พ่อใจสลาย  จระเข้พุ่งงับเด็ก 10 ขวบลากลงน้ำไปต่อหน้า 

พ่อใจสลาย  จระเข้พุ่งงับเด็ก 10 ขวบลากลงน้ำไปต่อหน้า 

เว็บไซต์ต่างประเทศได้มีการรายงานข่าวเหตุการณ์สะเทินขวัญที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย 

ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อหนูน้อยวัย 10 ขวบได้ถูกจระเข้ตัวใหญ่จู่โจมเข้ามาทำร้ายและคาบร่างเด็กชายวัย 10 ขวบลงน้ำไปต่อหน้าต่อตาของผู้เป็นพ่อ

ซึ่งผู้เป็นพ่อไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้กว่าที่จะไปตามคนให้มาช่วยลูกชายของตนเองทุกอย่างก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว 

ตามรายงานข่าวระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จังหวัดการีมันตันกลาง   โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10   เดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2567 

 

ซึ่งเหตุการณ์เลวร้ายในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้เป็นพ่อได้พาลูกชายวัย 10 ขวบไปนั่งตกปลาตรงบริเวณท่าเรือริมแม่น้ำในช่วงเวลาสายของวันดังกล่าว 

ซึ่งพ่อลูกได้ตกปลากันจนเสร็จเรียบร้อยแล้วและกำลังจะกลับบ้านจึงได้ช่วยกันทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆรวมถึงล้างเครื่องมือที่แม่น้ำที่เกิดเหตุและระหว่างนั้นเองเด็กชายวัย 10 ขวบก็ต้องเคราะห์ร้ายเมื่ออยู่ดีๆก็มีจระเข้ตัวใหญ่จู่โจมเข้าใส่ 

จากการให้ข้อมูลของผู้เป็นพ่อระบุว่าในช่วงแรกที่จระเข้ยังไม่ได้มีการจู่โจมมาที่ร่างของลูกชายนั้นผู้เป็นพ่อเองก็ได้มีการสังเกตเห็นตัวจระเข้แล้วแต่ไม่คิดว่าเป็นจระเข้คิดเพียงแค่ว่าเป็นขอนไม้หรือต้นไม้ที่ตายแล้วและลอยมาตามแม่น้ำตามปกติซึ่งผู้เป็นพ่อไม่ได้มีการเฉลียวใจ

และไม่ได้มีการระมัดระวังตัวแต่อย่างใดดังนั้นในระหว่างที่หนูน้อยวัย 10 ขวบกำลังล้างมืออยู่ตรงริมแม่น้ำก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่ออยู่ดีๆ สิ่งที่พูดเป็นพ่อคิดว่าเป็นขอนไม้นั้นก็พุ่งขึ้นมางับร่างหนูน้อยวัย 10 ขวบหลังจากนั้นก็ลากลูกชายของเขาลงไปในน้ำและหายไปต่อหน้าต่อตาของเขาเลย

 ตามรายงานระบุว่าจระเข้ตัวดังกล่าวนั้นได้มีการลากหนูน้อยวัย 10 ขวบลงแม่น้ำก่อนที่จะไหว้ไปประมาณ 10 เมตรซึ่งหันหน้าไปทางต้นน้ำและดำน้ำหายไป  ซึ่งขณะนั้นเองคนผู้เป็นพ่อก็ยังคงตื่นตะลึงจึงไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือลูกชายทันที

แต่เมื่อรู้สึกตัวลูกชายก็หายไปในน้ำต่อหน้าต่อตาแล้วดังนั้นผู้เป็นพ่อจึงได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงโดยมีเจ้าหน้าที่ช่วยกันออกค้นหาอีกแรงด้วย

อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วผู้เป็นพ่อก็ได้พบร่างของลูกชายตนเองหลังจากที่ช่วยกันค้นหากับเจ้าหน้าที่และชาวบ้านประมาณ 5 ชั่วโมงโดยร่างของลูกชายนั้นถูกพบห่างจากจุดที่เด็กถูกจระเข้คาบไปประมาณ 2 เมตรเพียงเท่านั้น 

ซึ่งขณะที่พบร่างนั้นร่างของเด็กชายยังคงอยู่ในปากของจระเข้อยู่เจ้าหน้าที่จึงได้มีการใช้ปืนยิงเข้าใส่ทำให้จระเข้ได้รับบาดเจ็บและมันก็ยอมขายร่างของเด็กชายวัย 10 ขวบออกจากปากก่อนที่จะดำน้ำหายไปหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการนำร่างของเด็กชายขึ้นมา

จากน้ำและนำไปให้กับครอบครัวของเด็กชายซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับทุกคนในครอบครัวที่ต้องสูญเสียเด็กชายวัย 10 ขวบเป็นอย่างมาก 

 

สนับสนุนโดย    ชุดตรวจ hiv

สามีจับได้ภรรยามีชู้ ช็อคหนัก  เมื่อชู้คือพ่อของตัวเอง 

สามีจับได้ภรรยามีชู้ ช็อคหนัก  เมื่อชู้คือพ่อของตัวเอง 

เมื่อวันที่ 11 เดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ 2566  เว็บไซต์ชื่อดังของประเทศจีนได้มีการเปิดเผยเรื่องราวชวนอึ้งของสามีภรรยาคู่หนึ่ง

ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกสังคมออนไลน์ของประเทศจีนเป็นอย่างมาก  โดยเรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อมีชายหญิงคู่นึงตัดสินใจที่จะแต่งงานกันและทั้งคู่ก็รักกันดีถึงแม้ว่าจะแต่งงานผ่านมานานถึง 2 ปีแล้วก็ตาม  

ในช่วงประมาณ ปีพ.ศ 2564   ทั่วโลกต้องเจอกับสภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด  ด้วยความที่ลูกชายเป็นห่วงผู้เป็นพ่อจึงได้ตัดสินใจ ให้พ่อย้ายมาอยู่อาศัยด้วย

อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่ผู้เป็นพ่อได้เข้าย้ายมาอยู่กับลูกชายก็สามารถเข้ากับลูกสะใภ้ได้เป็นอย่างดีจนทำให้ลูกชายนั้นเกิดความไว้วางใจเพราะไม่มีปัญหาพ่อผัวกับลูกสะใภ้แต่ก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ

เนื่องจากว่ามักจะสังเกตเห็นว่าภรรยาของตนเองกับพ่อมีความสนุกสนานกันมากเป็นพิเศษ   แต่ฝ่ายชายก็ไม่ได้วิตกกังวลอะไรเพราะ เข้าใจว่าพ่อของตนเองคงเอ็นดูภรรยาเขาเหมือนเป็นลูกสาวของตนเอง

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในวันหนึ่งของเดือนกรกฎาคมปีพ.ศ 2564 เมื่ออยู่ดีๆฝ่ายชายก็เลิกงานเร็วจึงได้รีบกลับบ้านแล้วก็เจอภาพช็อค 

เมื่อพบว่าภรรยาของตนเองกำลังกอดจูบกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ภายในบ้านและสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรายนี้ต้องตกใจซ้ำและช็อคหนักเมื่อผู้ชายที่ภรรยาแอบนอกใจด้วยนะกลับกลายเป็นพ่อของเขาเอง 

อย่างไรก็ตามฝ่ายชายได้มีการแสดงตัวให้กับภรรยาและพ่อได้ทราบว่าเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วซึ่งทางภรรยาในตอนแรกปฏิเสธแต่ก็จำนวนด้วยหลักฐานจึงให้การยอมรับและขอให้สามียกโทษให้ในขณะที่ผู้เป็นพ่อก็ขอให้ลูกชายยกโทษให้ภรรยาของตนเองโดยผู้เป็นพ่อยอมที่จะย้ายออกจากบ้านเพื่อให้ลูกชายและการภรรยาได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวอย่างมีความสุขต่อไป 

ฝ่ายชายใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาอย่างมีความสุขได้ไม่นานก็ไปเจอว่าภรรยาของตนเองเดินกระหนุงกระหนิงกับชายหนุ่มในลักษณะพิงศีรษะในที่สาธารณะและผู้ชายคนดังกล่าวก็ไม่ใช่ใครอื่น กลับเป็นพ่อของเขาคนเดิมนั่นเอง  ด้วยความเสียใจที่ถูกหลอกซ้ำสองทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะฟ้องภรรยาและพ่อของตนเอง

โดยมีการเรียกเงินค่าเสียหายเพื่อชดเชยความรู้สึกในครั้งนี้เป็นจำนวนเงิน 600,000 หยวนซึ่งทางด้านศาลก็ได้มีการพิจารณาความผิดของพ่อสามีกับลูกสะใภ้ว่ามีความผิดจริง  ดังนั้น ศาลจึงได้ตัดสินให้ผู้เป็นพ่อต้องจ่ายเงินชดเชยความรู้สึกให้กับลูกชายของตนเองด้วยจำนวนเงิน 150,000 หยวน 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    เคลียร์โปรตีน

ดราม่าโรงเรียนถูกร้องเรียนเป่านกหวีดเสียงดังช่วงเช้า 

ดราม่าโรงเรียนถูกร้องเรียนเป่านกหวีดเสียงดังช่วงเช้า 

กำลังกลายเป็นกระแสดราม่าในโลกออนไลน์เมื่อมีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ระบุว่าตนเองนั้นเป็นอดีตประธานนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่ง

ซึ่งในขณะนี้โรงเรียนกำลังมีปัญหากับผู้อยู่อาศัยของหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งโดยทางโรงเรียนได้ถูกผู้อยู่อาศัยของหมู่บ้านทำการร้องเรียนว่าส่งเสียงดังสร้างความรบกวนให้กับผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้าน

สำหรับโรงเรียนที่กำลังเป็นกระแสดราม่าอยู่ในขณะนี้ชื่อว่าโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย โดยทางโรงเรียนได้ถูกผู้พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งเข้าทำการร้องเรียนว่าในช่วงเช้ามักจะมีการเป่านกหวีดส่งเสียงรบกวนผู้อยู่อาศัยจนได้รับความเดือดร้อน

ซึ่งผู้อยู่อาศัยนั้นทนกับปัญหาดังกล่าวมานานถึง 5 ปีแล้วและต้องการที่จะให้ทางโรงเรียนแก้ไขปัญหาดังกล่าว

อย่างไรก็ตามเจ้าของโพสต์ระบุว่าโรงเรียนที่กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์นี้ได้มีการเปิดดำเนินกิจการมานานกว่า 30 ปีแล้วซึ่งตอนที่มีการก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้ครั้งแรกนั้นบริเวณพื้นที่โดยรอบของโรงเรียนนั้นเป็นทุ่งนาและหมู่บ้านจัดสรรที่มีคนร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหามลพิษทางเสียงนั้นพึ่งมาสร้างเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น

 ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นเจ้าของโพสต์มองว่าน่าจะเป็นปัญหาที่ตัวบุคคลเองเพราะก่อนที่จะมีการซื้อบ้านที่อยู่อาศัยนั้นก็ควรจะต้องมีการตรวจสอบสภาพแวดล้อมให้ดีเสียก่อนโดยก่อนที่จะซื้อบ้านทั้งผู้อยู่อาศัยก็ทราบดีอยู่แล้วว่าหมู่บ้านที่ตนเอง

 

จะซื้อนั้นอยู่ใกล้กับโรงเรียนย่อมมีปัญหาเรื่องของเสียงรบกวนอย่างแน่นอนแต่ผู้อยู่อาศัยก็ดึงดันที่จะซื้อดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมาร้องเรียนทางโรงเรียนเพราะการเป่านกหวีดของทางโรงเรียนนั้นเป่าในช่วงเช้าเพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้เด็กนักเรียนข้ามถนนเป็นการป้องกันระวังความปลอดภัยให้กับเด็กนักเรียนและคุณครูของโรงเรียนดังกล่าวทุกคน 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากกรณีดราม่าดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นท้ายที่สุดแล้วทางโรงเรียนก็ยอมถอยให้กลับผู้ที่ร้องเรียนคนดังกล่าวด้วยการที่จะเปลี่ยนจากการเป่านกควีนในช่วงเวลา 6 โมงถึง 7 โมงครึ่งมาเป็นการยกธงส่งสัญญาณทางการจราจรแทนเพื่อไม่ให้เกิดเสียงรบกวนต่อผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้านจัดสรรซึ่งอยู่ใกล้กับโรงเรียน

สำหรับวิธีการแก้ปัญหาของทางโรงเรียนที่ยอมถอยให้กับคนร้องเรียนโดยเปลี่ยนจากการเป่านกหวีดมาเป็นการใช้สัญญาณธงสีในการอำนวยความสะดวกให้กับเด็กนักเรียนและคุณครูเดินข้ามถนนนั้นก็เพื่อเป็นการป้องกันความขัดแย้งระหว่างโรงเรียนและชุมชนที่กำลังเกิดขึ้น เนื่องจากโรงเรียนและชุมชนนั้นต้องอยู่คู่กันไปอีกนาน หากเกิดความขัดแย้งกันแล้วชุมชนและโรงเรียนก็จะไม่สามารถพัฒนาไปด้วยกันได้

 

สนับสนุนโดย    huaylike เข้าสู่ระบบ

ครูแทบทรุด  ถูกเด็กนักเรียนชั้น ม. 2 ขโมยเงินไปเจ็ดแสน

ครูแทบทรุด  ถูกเด็กนักเรียนชั้น ม. 2 ขโมยเงินไปเจ็ดแสน

เมื่อวันที่ 18 เดือนธันวาคมปีพ.ศ 2566    หญิงวัย 46 ปีซึ่งปัจจุบันมีอาชีพรับราชการครูและสอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอห้วยคตจังหวัดอุทัยธานีได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจ สภ. ห้วยคต เพื่อเเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเด็กหญิงวัย 14 ปีซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนที่เธอสอนอยู่โดยเรียนอยู่ในระดับชั้นม 2 เนื่องจากว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวได้เข้าไปขโมยเงินสดของครูสาวรายนี้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 700,000 บาท 

จากการให้ข้อมูลของครูสาวระบุว่าเธอได้มีการกู้ยืมเงินมาจากเพื่อนบ้านนอกจากนี้ยังมีเงินเก็บที่ขายของได้โดยนำเงินจำนวนดังกล่าวมาเก็บไว้รวมกันซึ่งมีมูลค่าทั้งสิ้น 700,000 บาทซึ่งครูสาวได้เก็บเงินดังกล่าวเอาไว้ในโต๊ะภายในบ้านพักอยู่ชั้นล่าง 

อย่างไรก็ตามเธอได้ยินข่าวจากคนในหมู่บ้านว่าพบว่าเด็กหญิง ม. 2 ที่อาศัยอยู่บ้านที่ติดกับบ้านของเธอมีเงินมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

และยังมีเงินซื้อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ iPhone แจกเพื่อนๆทำให้เธอสงสัยว่าเด็กหญิง ชั้น ม. 2 ที่อายุเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้นไปเอาเงินมาจากไหนเนื่องจากครอบครัวของเด็กหญิงก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร 

นอกจากนี้เด็กหญิงชั้นม 2 ก็เคยมีประวัติเข้ามาลักทรัพย์ภายในบ้านของคุณครูคนดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่งซึ่งครั้งนั้นมาขโมยเงินเป็นจำนวน 2,000 บาทและโชคดีที่คนในครอบครัวเห็นเหตุการณ์จึงได้เงินคืนกลับมาด้วยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นทั้งครอบครัวของคุณครูสาวรายนี้สงสารเห็นว่าเป็นเพียงแค่เยาวชนเท่านั้นจึงไม่ได้ติดใจเอาความเพราะเด็กยังไม่ได้มีการเอาเงินไปใช้จ่ายที่สำคัญเด็กก็ให้การรับสารภาพและขอโทษแล้ว

อย่างไรก็ตามด้วยความสงสัยว่าเด็กหญิงม. 2 เอาเงินมาจากไหนไปเลี้ยงเพื่อนๆครูสาวจึงได้เข้าไปดูทรัพย์สินของตนเองว่ามีทรัพย์สินของตนเองภายในบ้านหายไปหรือไม่และก็ไปพบว่าเงินจำนวน 700,000 บาทที่ซุกซ่อนเอาไว้หายไปดังนั้นจึงได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ สภ. ห้วยคตเพื่อให้ช่วยตรวจสอบ  

    ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้มีการนำตัวเด็กหญิงวัย 14 ปีซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยเข้ามาสอบถามและเด็กหญิงก็ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้เข้ามาขโมยเงินดังกล่าวไปจริงโดยอาศัยจังหวะที่ครูสาวและคนอื่นๆอยู่หน้าร้านตัวเด็กเองแอบย่องเข้ามาภายในบ้านทั้งด้านหลังร้านและนำเงินไปให้แฟนหนุ่มจำนวน 600,000 บาทส่วนที่เหลือเอาไว้ใช้จ่ายกับตัวเองโดยมีการไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าและนำเงินไปซื้อโทรศัพท์ iPhone แจกเพื่อนๆ 

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามโทรศัพท์มือถือ iPhone กลับคืนมาและนำกลับไปขายคืนให้กับเจ้าของร้านได้แล้วโดยได้เงินคืนกลับมาทั้งสิ้นเป็นจำนวน 1.2 แสนบาทส่วนเงินที่เหลืออีกประมาณ 5.8 แสนบาทนั้นตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามหาเงินมาคืนเจ้าของ  ส่วนตัวเด็กวัย 14 ปีซึ่งเป็นคนขโมยเงินไปนั้นยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการดำเนินคดีกับเด็กหญิงคนดังกล่าวอย่างไร 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    โปรตีนจากพืช ลดน้ำหนัก ยี่ห้อไหนดี

ปู่พาหลานตรวจดีเอ็นเอเพราะกลัวสะใภ้มีชู้แต่คดีกลับพลิก 

ปู่พาหลานตรวจดีเอ็นเอเพราะกลัวสะใภ้มีชู้แต่คดีกลับพลิก 

    เมื่อวันที่ 13 เดือนธันวาคมปีพ.ศ 2566 มีเรื่องราวร้อนแรงเป็นกระแสดราม่าเกิดขึ้นในโลกออนไลน์ของประเทศจีน 

โดยเรื่องราวดังกล่าวนั้นถูกเปิดเผยผ่านทางเว็บไซต์ CT want ซึ่งเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ที่มีคุณปู่รายหนึ่งไม่ค่อยชอบพฤติกรรมของลูกสะใภ้สาเหตุนั่นก็เพราะว่าเขาเกรงว่าลูกสะใภ้จะนอกใจลูกชายของตนเองเนื่องจากว่าลูกสะใภ้เป็นคนที่ต้องแต่งหน้าแบบจัดเต็มแต่งตัวสวยเพราะต้องทำงานที่โรงแรมที่มีชื่อเสียง 

     เนื่องจากว่าฝ่ายชายเกรงว่าภรรยาของตนเองอยู่ร่วมบ้านกับพ่อแม่แล้วจะไม่มีความสุขจึงได้พาภรรยาและลูกชายย้ายออกมาอยู่ที่อื่นซึ่งหลังจากนั้นชีวิตของครอบครัวนี้ก็เป็นปกติสุขเพราะฝ่ายชายเองก็มั่นใจว่าภรรยาของเขาไม่มีทางที่จะนอกใจเขาอย่างแน่นอน 

    อย่างไรก็ตามเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อแม่ของฝ่ายชายเสียชีวิตลงดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องพาครอบครัวย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเดิมเพื่อไปดูแลพ่อที่เริ่มแก่ชราและสุขภาพร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงและเมื่อพาภรรยาและลูกกลับไปอยู่บ้านหลังเดิมเหตุการณ์การไม่ลงรอยกันระหว่างพ่อสามีกับลูกสะใภ้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

    เนื่องจากว่าพ่อสามีมั่นใจว่าภรรยาของลูกชายตนเองจะต้องมีชู้อย่างแน่นอนประกอบกับเพื่อนบ้านมักจะมีการทักทายชราอยู่เสมอว่าตัวชายชราเอง

กลับหลานชายนั้นหน้าตาไม่เหมือนกันทำให้ชายชราตัดสินใจที่พาหลานชายของตนเองไปทำการตรวจ DNA และผลก็ปรากฏว่า DNA ระหว่างชายชรากับหลานชายนั้นไม่ตรงกันดังนั้นเขาจึงได้กลับบ้านมาต่อว่าลูกสะใภ้ของตนเองโดยอ้างผลดีเอ็นเอว่าลูกสะใภ้ของเขานั้นมีชู้

     อย่างไรก็ตามฝ่ายลูกชายนั้นยังคงเชื่อมั่นในตัวภรรยาของเขาเองและคาดว่าผลการตรวจน่าจะมีอะไรผิดพลาดดังนั้นเขาจึงได้พาชายชราและลูกชายของเขาไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจดีเอ็นเออีกครั้งและผลสรุปออกมาว่าตัวลูกชายกับหลานชายนั้นเป็นพ่อลูกกันจริงๆแต่ชายชรากับตัวลูกชายของเขานั้นกลับไม่ใช่พ่อลูกกันสร้างความช็อกให้กับชายชราเป็นอย่างมาก

    อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะรู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกชายที่แท้จริงของพ่อแต่ตัวเขานั้นก็ยังคงอยู่ดูแลพ่อของเขาเพราะเขายังเคารพรักพ่อของเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงส่วนชายชราเองเขาก็ยังคงอยู่กับความเศร้าเสียใจกับการที่เขาพยายามที่จะค้นคว้าหาความจริงเกี่ยวกับครอบครัวของลูกชาย

เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ถูกหักหลังคือตัวเขาเองและภรรยาที่ล่วงลับของเขาไปแล้วก็ไม่สามารถมาบอกเขาได้แล้วว่าเพราะที่แท้จริงของลูกชายของเขานั้นคือใคร 

 

 

สนับสนุนโดย    ole777

พนักงาน Call Center ของธนาคารนินทาลูกค้าแต่ลืมวางสาย

พนักงาน Call Center ของธนาคารนินทาลูกค้าแต่ลืมวางสาย

          กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์เนื่องจากว่ามีคลิปเสียงบทสนทนาของพนักงาน Call Center ธนาคารที่คุยกับลูกค้าชายถูกนำมาแชร์ใน Application tiktok โดยในคลิปมีการพูดติดตามเกี่ยวกับเรื่องของเอกสารซึ่งท้ายคลิปนั้นจะเห็นได้ว่าตัวลูกค้าที่เป็นผู้ชายจะมีการส่งเอกสารไปให้กับพนักงาน

ในวันนี้โดยมีการถามว่าถ้าหากส่งเอกสารวันนี้จะทันหรือไม่แต่พนักงาน Call Center ได้มีการปฏิเสธโดยระบุว่าส่งวันนี้เอกสารก็จะมีการส่งเรื่องในวันพรุ่งนี้อยู่ดีซึ่งในคลิปเสียงสนทนาก็เป็นการสื่อสารที่เข้าใจตรงกันระหว่างลูกค้ากับพนักงาน Call Center

      อย่างไรก็ตามหลังจากคลิปเสียงสิ้นสุดลงได้ไม่ถึง 2 วินาทีเนื่องจากว่าเจ้าของคลิปยังไม่ได้กดวางสายก็ได้ยินเสียง Call Center พูดกับบุคคลที่ 3

ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเพื่อน Call Center ด้วยกันโดยมีการพูดนินทาลูกค้าที่พึ่งวางสายไปซึ่งมีการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมโดยลูกค้าธนาคารคนดังกล่าวยังคงฟังพนักงาน Call Center แอบซุบซิบนินทาตัวเองอยู่และได้มีการอัดคลิปเสียงเอาไว้หลังจากนั้นก็นำมาแชร์ในแอปพลิเคชั่น tiktok จนกลายเป็นประเด็นดราม่าเกิดขึ้น 

     อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่คลิปเสียงดังกล่าวถูกแชร์ในโลกออนไลน์และมีผู้เข้าไปฟังคลิปเสียงดังกล่าวเป็นจำนวนมากและมีการพูดถึงกรณีที่พนักงาน Call Center แอบนินทาลูกค้าหลังจากวางสายว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางธนาคารซึ่งเป็นธนาคารที่พนักงาน Call Center

ทำงานอยู่ก็ได้มีการติดต่อมายังลูกค้าคนดังกล่าวเพื่อทำการขอโทษและได้มีการแจ้งเกี่ยวกับบทลงโทษของพนักงานที่แอบนินทาลูกค้าโดยระบุว่าได้มีการสั่งพักงานพนักงานคนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

    สำหรับความคิดเห็นของคนในโลกออนไลน์นั้นมองว่าพนักงาน Call Center อาจจะเหนื่อยล้าจากการทำงานมากเกินไปเพราะเป็นสายสุดท้ายที่จะต้องสนทนากับลูกค้าแต่ถ้าหากคิดจะนินทาลูกค้าก็ควรที่จะมีการตรวจสอบก่อนว่าตนเองวางสายลูกค้าไปแล้ว

หรือไม่เพราะหลายคนก็เข้าใจดีว่าการทำงานเป็นพนักงาน Call Center ที่จำเป็นที่จะต้องคุยกับลูกค้าทั้งวันนั้นค่อนข้างเหนื่อยและก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่มักจะมีการนินทาคนลับหลังซึ่งตัวเจ้าของคลิปเสียงซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพียงแค่นำมาโพสต์ใน tiktok ขำๆเพียงเท่านั้น

   ส่วนทางด้านชาวโซเชียลอีกกลุ่มหนึ่งกับมองว่าการทำงานเป็นพนักงาน Call Center นั้นควรจะต้องเต็มใจให้บริการลูกค้าไม่ว่าคุณจะให้บริการลูกค้าคนอื่นมาแล้วกี่สายก็ตามและไม่สมควรที่จะนินทาลูกค้าและทางธนาคารควรจะต้องมีการอบรมการให้บริการของพนักงานของตนเองให้ดีมากกว่านี้

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    bk8

หมอเปิดประสบการณ์ 37 ปี เจอเคสตายแล้วฟื้นเกือบ 5,000 ครั้ง 

หมอเปิดประสบการณ์ 37 ปี เจอเคสตายแล้วฟื้นเกือบ 5,000 ครั้ง 

คำถามที่หลายคนคงเกิดความสงสัยว่าเมื่อคนเราตายไปแล้วเราจะไปที่ไหนกัน  จะมีนรกให้คนที่ทำความผิดและจะมีสวรรค์ให้กับคนที่ทำความดีได้ไปอยู่หรือไม่

 เราไม่สามารถที่จะหาคำตอบเหล่านี้ได้เลยเพราะเมื่อตายไปแล้วก็ไม่มีใครที่จะสามารถกลับมาบอกเราได้ว่าเรื่องราวดังกล่าวมันเป็นยังไงกันแน่ดังนั้นชีวิตหลังความตายจึงไม่สามารถมีใครที่จะพิสูจน์ได้  

มีหลายคนที่เชื่อว่าชีวิตหลังความตายนั้นมีจริงผู้คนจะยังคงไปในภพภูมิที่ดีถ้าหากว่าเลือกทำความดีและถ้าหากใครที่ทำความชั่วก็จะต้องไปเจอกับสถานที่ที่จะรอรับคนทำความชั่วนั้นคือนรกภูมินั่นเอง  แน่นอนว่าบางคนก็ไม่ได้เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายและไม่ได้มีความเชื่อเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด  

อย่างไรก็ตามมีนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งและเนื้องอก  ซึ่งนายแพทย์ท่านนี้เป็นชาวสหรัฐอเมริกาอาศัยอยู่ในรัฐแคนทัคกี้ชื่อว่า เจฟฟรีย์ ลอง  

โดยนายแพทย์รายนี้ได้ออกมาประกาศว่าเขาเชื่อในเรื่องโลกหลังความตายว่ามีอยู่จริงอย่างแน่นอนเนื่องจากว่าเขามีประสบการณ์ทางการแพทย์มาเป็นระยะเวลานานกว่า 37 ปี  ในการรักษาผู้คนเฉียดตายมาแล้วมากกว่า 5,000 เคส 

เว็บไซต์ อ็อดดิตี้เซนทรัล  ได้มีการเปิดเผยแนวความคิดของดร. เจฟฟี่เมื่อวันที่ 7 เดือนกันยายน ปี พ.ศ 2566  ซึ่งดร. เจฟฟรีย์  ลอง นั้นได้มีการศึกษาค้นคว้าวิธีการรักษาเกี่ยวกับโรคมะเร็งโดยใช้รังสี  ซึ่งด็อกเตอร์เจฟฟรีย์ ลอง นั้นได้รักษาคนไข้มาเป็นระยะเวลานานแล้วและจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้กับด็อกเตอร์เจฟฟรีย์ ลอง มีความเชื่อมั่นว่าชีวิตหลังความตายนั้นมีจริง

เมื่อดอกเตอร์เจฟฟรีย์ ลอง ได้เจอกับเคสของคนไข้รายหนึ่ง  เพราะคนไข้รายนี้ได้ตายไปแล้วแต่กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เรียกว่ามันคือประสบการณ์เฉียดตาย  นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดร. เจฟฟรีย์ ลองก็หมกมุ่นศึกษาเกี่ยวกับเรื่องคนตายแล้วฟื้นขึ้นมาได้   ดร. เจฟฟรีย์ ลอง ใช้ระยะเวลาหลายปีในการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวของคนตายแล้วฟื้นโดยเขาได้เก็บรวบรวมข้อมูลและประสบการณ์มากมายซึ่งการศึกษานั้นได้มีการศึกษา Case มากกว่า 5,000 เคสเลยทีเดียว 

ดร. เจฟฟรีย์ ได้ยกตัวอย่างกรณีศึกษาเคสนึงมาถึงเหตุผลที่ทำให้เขาเชื่อว่าชีวิตหลังความตายนั้นมีอยู่จริงนั่นก็เพราะว่ามีหญิงสาวรายหนึ่งได้หมดสติตอนที่กำลังขี่ม้าอยู่  และเธอก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแต่หลังจากที่หญิงสาวรายนี้ฟื้นขึ้นมาเธอสามารถเล่าถึงเหตุการณ์ที่อยู่ในฟาร์มม้าที่เธอหมดสติได้อย่างชัดเจนซึ่งเหตุการณ์ที่หญิงสาวรายนี้เล่านั้นเป็นเหตุการณ์ในช่วงที่เธอหมดสติ

ดังนั้น ดร. เจฟฟรีย์ จึงมีความเชื่อมั่นว่าถึงแม้คนเราจะเสียชีวิตไปแล้วแต่จิตวิญญาณจะออกจากร่างกายหยาบและยังสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ และใช้ชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นชีวิตในรูปแบบหลังความตายนั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    huaydee

เจ้าแม่เงินกู้ปล่อยดอกเบี้ยโหดยืม 6,000 บาท ดอกเบี้ย 200,000 บาท 

เจ้าแม่เงินกู้ปล่อยดอกเบี้ยโหดยืม 6,000 บาท ดอกเบี้ย 200,000 บาท 

ในโลกออนไลน์ได้มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งได้มีการโพสต์ขอความช่วยเหลือไปอย่างรายการโหนกระแส

ด้วยระบุว่าต้องการให้ทางรายการโหนกระแสประสานงานขอความช่วยเหลือจากตำรวจไซเบอร์เนื่องจากว่าเป็นผู้เสียหายที่ไปกู้เงินนอกระบบแล้วถูกเจ้าหนี้ทวงเงินโหดมีการคิดดอกเบี้ยแพงซึ่งปัจจุบันไม่สามารถที่จะหาเงินไปจ่ายหนี้ได้ดังนั้นจึงต้องการความช่วยเหลือให้ตำรวจไฟเบอร์เข้ามาจับกุมเจ้าหนี้นอกระบบในครั้งนี้

สำหรับเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อผู้เสียหายรายหนึ่งระบุว่าตัวเขาเองนั้นมีปัญหาด้านการเงินและได้มีการค้นหาข้อมูลการปล่อยเงินกู้นอกระบบผ่านทาง facebook หลังจากนั้นก็ได้มีการติดต่อไปยังคนปล่อยกู้โดยมีการยืมเงินอยู่ที่ 6,000 บาทและมีการตกลงเกี่ยวกับค่าดอกเบี้ยว่าจะมีการจ่ายดอกเบี้ยรายวัน

โดยจ่ายดอกเบี้ยวันละ 600 บาทซึ่งเงื่อนไขจะต้องจ่ายให้ครบภายใน 10 วันและในทุกๆวันนั้นจะต้องมีการจ่ายก่อน 4 โมงเย็นโดยเริ่มมีการทำสัญญาการกู้ยืมเงินกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2565 

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการที่ผู้เสียหายเมื่อกู้เงินมาแล้วไม่สามารถที่จะหาเงินไปคืนเจ้าหนี้ได้ทำให้ถูกคิดดอกเบี้ยเป็นจำนวนรวมแล้วถึง 226,920 บาท

ซึ่งประกอบไปด้วยค่าปรับที่มีการจ่ายเงินล่าช้าโดยถ้าหากวันไหนจ่ายช้าหลัง 4 โมงเย็นไปแล้วจะคิดค่าปรับเพิ่มชั่วโมงละ 50 บาทแต่ถ้าในวันไหนที่ไม่จ่ายเงินเลยและไปจ่ายในวันรุ่งขึ้นก็จะถูกคิดค่าปรับวันละ 500 บาท

อย่างไรก็ตามผู้เสียหายมองว่านับตั้งแต่มีการทำสัญญากู้มามีการส่งเงินมาโดยตลอดซึ่งตั้งแต่วันที่กู้จนถึงวันที่ 31 เดือนธันวาคมปีพ.ศ 2566 นั้นมีการจ่ายเงินรวมไปทั้งสิ้น 200,000 กว่าบาทแล้วซึ่งเกินกว่าเงินต้นที่ยืมไปหลาย 10 เท่าแล้วจึงไม่อยากที่จะต้องจ่ายเงินมากไปกว่านี้เพราะมองว่าดอกเบี้ยที่มีการปล่อยกู้นั้นแพงมากจนเกินไป

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้รับการประสานงานก็ได้มีการลงพื้นที่เพื่อทำการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวทันทีซึ่งมีการตรวจสอบพบว่าเจ้าหนี้เงินกู้โหดที่ได้รับการร้องเรียนมานั้นอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดชุมพรเป็นแก๊งปล่อยเงินกู้อันดับ 1 ของจังหวัดและมักจะชักชวนผู้คนให้มากู้ยืมเงิน

โดยจะปล่อยกู้ให้กับบรรดาสาวๆที่หน้าตาดีเพราะเวลาที่ทวงเงินมักจะมีการทวงถามได้ง่ายเหตุเพราะลูกค้าที่เป็นสาวๆมักจะกลัวถูกคุกคามและหากถูกโพสต์ประจำเกรงว่าตนเองจะต้องอับอายดังนั้นจึงมักจะมีการชำระเงินตรงเวลาไม่ต้องเสียเวลาทวงถามมาก 

สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้มีการเข้าครอบคลุมตัวแก๊งปล่อยเงินกู้เพื่อมาดำเนินคดีเนื่องจากทำผิดตามกฎหมายเพราะปล่อยเงินกู้แล้วคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินไป  

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    หวยดี

เจ้าของร้านชาบูกุ้มใจหลังเปิดร้านกินแบบไม่จำกัดเวลา 

เจ้าของร้านชาบูกุ้มใจหลังเปิดร้านกินแบบไม่จำกัดเวลา 

    ธุรกิจ ที่กำลังมาแรงมากที่สุดในขณะนี้คงหนีไม่พ้นธุรกิจการทำชาบูหรือธุรกิจการทำหมูกระทะเพราะปัจจุบันนี้ไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหนตามตรอกซอกซอยต่างๆ

เราก็มักจะเห็นร้านเปิดขายหมูกระทะและขายชาบูกันซึ่งมีทั้งเจ้าเล็กและเจ้าใหญ่มากมายเต็มไปหมดโดยเราสามารถกินชาบูหมูกระทะในห้างสรรพสินค้าก็ได้หรือแม้แต่ตามริมถนนก็ได้เช่นเดียวกัน   

     ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของร้านชาบูหมูกระทะนั้นจะต้องมีโปรโมชั่นพิเศษมีสินค้าหลากหลายประเภทเพื่อเตรียมดึงดูดลูกค้านอกจากนี้ต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือลูกค้าที่มาใช้บริการซึ่งจะมีมากมายหลายประเภทเลยทีเดียว 

     ตลอดระยะเวลาที่เริ่มมีธุรกิจชาบูหมูกระทะมานั้นจะเห็นได้ว่ามีลูกค้าเป็นจำนวนมากที่ถูกนำมาแชร์กันในโลกออนไลน์ว่ามีพฤติกรรมที่ทำให้เจ้าของร้านหมูกระทะหรือเจ้าของร้านชาบูนั้นค่อนข้างกลุ้มใจไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่กินไม่หมดแล้วกลัวที่จะโดนปรับนำของกินไปซุกซ่อนเอาไว้หรือบางคนก็เลือกที่จะแอบห่อกลับบ้าน 

   ล่าสุดได้มีเจ้าของร้านชาบูร้านหนึ่งเธอได้มาพบปัญหากลุ้มใจของเธอโดยเธอระบุว่าตัวเธอนั้นเปิดกิจการบุฟเฟ่ต์ชาบู

โดยที่ไม่จำกัดเวลาการกินของลูกค้าซึ่งร้านของเธอนั้นเป็นร้านขนาดไม่ใหญ่มากนักมีลูกค้าประจำที่มากินที่ร้านของเธออยู่กลุ่มหนึ่ง  ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มากินอาหารที่ร้านของเธอติดต่อกันมา 3 วันติดแล้วซึ่งในการมากินแต่ละครั้งนั้นก็มีการสั่งเนื้อเป็นจำนวนมากนอกจากนี้ยังใช้ระยะเวลาในการกินนานไม่ต่ำกว่าครั้งละ 5 ชั่วโมงอีกด้วย

       อย่างไรก็ตามเจ้าของร้านได้มีการระบุเพิ่มเติมได้ว่า เธอได้ตรวจสอบแล้วพบว่าลูกค้ากลุ่มดังกล่าวนั้นมีพฤติกรรมที่นั่งกินนานสั่งมาเยอะแล้วสักพักก็จะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้วงคออ้วกและเมื่ออ้วกเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะกลับมานั่งกินคอซึ่งตัวเธอและพนักงานของร้านต่างก็พากันกลุ้มใจไม่รู้จะแก้ปัญหากับลูกค้ากลุ่มนี้อย่างไรดี 

    อย่างไรก็ตามหลังจากที่เรื่องราวของ  เว็บหวยดี    เจ้าของร้านรายนี้ถูกเปิดเผยลงในโลกออนไลน์ก็มีผู้คนให้คำแนะนำกับเจ้าของร้านเป็นจำนวนมาก

ซึ่งหลายคนแนะนำว่าเจ้าของร้านมีควรมีการออกกฎเกี่ยวกับเรื่องของการกินและแนะนำว่าควรจะต้องมีการ Blacklist ลูกค้ารายนี้ไม่ให้เข้าร้านหรืออาจจะมีการคิดเงินเพิ่มถ้าหากตรวจสอบแล้วพบว่าลูกค้ามารับประทานชาบูที่ร้านแล้วมีการล้วงคออ้วกก็จะคิดเงินค่าปรับประมาณ 100-200 บาทก็ได้เพราะหากที่ไม่ทำอะไรเลยเจ้าของร้านชาบูเองจะเป็นคนที่ขาดทุน อย่างแน่นอน 

เจ้าของร้านขายส้มตำฆ่าตัวตายยกครัว

เจ้าของร้านขายส้มตำฆ่าตัวตายยกครัว

       เมื่อวันที่ 13 เดือนธันวาคมปีพ.ศ 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจสภ. นิคมอุตสาหกรรมได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าให้มาดูห้องพักห้อง 1 เนื่องจากว่ามีกลิ่นเน่าเหม็นออกมาจากภายในห้องดังกล่าวซึ่งห้องพักที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบนั้นเป็นห้องพักที่เปิดเป็นร้านขายส้มตำ

   ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุก็รีบเดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุทันทีซึ่งไปถึงก็พบว่าล่ะห้องพักดังกล่าวที่เปิดเป็นร้านขายส้มตำนั้นได้มีการปิดล็อคเอาไว้

แต่เนื่องจากว่ามีกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการงัดประตูเข้าไปด้านในเมื่อเข้าไปถึงด้านในก็พบว่าภายในห้องพักดังกล่าวนั้นมีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 คนด้วยกันซึ่งเป็นเพศชาย 2 คนโดยแบ่งเป็นผู้ใหญ่ 1 คนและเด็ก 1 คนและเพศหญิงอีก 1 คนซึ่งคาดว่าทั้ง 3 คนนั้นจะเป็นพ่อแม่ลูกกัน

  ภายในบริเวณห้องพักที่พบศพนั้นพบว่ามีถังแก๊สอยู่ 1 ใบและยังมีเตาถ่านซึ่งมีการมอดแล้วอีก 1 เตาวางอยู่และห้องพักมีการปิดไว้อย่างมิดชิดไม่มีร่องรอยการต่อสู้แรมยังพบจดหมาย 1 ฉบับซึ่งเชื่อว่าเป็นจดหมายลาตาย  ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการสันนิษฐานว่าทั้งหมดน่าจะตัดสินใจฆ่าตัวตายเนื่องจากว่าปัญหาพิเศษ

    อย่างไรก็ตามในจดหมายลาตายเบื้องต้นนั้นได้มีการเขียนขอโทษกับเหตุการณ์ในครั้งนี้นอกจากนี้ยังมีการระบุไม่ให้ใครไปตามหาญาติพี่น้อง

เพราะไม่อยากเป็นภาระของใคร  โดยในจุดหมายยังระบุว่าที่ตัดสินใจจบชีวิตทั้ง 3 คนในครั้งนี้เนื่องจากว่าไม่สามารถหาทางออกในชีวิตเจอได้เพราะมีปัญหาเศรษฐกิจจากการทำธุรกิจมาตั้งแต่ช่วงโควิดระบาดใหม่ๆแล้วเมื่อหาทางออกไม่ได้จึงได้ตัดสินใจจบชีวิตร่วมกันทั้ง 3 คน 

    สำหรับทางด้านเจ้าของห้องเช่าเองก็ได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่สามารถติดต่อกับทางผู้เช่าได้มาเป็นเวลาหลายวันแล้วโดยล่าสุดทางผู้เช่าได้มีการโทรศัพท์เข้ามาหาและร้องไห้โดยเล่าถึงปัญหาชีวิตที่เกี่ยวกับการขายของไม่ค่อยดีซึ่งทางผู้เช่าเองยืนยันว่าไม่ได้เคยมีการทวงค่าเช่าห้องแต่อย่างใดและยังเคยบอกว่าให้ผ่อนชำระค่าเช่าห้องได้

     นอกจากนี้ทางด้านเจ้าของห้องเช่ายังระบุด้วยว่า พบเห็นแก๊งทวงเงินนอกระบบเคยมาตามหาผู้เสียชีวิต ดังนั้นทางด้านเจ้าของห้องเช่าจึงสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตอาจจะตัดสินใจจบชีวิตของตนเองเพราะต้องการหนีแก๊งทวงเงินนอกระบบก็เป็นไปได้ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการตรวจสอบสาเหตุของการฆ่าตัวตายอีกครั้งหนึ่ง 

  ส่วนทางด้านศพนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีการประสานงานติดตามหาญาติของผู้เสียชีวิตเพื่อมารับศพเพื่อไปประกอบทำพิธีทางศาสนาต่อไป

 

สนับสนุนโดย    หวยดี

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa