ผู้เขียน: admin

ตะปูยัดไส้ก้ามกุ้ง

ตะปูยัดไส้ก้ามกุ้ง

         เกี่ยวกับเรื่องของอาหารการกินที่เรามักไปซื้อของสดมาเพื่อเอามาทำกินเองที่บ้านแล้วบางครั้งก็อาจจะเจอการยัดไส้เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับสินค้านั้นๆซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกปลาที่เรามักจะเห็นข่าวอยู่เป็นประจำแต่ล่าสุดได้มีหญิงสาวคนหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความลงใน Facebook ส่วนตัวของเธอ

ระบุว่าเธอเจอกับกุ้งยัดไส้โดยเธอได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอประสบมานั่นก็คือเธอได้เดินทางไปที่ตลาดซึ่งเป็นตลาดที่อยู่ใกล้กับสวนจตุจักรเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงดังมากในเขตกรุงเทพฯที่มีของต่างๆมากมายให้ซื้อและเป็นของสด

ซึ่งตลาดแห่งนี้นับได้ว่าเป็นตลาดที่ขายสินค้าแพงตลาดหนึ่งในกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้แต่ก็เป็นตลาดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยปัญหาที่เธอพบก็คือเธอตั้งใจไปซื้อกุ้งก้ามกรามเพื่อนำมาใช้ประกอบอาหารกินกับคนที่บ้านซึ่งเธอได้ซื้อมาทั้งหมด 2 กิโลกรัม

โดยแม่ค้าคิดค่ากุ้งกิโลกรัมละ 950 บาททำให้เธอต้องเสียเงินค่าซื้อกุ้งในครั้งนั้น 1,900 บาทโดยได้กุ้งมาทั้งหมด 7 ตัวด้วยกันแต่หลังจากที่เธอนำกุ้งมาประกอบอาหารเพื่อรับประทานกับที่บ้านแล้วปรากฏว่าในขณะที่เธอนั้นกำลังหักกล้ามของกุ้งกับพบว่ามีการสอดไส้ด้วยการนำตะปูมาเจาะใส่ตรงตามของกุ้งซึ่งตะปูดังกล่าวนั้น

ได้ถูกตัดหัวออกเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นหมายถึงว่าเธอถูกเพิ่มน้ำหนักของกุ้งก้ามกรามทำให้เธอได้กุ้งน้อยลงแต่ว่าจ่ายเงินเยอะขึ้นซึ่งเธอมองว่าการที่แม่ค้าขายกุ้งก้ามกรามทำแบบนี้ก็เป็นการโกงลูกค้านั่นเองจึงได้โพสต์ข้อความเตือนให้กับคนในโลกออนไลน์ได้ทราบกลโกงของแม่ค้าที่ตลาด อตก. โดยหวังว่าถ้าหากใครไปซื้อสินค้าก็ให้มีการตรวจสอบให้ดีเพราะอาจจะโดนอย่างที่เธอโดนก็ได้ที่เป็นการสอดไส้เพื่อเพิ่มน้ำหนักของสินค้า 

           อย่างไรก็ตามหญิงสาวได้มีการออกมาโพสอีกครั้งหนึ่งว่าหลังจากที่เธอมีการโพสต์เกี่ยวกับเรื่องของกุ้งก้ามกรามโดนยัดไส้เธอก็ได้มีการติดต่อไปที่แม่ค้าที่ขายกุ้งให้กับทางด้านแม่ค้าเองก็ออกมาขอโทษและพร้อมจะรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นโดยได้แม่ค้านั้นยินดีที่จะจ่ายเงิน 1,900 บาทที่เธอเสียไปในการซื้อกุ้งคืนให้กับลูกค้าครั้งนี้เธอจึงได้มาโพสต์ชี้แจงให้ทราบว่าทางร้านรับผิดชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องนี้มีการวิเคราะห์ออกมา 2 แบบก็คือแม่ค้าอาจจะไม่รู้เรื่องกับการที่มีการยัดไส้ตะปูที่ก้ามของกุ้งก็เป็นไปได้เพราะว่ากุ้งนั้นซื้อมาแบบสดซึ่งแม่ค้าก็ต้องรับมาจากชาวประมงอีกทีนึงซึ่งคาดว่าอาจจะมาตากชาวประมงก็เป็นไปได้ดังนั้นปัญหาตรงนี้จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าคนที่ยัดไส้กุ้งจริงๆแล้วเอามาจากไหนกันแน่แต่อย่างไรก็แล้วแต่ทางด้านแม่ค้าก็ออกมารับผิดชอบปัญหาดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  gclub

พ่อแม่ให้ลูกกินอาหารจนอ้วน หวังเงินจาก YouTube

พ่อแม่ให้ลูกกินอาหารจนอ้วน หวังเงินจาก YouTube

         ในโลกออนไลน์มีกระแสออกมาต่อต้านครอบครัวหนึ่งซึ่งเป็นครอบครัวชาวจีนด้วยกระแสโซเชียลได้ออกมาต่อต้านครอบครัวนี้เนื่องจากว่าครอบครัวนี้จะประกอบด้วยพ่อกับแม่และลูกสาววัยเพียงแค่ 3 ขวบเท่านั้น

ซึ่งคนในโลกออนไลน์รู้จักครอบครัวนี้จากการที่พ่อกับแม่นั้นมักจะถ่ายคลิปลง YouTube อยู่เป็นประจำซึ่งจุดดังกล่าวจะเป็นทริปเกี่ยวกับการที่พวกเขานั้นเลี้ยงลูกด้วยการนำอาหารมาให้ลูกของเขากินโดยแรกๆนั้นกลุ่มคนโซเชียลของประเทศจีน

ต่างก็รู้สึกถึงความน่ารักของเด็กที่กินง่ายอยู่ง่ายพ่อกับแม่เอาอะไรมาให้กินก็จะกินหมดและกินในปริมาณมากแต่ช่วงหลังๆมากลับพบว่าพ่อแม่นั้นมักจะนำอาหารมาให้ลูกกินเยอะมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งเมื่อ 2 ปีก่อนเด็กยังคงความน่ารักเพราะยังกินแล้ว

กำลังง่วนจ้ำม่ำพอดีแต่หลังจากที่มีการลงคลิปของเด็กหน่อยครั้งเท่าและมีคนเข้ามาดูเป็นจำนวนมากซึ่งพ่อแม่จะได้เงินรายได้จากการที่คนเข้ามาดูคลิปในยูทูปทำให้พวกเขานั้นเริ่มบังคับให้ลูกของเขากินอาหารเยอะมากขึ้นเรื่อยๆโดยที่ไม่ใส่ใจสุขภาพของลูกเลยว่าปัจจุบันนี้รูปของเขานั้นอ้วนมากแค่ไหน

เพราะคนในโลกออนไลน์เรื่องเห็นแล้วว่าหลังจากผ่านไปสองปีเด็กวัยเพียงแค่ 3 ขวบเท่านั้นมีน้ำหนักมากหรือ 35 กิโลกรัมซึ่งเกินกว่ามาตรฐานเด็กทั่วไปหลายเท่าซึ่งในขณะนี้เรียกได้ว่าเด็กคนดังกล่าวนั้นนับว่าเป็นโรคอ้วนแต่แทนที่พ่อแม่จะพาลูกไปรักษาและควบคุมการกินอาหารของลูกพวกเขายังคงอัดคลิปวีดีโอลง YouTube ให้ลูกกินอาหารที่มีแคลอรี่สูง

ทั้งขนมและเค้กรวมถึงกับข้าวในปริมาณมากโดยที่ไม่ยอมควบคุมอาหารให้กับลูกเลยดังนั้นคนในโลกออนไลน์จึงเริ่มรู้สึกว่าพ่อแม่คู่นี้ไม่ได้รักลูกอย่างแท้จริงหวังเพียงแค่ว่าจะหารายได้จากการที่เอาคลิปลูกกินเยอะๆมาอวดชาวบ้านแล้วได้เงินจากการขายโฆษณาจากทาง YouTube นั่นเอง

ซึ่งเมื่อคนในโลกออนไลน์เห็นความเห็นแก่ตัวที่พ่อกับแม่มีต่อลูกก็ได้ออกมาต่อว่ารุมด่ากันเป็นจำนวนมากโดยหลายคนมองว่าสิ่งที่พ่อไม่ได้ทำกับเด็กนั้นเป็นการใช้ลูกของตนเองมาเป็นเครื่องมือในการหากินซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรที่จะทำอย่างยิ่ง

สำหรับพ่อกับแม่ที่มีต่อลูกของตนเองขณะนี้ทางด้านคนในโลกออนไลน์ของประเทศจีนอาจจะรู้สึกไม่พอใจพ่อแม่ของเด็กหญิงคนดังกล่าวเป็นอย่างมากซึ่งมีหลายคนพร้อมที่จะออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเด็กด้วยการที่จะประสานงานไปที่เจ้าหน้าที่ทางด้านกฎหมายเพื่อให้ดำเนินคดีกับพ่อแม่คู่นี้เรื่องตะกร้าการกระทำดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของเด็ก

และนับได้ว่าสิ่งที่พ่อกับแม่ทำกับลูกของเขานั้นถือว่าเป็นการทำร้ายลูกหนังมากเลยทีเดียวเพราะไม่ใช่เพียงแค่เด็กจะอ้วนเกินไปมากเท่านั้นแต่ยังเป็นที่มาของโรคภัยไข้เจ็บอีกนานละกันที่เด็กคนนี้จะต้องเจอในอนาคตนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

เพิ่งอยู่ด้วยกันแค่ 4 เดือนจับหัวเมียกระแทกผนังปูน จนทำให้เสียชีวิต

เพิ่งอยู่ด้วยกันแค่ 4 เดือนจับหัวเมียกระแทกผนังปูน จนทำให้เสียชีวิต

                      เจ้าหน้าที่ตำรวจของจังหวัดกระบี่ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนถูกทำร้ายร่างกายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกระบี่เมื่อคืนวันที่ 18 เดือนตุลาคมปีพ. ศ. 2563  ในช่วงเวลา 1:00 น.  แต่เนื่องอาการบาดเจ็บสาหัสแพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ต่อมาจึงเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในช่วงเวลาประมาณ 3:00 น ผู้เสียชีวิตนั้นอายุ 49 ปีชื่อว่านางหนูพันธ์

         และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงโรงพยาบาลได้ของผู้เสียชีวิตให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคนที่ลงมือก่อเหตุทำร้ายร่างกายนางหนูพันธ์จนถึงแก่ความตายนั้นเป็นสามีใหม่ของนางหนูพันธ์ซึ่งเขาเพิ่งจะย้ายมาอยู่บ้านของนางหนูพันธ์เพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้นเอง  

โดยทางญาติของนางหนูพันธ์ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าช่วงเวลาประมาณตี 1 คนร้ายที่ทำร้ายนางหนูพันได้รับบาดเจ็บได้เดินไปเรียกเพื่อนบ้านให้ช่วยเรียกกู้ภัยมานำร่างนางหนูพันธ์ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

             เนื่องจากว่ามีการทะเลาะวิวาทกันและนางหนูพันธ์ยังเกิดหกล้มในห้องน้ำจนสลบ  ซึ่งคนร้ายไม่ได้เดินทางพานาหนูผ่านมาส่งที่โรงพยาบาลด้วยแต่ยังคงกินเหล้าและนอนอยู่ในบ้านพัก  ดังนั้นหลังจากที่ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วนางหนูพันธ์เสียชีวิตเพื่อนบ้านจึงได้มีการโทรแจ้งญาติของนางหนูพันธ์ให้ทราบและมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับมีคนเสียชีวิต

       ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการเดินทางไปยังที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านของนางหนูพันธ์และล้อมบ้านเอาไว้หลังจากนั้นก็บุกเข้าไปจับกุมผู้ก่อเหตุซึ่งขณะที่ตำรวจบุกเข้าไปนั้นผู้ก่อเหตุยังอยู่ในอาการเมาไม่ได้สติหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเรียกผู้ก่อเหตุเพื่อมาพูดคุยกันโดยใช้ที่ก่อเหตุนั้นชื่อว่านายอนันต์  ซึ่งเขาได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าเมื่อช่วงคืนของวันที่ 18 เดือนตุลาคมนั้น

เขาได้งานทอดกฐินหลังจากนั้นก็กินเหล้าเมากลับมาและเกิดมาทะเลาะกับนางหนูพันธ์ที่บ้านเนื่องจากว่านางหนูพันธ์นั้นมีอาการหึงหวงตนเองว่าตนเองนั้นจะกลับไปคืนดีกับเมียเก่าเราว่าทั้งตัวเขาเพิ่งเลิกกับเมียเก่ามาสวนนางหนูพันธ์ก็เพิ่งเลิกกับสามีมาและมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน 

                 แต่หลังจากย้ายมาอยู่ด้วยกันก็ทะเลาะเรื่องการหึงหวงกันมาโดยตลอดซึ่งเมื่อคืนก็เกิดอาการหึงหวงกันอีกด้วยความเมาในอันนั้นจึงได้จับหัวของนางหนูพันธ์โขกตรงที่บริเวณประตูจนมีเลือดออกทางปากและจมูกหลังจากนั้นนางหนูพันธ์

ก็เข้าไปล้างเลือดในห้องน้ำแล้วเกิดหกล้มลื่นในห้องน้ำ ซึ่งนายอนันต์ได้เดินออกไปบอกเพื่อนบ้านให้ช่วยตามกู้ภัยมาพานางหนูพันธ์ไปรักษาที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นตนเองก็นอนหลับอยู่ภายในบ้านโดยไม่คิดว่าภรรยาจะเสียชีวิต  

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ufabet บาคาร่าออนไลน์

สามีฆ่าภรรยาตายฝังหมกเอาไว้ในสวนมะนาว 

สามีฆ่าภรรยาตายฝังหมกเอาไว้ในสวนมะนาว 

          ที่จังหวัดอ่างทองเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าได้ มีคนเจอศพผู้หญิงถูกฝังเอาไว้ภายในร่องน้ำของสวนเมื่อเดินทางไปถึงก็พบกับเจ้าของสวนได้ชี้จุดที่พบศพและเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำศพขึ้นมาจากร่องน้ำก็พบว่ามีญาติของผู้เสียชีวิต

เดินทางมาดูเหตุการณ์ด้วยและยืนยันว่าศพดังกล่าวนั้นเป็นศพของนางสาววนิดาซึ่งหญิงสาวนั้นมีบ้านอยู่ใกล้กับจุดที่พบศพโดยทางครอบครัวของนางสาววนิดานั้นได้มีการไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้ให้ติดตามตัวคนหายเนื่องจากว่านางสาววนิดาหายตัวออกจากบ้านไปนานเกิน 4 วันแล้ว

อย่างไรก็ตามทางด้านครอบครัวของนางสาววนิดานั้นยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ดำเนินการฆ่านางสาววนิดาแต่ในขณะนั้นได้มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นเพื่อนกับสามีของนางสาววนิดาได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคนที่ลงมือก่อเหตุฆ่านางสาววนิดานั้นคือสามีของเธอเองเนื่องจากว่าในช่วงวันที่ 17 เดือนสิงหาคม ปีพศ2563

สามีของนางสาววนิดาว่าไงเมฆได้เดินทางมาหากันเองที่บ้านพร้อมกับบอกให้ช่วยพานาย เมฆหนี  ซึ่งเมื่อถามถึงสาเหตุที่ต้องพาหนีตำรวจนั้น นายเมฆ ได้บอกว่าตนเองนั้นได้ลงมือฆ่านางสาววนิดาตายส่วนสาเหตุของการฆ่ากันนั้นน่าจะเกิดจากความหึงหวงเนื่องจากว่าก่อนหน้านั้น นาย เมฆเคยมาปรึกษาเพื่อนว่าจับได้ว่านางสาววนิดานั้นกำลังนอกใจ 

             การสำรวจเบื้องต้นนั้นพบว่ามีร่องรอยการถูกบีบคอกินข้าวว่าคนร้ายน่าจะมีการดูดคอผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้วนำศพมาฝังที่สวนมะนาวเป็นเจ้าของสวนได้เดินทางมาเห็นศพในที่สุดซึ่งในขณะนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปที่บ้านแม่ของนายเมฆปรากฏว่าพ่อของนายแม่ไม่อยู่บ้านเลยแม่บอกว่าพ่อกับนายเมฆนั้น

ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าพ่อของนายแม่น่าจะรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้ภายในเพจนั้นบ่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปโดยมีการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของในเมื่อครั้งสุดท้ายพบว่ามีการเปิดเครื่องแถวบริเวณจังหวัดสุพรรณบุรี

หลังจากนั้นสัญญาณก็ตัดหายไปซึ่งคาดว่านาย เมฆและพ่อนั้นน่าจะพยายามหนีออกนอกประเทศไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านแต่ทางนี้ยังไม่รู้ว่าสามารถเดินทางออกไปได้แล้วหรือไม่หรือยังอยู่ในประเทศไทยซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามหาตัวมาดำเนินคดีต่อไป  ส่วนทางด้านแม่ของผู้เสียชีวิตนั้นในข้อมูลว่าค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นลูกเขยของตนเอง

ที่ฆ่าลูกสาวแต่ก็ต้องรอการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนเพราะไม่อยากปรับปังโดยยังไม่มีหลักฐานแต่ถ้าหากเป็นลูกเขยฆ่าลูกสาวจริงก็อย่าที่จะให้ลูกเขยงั้นตายตามลูกสาวไปและที่สำคัญตลอดชีวิตนี้จะไม่มีทางให้อภัยลูกเขยอย่างเด็ดขาดดังนั้นหากท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวมาได้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพามาขออโหสิกรรม

 

สนับสนุนโดย  gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20

แฟนสาวรอดแต่ตัวเองจมน้ำเสียชีวิต

แฟนสาวรอดแต่ตัวเองจมน้ำเสียชีวิต

ชายหนุ่มมาช่วยแฟนสาวที่ขับรถเก๋งตกคลอง แฟนสาวรอดแต่ตัวเองจมน้ำเสียชีวิต

    ที่จังหวัดกำแพงเพชรมีเหตุการณ์ที่สร้างความเสียใจให้กับใครหลายๆคนที่ได้เห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมากโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาช่วงดึกเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งเธอได้ประสบอุบัติเหตุขับรถตกคลองแถวบริเวณใกล้ๆกับบ้านของแฟนหนุ่มของเธอ

ในขณะที่รถกำลังไถลลงแม่น้ำนั้นเธอก็มีสติพอที่จะโทรแจ้งให้แฟนของเธอทราบว่าตอนนี้เธอกำลังติดอยู่ในรถเก๋งและรถเก๋งนั้นกำลังค่อยๆจมลงไปในคลองและมีการบอกพิกัดว่ารถของเธอนั้นอยู่ตรงบริเวณไหน

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานแฟนหนุ่มของเธอนั้นก็ได้รีบเดินทางมาถึงจุดที่เกิดเหตุทันทีและด้วยความที่ต้องการช่วยเหลือแฟนเขาจึงกระโดดลงไปในน้ำพร้อมทั้งไปช่วยทุกกระจกรถเครื่องให้กระจกแตกเพื่อที่จะได้ช่วยแฟนสาวออกมานอกรถให้ได้

ซึ่งในที่สุดแล้วชายหนุ่มก็ทำสำเร็จเขาสามารถช่วยเหลือให้แฟนสาวนั้นพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำได้แต่น่าเสียใจสำหรับตัวเขาเองนั้นเนื่องจากว่าเขาใช้แรงทั้งหมดไปจากการช่วยเหลือแฟนและต้องหายใจอยู่ในน้ำเป็นระยะเวลานานทำให้ในที่สุดแล้วชายหนุ่มก็หมดแรงแล้ว

หมดสติลงในน้ำทางด้านแฟนสาวของเข้านั้นเมื่อโผล่ขึ้นมาจากน้ำแล้วไม่เห็นแฟนหนุ่มของตนเองก็ได้เรียกให้ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวนั้นมาช่วยกันตามหาแฟนหนุ่มของเธอซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะการช่วยเหลือของชาวบ้านรวมถึงทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยในการลงเข้าไปค้นหาบริเวณใต้น้ำตรงจุดที่เกิดเหตุก็พบว่าร่างของแฟนหนุ่มของเธอนั้น

นอนเสียชีวิตอยู่ตรงก้นของคลองซึ่งมีความลึกประมาณ 5 เมตรเลยทีเดียวซึ่งไปอยู่ตรงบริเวณรถยนต์ที่ตกลงไปในคลองนั่นเองกว่าทำกู้ภัยจะสามารถนำร่างของชายหนุ่มขึ้นมาได้เขาก็เสียชีวิตแล้วเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็เสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างมากเพราะความเสียสละของชายหนุ่มสามารถช่วยเหลือชีวิตของแฟนสาวตนเองขึ้น

มาได้แต่ตัวเองนั้นต้องมาจบชีวิตลงโดยหญิงสาวที่เป็นแฟนของผู้เสียชีวิตนั้นได้เล่าให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าหลังจากที่เธอเลิกงานนั้นเธอได้ไปทำธุระกับเพื่อนและเมื่อกลับมาใกล้จะถึงเวลาเคอร์ฟิวแล้วเธอจึงรีบขับรถด้วยความเร็วทำให้พอมาถึงจุดเกิดเหตุนั้น

ด้วยเป็นมุมทางโค้งพอดีทำให้เธอไม่สามารถควบคุมรถได้และลดเกิดไถลลงไปในคลองระหว่างนั้นเธอจึงได้โทรตามแฟนให้มาช่วยแต่ไม่คิดเลยว่าการทำแฟนมาช่วยในครั้งนี้จะทำให้เธอสูญเสียแฟนของเธอไปอย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้คงเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายคนได้เกี่ยวกับเรื่องของการขับรถเร็ว

และการวางแผนในเรื่องของการเดินทางซึ่งถ้ารู้ว่าเราจำเป็นต้องกลับบ้านไม่เกินเวลากี่โมงควรจะมีการวางแผนช่วงเวลาให้แน่นอนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเร่งรีบในการขับรถเพราะเสี่ยงในการที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์

พบศพหญิงสาวเสียชีวิตบนรางรถไฟคาดถูกรถไฟเฉี่ยว 

พบศพหญิงสาวเสียชีวิตบนรางรถไฟคาดถูกรถไฟเฉี่ยว 

        เมื่อวันที่ 17 เดือนตุลาคมปีพ. ศ. 2563 ช่วงเวลาประมาณ 5:00 น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุมาจากเจ้าหน้าที่ที่ทำความสะอาด อยู่ตรงบริเวณสถานีรถไฟหลักสี่  เมื่อพบศพหญิงสาวไม่ทราบชื่อเสียชีวิตอยู่ตรงบริเวณรางรถไฟในลักษณะน่าจะถูกรถไฟทับจนเสียชีวิต

         เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็พบศพของหญิงสาวคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ซึ่งตรงบริเวณที่เสียชีวิตนั้นเป็นบริเวณที่ไฟค่อนข้างมืดจึงทำให้ไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมาตรงบริเวณนี้ด้วยคนที่เห็นศพเป็นคนแรกนั้นเป็นแม่บ้านที่ทำงานอยู่ที่สถานีรถไฟหลักสี่โดยระบุว่าบังเอิญเธอผ่านมาตรงบริเวณนี้พอดีเห็นตรงบริเวณรางรถไฟมีวัตถุตกอยู่ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับตุ๊กตาเมื่อเดินไปใกล้ๆจึงพบว่าเป็นมนุษย์หลังจากนั้นจึงได้รีบแจ้งความให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางเข้ามาตรวจสอบทันที

        อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุได้พบกระเป๋าของผู้เสียชีวิตตกอยู่บริเวณใกล้เคียงซึ่งต่อมาทำให้ทราบว่าผู้เสียชีวิตนั้นเป็นหญิงสาวอายุ 38 ปี โดยในกระเป๋ายังมีบัตรที่แสดงถึงสถานที่ทำงานของเธอซึ่งระบุว่าเธอนั้นเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยและจากการตรวจสอบชื่อนามสกุลจึงพบว่าเธอทำงานอยู่ ที่สถานีรถไฟหัวลำโพงโดยมีตำแหน่งหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์

        และจากการสอบถามเพื่อนร่วมงานของเธอทำให้ทราบว่าเธอนั้นจะต้องมีการเดินทางกลับบ้านซึ่งเส้นทางการกลับบ้านของเธอนั้นจะต้องมีการนั่งรถไฟจากสถานีหัวลำโพงเพื่อมาลงตรงบริเวณสถานีหลักสี่หลังจากนั้นจึงต่อรถไปที่บ้านอีกทอดหนึ่งโดยการเดินทางของเธอจะเป็นลักษณะแบบนี้ทุกวันซึ่งโดยปกติแล้วเธอจะเดินทางมาถึงสถานีรถไฟหลักสี่ช่วงประมาณ 

21:00 น. ของทุกวัน

           ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สันนิษฐานว่าวันที่เกิดเหตุนี้เธอก็น่าจะเดินทางจากที่ทำงานเพื่อมาลงสถานีหลักสี่เพื่อกลับบ้านเช่นเดียวกันแต่น่าจะบังเอิญว่าเกิดลื่นตกรถไฟในขณะที่ตอนนั้นรถไฟอาจจะยังจอดไม่สนิทและหลังจากตกมาแล้วน่าจะมีรถไฟอีกขบวนหนึ่งส่วนมาพอดีทำให้เธอถูกรถไฟอีกขบวนหนึ่งเฉี่ยวชนและพับได้แต่ทั้งนี้ที่ไม่มีใครเห็นศพของเธอนั้นก็เพราะว่าตรงจุดนี้เป็นจุดที่ค่อนข้างมืดจึงอาจจะไม่มีใครสังเกตเห็นศพจัดแม่บ้านผ่านมาจึงได้เห็นนั่นเอง

           อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้มีการประสานงานกู้ภัยนำศพของหญิงสาวไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตเพิ่มก็ได้มีการประสานงานไปยังญาติพี่น้องของหญิงสาวที่เสียชีวิตเพื่อให้มาติดต่อนำศพของหญิงสาวไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

 

สนับสนุนโดย    สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

เรียกร้องเงิน 1 ล้านบาทจากเจ้าของหมา

เรียกร้องเงิน 1 ล้านบาทจากเจ้าของหมา

คุณตาออกมาชี้แจงไม่ได้เรียกร้องเงิน 1 ล้านบาทจากเจ้าของหมาที่วิ่งตัดหน้ารถจนทำให้เมียตาย 

           จากกรณีที่มีข่าวก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเรื่องของคุณตาวัย 63 ปีท่านหนึ่งได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์พาภรรยาวัย 60 ปีไปทำงานในช่วงเช้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรีแต่ระหว่างการเดินทางไปนั้นได้ขับรถไปตามซอยของหมู่บ้านปรากฏว่าได้มีหมาตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถของคุณตาจนเป็นเหตุให้รถคุณตาเสียหลักล้มภรรยาที่นั่งซ้อนท้ายมาปกรถมอเตอร์ไซค์และโชคไม่ดีหัวกระแทกกับพื้นอย่างแรงเป็นเหตุให้คุณยายวัย 60 ปีเสียชีวิตทันที 

          อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในวันนั้นทางด้านเจ้าของสุนัขตัวดังกล่าวได้ออกมายืนยันว่าเขายินดีจะรับผิดชอบทุกอย่างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเขาเองก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย โดยทางเจ้าของสุนัขยืนยันว่าเงินค่าเรียกร้องที่คุณตาวัย 63 ปีจะได้รับนั้นจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่งต่อหน้าทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ

         อย่างไรก็ตามหลังจากที่ผ่านไปไม่นานก็มีข่าวออกมาถึงคุณตาวัย 63 ปีว่าได้มีการออกมาเรียกร้องเงินค่าทำขวัญกับทางเจ้าของหมาค่อนข้างสูงด้วยเงินดังกล่าวนั้นคุณตาเรียกไปถึง 1 ล้านบาทเลยทีเดียวทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจกับข่าวที่ออกมาเนื่องจากคุณตายืนยันว่าเงินค่าทำขวัญนั้นคุณตายังไม่เคยมีการพูดคุยกับทางเจ้าของสุนัขเลย

         โดยคุณตายังเล่าให้ฟังอีกว่าเจ้าของสุนัขเป็นคนดีมากๆออกมาแสดงความรับผิดชอบกับทางคุณตาด้วยการจัดงานศพให้กับคุณยายรวมถึงออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานศพสิ้นซึ่งเจ้าของสุนัขนั้นมาดูแลงานศพให้เป็นอย่างดีโดยคุณตารู้สึกพอใจกับการแสดงความรับผิดชอบของเจ้าของสุนัขและยังไม่เคยพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของเงินค่าทำขวัญอย่างที่ตกเป็นข่าวเลย

       อย่างไรก็ตามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของสุนัขที่มีการเลี้ยงเอาไว้ออกมาทำร้ายผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาไม่ว่าจะเป็นออกมากัดคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหรือวิ่งไล่ตามรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาทำให้เกิดอุบัติเหตุนั้น  ตามกฎหมายแล้วเจ้าของสุนัขจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของค่าใช้จ่ายทั้งหมดและจะต้องมีการจ่ายค่าทำขวัญให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายด้วยแต่จำนวนเงินนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้รับความเสียหายและเจ้าของสุนัขที่จะมีการตกลงกันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจว่าต้องการมากน้อยแค่ไหน

           และถ้าหากยอดที่มีการเรียกร้องจากเจ้าของสุนัขมากเกินไปหาเจ้าของสุนัขได้ยินดีจ่ายก็สามารถที่จะพูดคุยกันที่สถานีตำรวจจะตกลงกันได้  อย่างไรก็ตามทางที่ดีที่สุดนั้นการเลี้ยงสุนัขควรจะต้องดูแลสุนัขของตนเองไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นไม่ว่าจะเป็นคนที่สัญจรผ่านไปมาหน้าบ้านหรือแต่เพื่อนบ้านดังนั้นหากต้องการเลี้ยงสุนัขเจ้าของสุนัขก็ควรจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยเช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

เตือนภัยร้านค้าระวังป้ามหาภัย

เตือนภัยร้านค้าระวังป้ามหาภัย

 

เตือนภัยร้านค้าระวังป้ามหาภัย รับเงินแล้วซุกอ้างได้เงินไม่ครบ เจอกันมาแล้วหลายร้าน

        ในโลกของออนไลน์ได้มีการแชร์ Facebookเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมชอบไปซื้อของที่ร้านค้าแล้วจ่ายเงินเป็นแบงค์พันหลังจากนั้นก็มีการบอกกับพนักงานว่าได้เงินไม่ครบโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะบอกว่าเงินขาด 500 บาท

ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นที่จังหวัดนนทบุรีมีร้านค้าหลายร้านที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวว่าเหตุการณ์นี้และเจอกันมาแล้วหลายร้านลักษณะคล้ายคลึงกันจึงมีความเป็นไปได้ว่าหญิงวัยกลางคนที่มาก่อเหตุนั้นน่าจะเป็นคนคนเดียวกัน

ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้เนื่องจากว่าคนที่ก่อเหตุนั้นปิดบังใบหน้าด้วยการสวมหมวกและใส่หน้ากากอนามัยสำหรับเรื่องราวล่าสุดที่ทำให้ทางร้านออกมาเตือนภัยนี้ก็เพราะว่ามีร้านชานมไข่มุกร้านหนึ่งเปิดร้านขายกำลังใกล้จะปิดร้านแล้วโดยมีผู้หญิงวัยกลางคนใส่เสื้อสีเหลืองหมวกสีเหลือง

เดินเข้ามาที่หน้าร้านและสั่งชานมไข่มุกไปทั้งหมด 2 แก้วหลังจากนั้นก็จ่ายตังค์ด้วยแบงค์พันให้กับพนักงานซึ่งพนักงานได้มีการรับเงินและถอนให้กับลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยลูกค้ากลับบอกว่าได้รับเงินไม่ครบเพราะขาด 500 บาทพนักงานคนดังกล่าวนั้นยืนยันว่าเธอจำได้ว่าเธอจ่ายกับคืนลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เพราะในเก็บเงินของเธอนั้นมีเงิน 500 บาทแค่ใบเดียวและเธอได้ถอนไปที่คุณป้าเป็นที่เรียบร้อยเพื่อเธอขอดูเงินในมือปรากฏว่าแบงค์ 500 บาทได้ร่วมกันมาจากจักแร้ของหญิงวัยกลางคนคนดังกล่าวเธอจึงได้บอกกับหญิงวัยกลางคนว่าเงินร่วงอยู่ที่พื้นเมื่อหญิงคนดังกล่าวเก็บเงินขึ้นมาก็ยังบอกอีกว่าเงินขาดอีก 100 บาท

ทำให้เธอเริ่มคิดได้ว่าหญิงคนดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นแก๊งมิจฉาชีพหวังจะเอาเงินทอนเธอจึงได้ออกมาพูดคุยกับหญิงคนดังกล่าวพร้อมกับโทรตามเจ้าของร้านให้มาเปิดกล้องวงจรปิดเมื่อหญิงคนดังกล่าวเห็นดังนั้นจึงได้ทำทีว่าเงินตกอยู่ที่พื้นอีก 100 บาทและเก็บเงินเดินออกจากร้านไปทันที

เธอจึงได้นำคลิปนี้มาเผยแพร่ในโลกออนไลน์เพื่อหวังเตือนให้กับร้านค้าทั่วไปได้รู้พฤติกรรมของลูกค้าเพื่อจะได้ไม่ต้องถูกลูกค้าโกงซึ่งหลังจากที่คืนนี้ถ้าออกไปปรากฏว่ามีร้านค้าหลายร้านที่เจอพฤติกรรมของลูกค้าคนดังกล่าว

ซึ่งตอนนี้แต่ละร้านก็ต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างเช่นร้านของชานมไข่มุกที่นำ Facebook มาใช้นั้นก็จะใช้เป็นวิธีการนำถาดมาใส่เงินทอนส่งให้กับลูกค้าเพื่อที่ลูกค้าจะได้เห็นจำนวนเงินทอนอย่างชัดเจน

ว่าถูกต้องหรือไม่และจะได้มีการบันทึกภาพที่กล้องวงจรปิดเอาไว้จะได้ใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงได้อย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการหาตัวหญิงวัยกลางคนคนดังกล่าวเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ขอบคุณ  ทดลองเล่นสล็อต gclub  ที่ให้การสนับสนุน

ขนุนพันธุ์ดี ขนุน”เพชรดำรง”

ขนุนพันธุ์ดี ขนุน”เพชรดำรง”

เพชรดำรง ขนุนพันธุ์ดีเนื้อหนารสหวานจัด ขนุนพันธุ์ เพชรดำรง เป็นขนุนที่มีเนื้อสีเหลือง ยวงใหญ่ เนื้อหนาเมล็ดเล็ก และรสชาติหวานจัด เจ้าของสายพันธุ์คือ คุณดำรงศักดิ์ วิริยศิริ ได้การทำผสมพันธุ์โดยใช้ขนุนพันธุ์คุณหญิงเป็นพ่อพันธุ์

และพันธุ์ทองประเสริฐเป็นแม่พันธุ์ ใช้เวลานานถึง 10ปี จึงได้ขนุนสายพันธุ์นี้ที่รวมเอาลักษณะเด่นของขนุนมาครบเกือบทุกหประการโดยเฉพาะมีเนื้อหนามากถ้ามีการบำรุงรักษาอย่างดีจะได้ขนุนที่มีเนื้อหนาถึง 2 เซนติเมตร ที่สำคัญยังเป็นสายพันธุ์ขนุนที่เกิดขึ้นด้วย

การผสมพันธุ์จากฝีมือมนุษย์ซึ่งนับว่าหาได้ยากมาก เนื่องจากขนุนสายพันธุ์ดีดี ในอดีตที่ผ่านมาเกิดจากคัดเลือกต้นจาการเพาะเมล็ดทั้งหมด

ลักษณะสำคัญของขนุนเพชรดำรง การเจริญเติบโตเป็นแบบตั้งตรง รูปทรงของพรงพุ่มเป็นรูปพีนะมิดกว้าง ใบมีลักษณะรูปไข่กลับ สีเขียวใบมันวาว ขอบใบเป็นคลื่น ฐานใบสอบเรียว ปลายใบแหลม ผลมีรูปร่างกลม ปลายผลป้าน ฐานของขั้วผลบุ๋ม รูปร่างของยวงวงกลม สีเหลืองอมส้ม เมล็ดกลม

ในปัจจุบันนี้เริ่มมีเกษตรได้นำขนุนพันธุ์ เพชรดำรง จากการดูและสังเกต จัดเป็นขนุนที่ให้ผลผลิตดกมาก เนื้อหนามาก เนื้อหนาประมาณ1.5-2 ซม. และรสชาติหวานอร่อย เมื่อนำมาแกะเนื้อขายจะวางตลาดได้นานเพราะเนื้อไม่เละ เมล็ดมีขนาดเล็กมาก

อีกทั้งเยื่อหุ้มเมล็ดบาง ผลที่มียวงหนามากๆ บางผลจะชั่งเฉพาะเนื้อจะได้ น้ำหนัก5-6ยวงต่อ 1 กิโลกรัม ให้เนื้อหรือยวง 52 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผล เปลือกผลบางไม่เป็นสนิมง่าย ที่สำคัญเป็นขนุนพันธุ์เบา ติดผลเร็วหลังปลูกเพียง 2-3 ปีเท่านั้น

ผลมีน้ำหนักโตเต็มที่ 10-15 กิโลกรัมต่อผล เหมาะที่จะปลูกเพื่อแกะยวงขายนอกจากนั้น ด้วยความหนาของเนื้อยังสามารถนำไปแปรรูปโดยการเชื่อมหรือนำไปทอดแบบทุเรียนทอดกรอบได้

ขนุนเป็นผลไม้ที่ขึ้นในดินได้เกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นดินร่วน ดินร่วนปนทราย ที่ต้องระบายน้ำดี ส่วนดินเหนียวหรือดินทรายต้องมีการปรับปรุงด้วยการใส่ปุ๋ยหมัก

เห็นไหมคะ ผลไม้บ้านเราก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า ยูฟ่าเบท มือถือ

จบแล้วคดี หวย 30 ล้าน

จบแล้วคดี หวย 30 ล้าน

จบแล้วคดี หวย 30 ล้าน ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง หวยเป็นของคุณลุงจรุญจริง

          สำหรับเรื่องของหวย 30 ล้านนั้น  นับได้ว่าเป็นเรื่องราวมหากาพย์เลยทีเดียวเพราะตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมามีการต่อสู้แย่งชิงหวย 30 ล้านนี้จนเป็นข่าวโด่งดังใหญ่โต  เชื่อว่าหลายคนคงจำได้ดีกับคดีหวย 30 ล้านที่มีอดีตนายตำรวจที่ชื่อว่าคุณลุงจรูญกับคุณครูที่โด่งดังประจำจังหวัดที่ชื่อว่าครูปรีชาได้แย่งหวยกัน  โดยมีพยานเป็นคนในพื้นที่โดยเฉพาะคนขายลอตเตอรี่ได้มีการยืนยันขายลอตเตอรี่ให้กับคุณครูปรีชา

        ซึ่งในตอนนั้นได้มีคลิปเสียงออกมาเป็นจำนวนมากมีตัวละครหลายตัวที่ไม่เกี่ยวกับลอตเตอรี่ก็ออกมาพูดถึงเรื่องเงิน 30 ล้านพร้อมร่วมกันเป็นพยานและยังมีหลักฐานต่างๆนานาออกมาสู้กัน  อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดแล้วศาลก็ได้สั่งตัดสินว่าลอตเตอรี่ 30 ล้านนั้นเป็นของคุณลุงจรูญเนื่องจากพยานหลักฐานต่างๆที่ต้องครูปรีชาออกมาต่อสู้นั้นเป็นหลักฐานที่อ่อนมากเรียกได้ว่าถ้าไม่มีคำให้การของคนขายลอตเตอรี่ที่อยู่เคียงข้างครูปรีชาก็ไม่สามารถบอกได้เลยว่าลอตเตอรี่ดังกล่าวนั้นเป็นของครูปรีชาจริงๆ

      แต่ถึงแม้ว่าศาลจะมีการตัดสินว่าลอตเตอรี่เป็นของ คุณลุงจรูญแต่ปรากฏว่าคุณครูปรีชาก็ยังไม่ยอมท้อถอยได้มีการส่งศาลขออุทธรณ์ให้มีการสืบสวนสอบสวนใหม่ และยังมีการแจ้งคดีความกันอีกหลายคดีจนเรื่องราวลุกลามใหญ่โตเป็นคดีที่โด่งดังมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์เกี่ยวกับคดีลอตเตอรี่หวย 30 ล้าน  อย่างไรก็ตามแต่หลังจากที่มีการสู้คดีกันมาอย่างยาวนานเป็นระยะเวลา 3 ปีในท้ายที่สุดดีแล้วศาลอุทธรณ์ก็ได้สั่งยกฟ้องโดยมีการพิพากษาออกมาว่าลอตเตอรี่ 30 ล้านนั้นเป็นของคุณลุงจรูญจริงๆไม่ใช่ของครูปรีชา

           อย่างไรก็ตามแต่การถูกหวย 30 ล้านในครั้งนี้ของคุณลุงจรูญนั้นทำให้คุณจรูญกว่าจะได้ใช้เงิน 30 ล้านก็ต้องขึ้นโรงพักขึ้นศาลอยู่หลายครั้งซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นทุกขลาภเลยก็ว่าได้แต่ถึงแม้จะเป็นทุกขลาภในที่สุดคุณลุงจรูญก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคได้ในตอนนี้คุณลุงจรูญสามารถนำเงิน 30 ล้านที่ถูกรางวัลมาใช้จ่ายได้แล้วหลังจากที่รอคอยมาอย่างยาวนาน

            และเชื่อว่าคดีนี้น่าจะเป็นตัวอย่างให้กับใครอีกหลายคนที่คิดจะไปโกงลอตเตอรี่ของคนอื่น ให้คิดให้รอบคอบเพราะกฎหมายมีความเที่ยงธรรมอยู่เสมอและถ้าคุณไม่ใช่คนที่ถูกลอตเตอรี่จริงๆก็ไม่ควรโลภที่จะเอาลอตเตอรี่ของคนอื่นเราไม่ใช่เพียงแค่คุณจะกลายเป็นคนโลภในสายตาของคนทั้งประเทศอย่างเดียว แต่การโลภอยากได้ของคนอื่นจะทำคุณติดคุกได้

 

สนับบสนุนเรื่องราวโดย  เว็บคาสิโนเปิดใหม่

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa