มีชาวบ้านแจ้งเหตุกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดเพชรบุรีเมื่อวันที่ 10 เมษายนปี พ.ศ. 2563 ว่าที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตายด้วยการจุดไฟเผาตนเองและเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงบ้านที่เกิดเหตุพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว
ซึ่งภายในบ้านพักญาติของผู้เสียชีวิตได้นำร่างของผู้เสียชีวิตมานานวางไว้บนที่นอนโดยร่างกายของผู้เสียชีวิตนั้นมีลักษณะของร่องรอยการถูกไฟเผาไหม้เป็นสีดำอีกทั้งผนังภายในบ้านพักก็มีร่องรอยการถูกไฟไหม้มีแต่ควันไฟคละคลุ้งไปทั่ว
และใกล้ๆที่จุดวางศพก็มีขวดใส่น้ำมันตกอยู่ซึ่งเป็นขวดแก้วซึ่งคาดว่าเป็นขวดน้ำมันที่ผู้ตายใช้ในการจุดไฟเผาร่างตนเองเหตุการณ์ในครั้งนี้สามีของผู้ตาย ได้เล่าให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าคนตายชื่อนางสาวเสาวลักษณ์โดยมีคนตายนั้นมีอาการทางประสาทและมีอาการของโรคซึมเศร้าเพิ่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชะอำแผนกคลินิกจิตเวช
ซึ่งนางสาวเสาวลักษณ์นั้นพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้งแต่ก็สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงทีแต่มาครั้งนี้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือทำได้เนื่องจากว่าก่อนเกิดเหตุสามีของนางสาวเฉลาลักษณ์ได้ทะเลาะกับภรรยาจึงได้มีการแยกกันอยู่และในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุทางสามีก็ได้เดินทางไปทำงานตามปกติเสร็จแล้ว
ประมาณ 09:30 นถึงได้กลับเข้ามาบ้านเมื่อเดินทางมาถึงบ้านก็เห็นว่ามีควันไฟลอยออกมาจากในตัวบ้านแล้วพอสามีเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่านางสาวเฉลาลักษณ์ได้มีการจุดไฟเผาตนเองเพราะมีร่องรอยไฟไหม้ตามร่างกายเต็มไปหมดซึ่งเธอ
ซึ่งเขาไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือเธอได้ทันที่ทำให้เธอเสียชีวิต หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสำรวจศพเรียบร้อยแล้วจึงได้มีการไปสำรวจพื้นที่บริเวณใกล้เคียงซึ่งมีกล้องวงจรปิดอยู่ที่ร้านได้กับบ้านของผู้เสียชีวิตโดยมีรายละเอียดในกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าผู้เสียชีวิตเดินทางไปซื้อน้ำมันที่ร้านก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ได้ประมาณ 1 ชั่วโมงเส้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง
มีการสันนิษฐานเอาไว้ว่าผู้เสียชีวิตน่าจะมีอาการของโรคซึมเศร้ากำเริบจึงทำให้คิดสั้นตีกันจุดไฟเผาตนเองจนถึงแก่ความตายสำหรับทางญาติของผู้เสียชีวิตเองตอนนี้ยังไม่ค่อยเชื่อจากข้อสันนิษฐานที่ตำรวจมีให้มากนักว่านางสาวเฉลาลักษณ์จะฆ่าตัวตายเอง
ยืนยันจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำศพไปผ่าพิสูจน์ก่อนก็อยากจะรู้ว่านางสาวเฉลาลักษณ์งั้นตายก่อนหรือหลังพี่จะถูกไฟคลอก
สำนักเหตุการณ์ฆ่าตัวตายในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะพิสูจน์ได้ไม่ยากเพราะเมื่อนำศพไปให้ทางโรงพยาบาลผ่าพิสูจน์อยู่ก็จะพบว่าเสียชีวิตก่อนหรือหลังที่จะถูกไฟไหม้อีกทั้งยังมีพยานแวดล้อมจากกล้องวงจรปิดที่จะเห็นได้ว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้ไปซื้อน้ำมันมาด้วยตนเองซึ่งถ้าเกิดทางสามีของผู้เสียชีวิตมีพยานบุคคลที่สามารถยืนยันได้ว่าตนเองนอนอยู่อีกบ้านหลังหนึ่งก็ทำให้สามีคนผิดได้ทันที
สนับสนุนเรื่องราวโดย gclub casino online มือถือ