก ฝ่ายชายเอาสีไปฉีดใส่รถชาวบ้านระบายแค้น

สาวไม่รับรัก ฝ่ายชายเอาสีไปฉีดใส่รถชาวบ้านระบายแค้น

ที่ชุมชนสะพานเขียววัดบางหญ้าแพรก แถว สำโรงใต้ อ้ายมีเหตุการณ์รถยนต์ของคนในชุมชนที่จอดไว้หน้าบ้านถูกทำร้ายด้วยการนำสีมาพ่นด้วยข้อความหยาบคายโดยรถแต่ละคันถูกโอนโดยสเปรย์สีแดงเขียนเป็นคำด่าผู้หญิงในเชิงผู้หญิงหากินซึ่งรถที่เสียหายไม่ได้มีแค่คันเดียวเท่านั้นโดยชาวบ้านบอกว่าถูกพ่นสเปรย์ใส่รถประมาณ 4-5 คัน

เจอเรื่องราวเกิดขึ้นจากที่ผู้ชายคนหนึ่งมาจีบหญิงสาวที่อยู่ในซอยของชุมชนสะพานเขียวแต่เหมือนกับหญิงสาวไม่เล่นด้วยไม่ยอมรับรักทำให้ฝ่ายชายรู้สึกโกรธและไม่พอใจจึงมาลงกับรถของชาวบ้านที่จอดอยู่หน้าบ้านในซอยดังกล่าว เพื่อพ่นด่าฝ่ายหญิง แต่เป็นการทำกับรถของคนอื่น ซึ่งเมื่อนักข่าวได้ลงไปสำรวจพื้นที่

เกิดเหตุและสอบถามเจ้าของรถที่ถูกพ่นสีใส่มีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นเจ้าของรถบอกว่าตนเองจอดรถไว้หน้าบ้านแล้วประมาณ 1:00 นก็ขับรถออกนอกบ้านเพื่อที่จะไปรับผักมาขายปรากฏว่าที่รถมีการเขียนคำด่าเอาไว้ตัวใหญ่มากซึ่งเธอรู้สึกว่ามันเป็นคำที่สร้างความอับอายให้เธอมากเพราะเธอก็เป็นผู้หญิงและเป็นคนขับรถคันนี้คนที่เห็นเขาก็ไม่รู้หรอกว่าเขียนด่าใคร

แต่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเธอต้องรีบออกไปซื้อผักทำให้เธอจำเป็นต้องขับรถคันนี้ออกไปหลังจากซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงนำรถกลับมาต่อประกันเพื่อให้ประกันรีบล้างสีรถออกให้ ซึ่งรถบังคับที่ถูกพ่นสีนั้นจะมีการระบุชื่อของผู้หญิงที่เขาต้องการด่าเอาไว้ด้วยแต่ผู้หญิงคนดังกล่าวไม่ใช่เจ้าของรถคันที่ถูกพ่นสีดังนั้นชาวบ้านจึงเลยรู้ว่าชื่อผู้หญิงที่อยู่บนรถนั้นคือใคร

เพราะว่าเป็นคนอยู่ในละแวกเดียวกันเมื่อไปสอบถามหญิงสาวก็ได้รับข้อมูลว่าน่าจะเป็นผู้ชายที่มาตามจีบเธอแล้วเธอไม่รับรักผู้ชายคนดังกล่าวน่าจะโมโหจึงได้ไปลงกับรถของคนอื่นชาวบ้านจึงพากันรวมตัวเดินทางไปที่สถานีตำรวจสำโรงใต้เพื่อทำการแจ้งความให้ดำเนินคดีกับชายคนดังกล่าวที่มาสร้างความเสียหายทำลายทรัพย์สินของคนอื่น 

    เหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้เสียหายหลายรายพากันไปร้องทุกข์และแจ้งความจับชายคนดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้วซึ่งใช้คนดังกล่าวจะต้องมาจ่ายค่าเสียหายให้กับชาวบ้านที่ตนเองไปทำลายข้าวของคนอื่นเขาซึ่งอันที่จริงแล้วหากเขาทะเลาะกับใครก็ควรจะไปพูดจาเคลียร์ตกลงกับคนที่ทะเลาะด้วยไม่ควรที่จะเอาอารมณ์มาใส่กับคนอื่น

ทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนมากมายขนาดนี้ยิ่งในสถานการณ์ที่เงินทองหายากแบบนี้ชาวบ้านต่างก็ ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตนเองเลย

  และเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ใช้คนดังกล่าวก็นำสีสเปรย์มาพ่นฉีดตามผนังบ้านของเพื่อนบ้านพร้อมทั้งด่าหญิงสาวที่ไม่ยอมรับรักตนเองอีกทั้งยังเคยขู่ด้วยว่าจะเผาชุมชนที่แฟนสาวอาศัยอยู่หากไม่ยอมรับรักดังนั้นชาวบ้านจึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวมาลงโทษให้ได้ เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก 

โชว์กร่าง Call หาช่อง3 ขู่ให้ระวังระวังตัวให้ดี

โชว์กร่าง Call หาช่อง3 ขู่ให้ระวังระวังตัวให้ดี

กลุ่มที่อุ้มคนกลางงานบวชโชว์กร่าง Call หาช่อง3 ขู่ให้ระวังระวังตัวให้ดี

หากยังจำข่าวเมื่อไม่กี่วันก่อนกันจะที่มีการแชร์เกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ไปงานบวชเพื่อนแล้วถูกชายที่ไม่รู้จักบุกเข้ามาในงานบวชกลางวันแสกแสกที่จัดงานที่วัดเอาปืนขู่กรรโชกและนำตัวขึ้นรถกระบะพาออกไปจากวัดต่อหน้าต่อตาของคนที่มาร่วมงานบวชและพระสงฆ์ทั้งวัด พร้อมกันนั้นก็ได้ยิงปืนขู่คนในวัดด้วย และเมื่อพาชายคนดังกล่าวออกมาจากวัดแล้วก็พามาซ้อมและปล่อยตัวไว้ที่ สน. ตลิ่งชัน ภายหลังน้องสาวของผู้เสียหายได้โพสต์คลิป

และเล่าเรื่องราวดังกล่าวออกมาผ่านเฟสบุ๊ก เพราะกลัวว่าเรื่องจะเงียบอีกทั้งนักเลงทั้งสามคนก็มีการโทรมาข่มขู่เธอและพี่ชายไม่ให้แจ้งความพร้อมกันนั้นก็บอกว่าจะให้เงิน จำนวน 40000 บาทเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล เพราะจับตัวไปผิดคน ซึ่งทางฝั่งผู้เสียหายไม่ยอมได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้วนั้น ปรากฏว่าในตอนนี้ทางนักเลงทั้งสามคนได้รับการประกันตัวออกมา

และมีการโทรข่มขู่ทางผู้เสียหายอีกครั้ง ซึงยังบอกว่าด้วยว่า พวกตนไม่กลัวตำรวจไม่ว่าจะเป็นคนมีอำนาจใหญ่โตมากแค่ไหนก็ตามและเมื่อนักข่าวทางช่อง 3 ได้นำเสนอข่าวนี้ออกไป ทั้งสามคนที่เป็นนักเลงก็มีการโทรเข้าไปที่ช่อง 3 และทำการข่มขู่นักข่าวที่มาทำข่าวเรื่องของพวกตน โดยบอกให้ระวังตัวให้ดี ซึ่งรายการของช่อง 3 ที่เข้ามาทำข่าวนี้นั้นเป็นรายการของคุณ หนุ่มกรรชัย

ซึ่งได้รับการร้องเรียนไปทางช่อง 3 วันมีเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สน. ตลิ่งชันโทรเข้ามาที่บ้านผู้เสียหาย และร้องขอให้ทางผู้เสียหายลบคลิปเหตุการณ์ในวัดออก แต่ทางผู้เสียหายไม่ต้องการลบคลิปแต่ในที่สุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เอามือถือไปลบคลิปออกจนได้ แต่ทางน้องผู้เสียหายบอกว่า คลิปดังกล่าวตนเองมีการส่งต่อไปให้กับแม่และญาติญาติคนอื่นอื่นเอาไว้แล้วถึงตำรวจจะลบก็ไม่มีปัญหาและที่สำคัญข้อความที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของ สน. ตลิ่งชันมาต่อรองขอให้ลบคลิปออกไปนั้น ได้มีการบันทึกเสียงเอาไว้ด้วย

   คงต้องมารอดูกันว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้จะจบลงอย่างไร เพราะจากที่ติดตามข่าวมาแสดงว่าผู้ก่อเหตุต้องมีความมั่นใจมากพอว่าตนเองมีอิทธิพลพอที่ตำรวจจะไม่กล้ายุ่งซึ่งดูได้จากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรกลับมาหาผู้เสียหายขอให้ลบคลิป แต่เมื่อข่าวนี้กลับมาเป็นข่าวใหญ่โต และยังมีการกล่าวถึงนายตำรวจใหญ่ซึ่งกล้าท้าทายว่าไม่มีความเกรงกลัวแล้ว คงต้องรอดูกันว่าเจ้าหน้าที่ของ สน. ตลิ่งชันจะแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไร

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa