ผู้เขียน: admin

งบประมาณปี 63 ไทยเตรียมซื้ออาวุธ

งบประมาณปี 63 ไทยเตรียมซื้ออาวุธ

งบประมาณปี 63 ไทยเตรียมซื้ออาวุธและกระสุนด้วยงบประมาณ 247 ล้านบาท 

        ตอนนี้ประเทศไทยเองก็มีการจัดสรรงบประมาณของและหน่วยงานกระทรวงต่างๆเพื่อนำมาใช้ในการบริหารประเทศแต่งบประมาณส่วนใหญ่นั้นทางรัฐบาลเองก็ได้มีการขอร้องกระทรวงต่างๆให้มีการแบ่งงบประมาณที่เคยขอไว้ว่าหากยังไม่มีการนำเงินไปใช้อะไรก็ให้นำเงินส่วนนั้น

ไปช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ทุกคนกำลังต้องการความช่วยเหลือเยียวยาเพราะผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งอย่างที่เราเคยติดตามข่าวสารกันมาว่ากระทรวงต่างๆก็มักจะมีเหตุผลออกมาเรื่องของบประมาณว่าไม่สะดวกในเรื่องของการปันผลเงินงบประมาณออกมาให้กับประชาชน

เนื่องจากได้มีการวางแผนงานเอาไว้และมีการยื่นเอกสารการดำเนินการกันไปหมดแล้วซึ่งบางกระทรวงเมื่อมีการตรวจสอบเชิงลึกลงไปก็พบว่าเงินในกระทรวงต่างๆก็ยังคงเหลือเยอะและไม่มีการวางแผนที่จะใช้งานกับเงินจับเงินก้อนนั้นยังไง และวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องของบประมาณการจัดจ้างจัดซื้อของกรมสรรพาวุธทหารบก

ซึ่งมีการได้รับงบประมาณไปในครั้งแรกที่จะนำเงินไปซื้อเรือดำน้ำโดยเมื่อมีข่าวหลุดรอดออกมาประชาชนส่วนใหญ่ต่างก็ไม่เห็นด้วยเพราะประเทศไทยเองไม่จำเป็นต้องใช้เรือดำน้ำในการทำสงครามอะไรซึ่งตอนนี้มีรายงานเกี่ยวกับเรื่องของบประมาณของกรมสรรพาวุธทหารบกออกมาอีกแล้วว่าจะมีการใช้งบประมาณ 247 ล้านบาท

ในการไปซื้อกระสุน  ไม่ว่าจะเป็นกระสุนปืน  กระสุนระเบิด กระสุนปืนใหญ่หรือแม้แต่จรวจ ซึ่งนี้มีการระบุว่าเป็นงบประมาณที่ต้องมีการจัดซื้อเข้ามาในประเทศสำหรับข้อมูลการจัดซื้อเหล่านี้แน่นอนว่าเป็นส่วนที่ทางการทหารควรจะต้องมีไว้เพื่อปกป้องประเทศแต่ถ้าหากพูดตามหลักความเป็นจริงแล้ว

ในตอนนี้ทั่วโลกไม่มีใครก่อสงครามไม่จำเป็นต้องรีบซื้ออาวุธปืนเหล่านี้ก็ได้สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ทางรัฐบาลเองต้องนำงบประมาณเหล่านี้มาช่วยเหลือประชาชนที่กำลังจะอดตายตอนนี้อยู่มากกว่าหรือไม่แต่ก็พยายามสรรงบประมาณเหล่านี้ออกไป

เพื่อไปซื้อสิ่งที่ไม่ควรซื้อเชื่อว่าถึงแม้จะซื้ออุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาในประเทศไทยตอนนี้ก็ใช่ว่าประเทศไทยจะต้องไปสู้รบปรบมือกับใครหรือมีใครมาแย่งดินแดนของประเทศไทยในช่วงนี้ก็ไม่มีสักหน่อยทำไมต้องสิ้นเปลืองงบประมาณไปกับการซื้ออาวุธเหล่านี้แทนที่จะเห็นความลำบากของประชาชนเป็นหลัก

แต่กับเห็นการซื้ออาวุธปืนซึ่งแน่นอนว่าเราก็ต้องรู้กันดีอยู่แล้วว่างบประมาณเหล่านี้ใช้ในการซื้ออาวุธแค่เพียงครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งนึงก็เข้ากระเป๋าของพวกมีสีแน่นอน

 

 

สนับสนุนโดย  gclubฟรี500

หญิงสาววัย 16 ปี-หลอกเด็กชายวัย 13 ปีไปกระทำชำเรา

หญิงสาววัย 16 ปี-หลอกเด็กชายวัย 13 ปีไปกระทำชำเรา

         ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสังคมในสมัยนี้ผู้ชายก็สามารถถูกหลอกไปกระทำชำเราข่มขืนได้เช่นเดียวกันโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อมีผู้ปกครองท่านหนึ่งเป็นผู้ปกครองของเด็กชายอายุ 13 ปี

ที่ว่าเด็กชายเอได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้ดำเนินคดีกับหญิงสาววัย 16 ปีที่ชื่อว่านางสาววาโดยผู้ปกครองของเด็กชายเอได้เล่าว่าเด็กชายเอนั้นได้รู้จักกับนางสาวอาผ่านทาง Social Media ซึ่งรู้จักกันได้ประมาณแค่เพียง 1 เดือนเท่านั้น

นางสาววาก็เดินทางมาหาเด็กชายเอที่บ้านและมาขออนุญาตมานอนบ้านกับเด็กชายเอซึ่งแม่ของเด็กชายเอนั้นได้ว่ากล่าวตักเตือนนางสาวอาไปและไม่อนุญาตให้นำสว่างมานอนที่บ้านของตนเองทำให้นางสาวว่าไม่พอใจไปนำรถจักรยานยนต์ขี่มารับเด็กชายเอออกไปจากบ้านในช่วงตอนเย็นวันเดียวกันนั้นและหายไปเลยซึ่งทำให้แม่ของเด็กชายเอและญาติพี่น้องของเด็กชายเอพากันขี่รถมอเตอร์ไซค์

ออกตามหาแต่ก็หาไม่พบจนใกล้เวลาคือปีแล้วจึงได้พากันกลับมาบ้านหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วมีเพื่อนบ้านเดินทางมาหาแม่ของเด็กชายเอแล้วบอกว่านางสาววาที่มาหาเด็กชายเอได้มาขโมยรถจักรยานยนต์ที่บ้านของตนเองไปทั้งหมด

จึงได้พากันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในข้อหาลักทรัพย์รุ่งเช้ามีเพื่อนของเด็กชายเอได้ขี่รถจักรยานยนต์มาหาแม่ของเด็กชายเอและบอกว่าเด็กชายเอนั่งรอให้แม่มารับกลับอยู่ที่หน้าโรงเรียนแม่ของเด็กชายเอจึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปรับลูก

เมื่อเห็นสภาพของลูกทำให้แม่ของเด็กชายเอตกใจอย่างมากเนื่องจากลูกชายมีอยู่ในสภาพที่อิดโรยเป็นอย่างมากและตามร่างกายก็มีร่องรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำๆทั้งหน้าอกและคอเต็มไปหมดเมื่อสอบถามเด็กชายเอก็ให้การว่าหลังจากที่ขี่รถจักรยานยนต์มากับนางสาวอาเธอได้พาไปนอนยังบ้านของเพื่อนของเธอ

และในช่วงเวลากลางคืนนางสาววาก็ลงมือข่มขืนเด็กชายเอโดยที่เด็กชายเอไม่ได้สมยอมแต่อย่างใดและรุ่งเช้าเด็กชายเอจึงรีบเดินทางออกมาและไหว้วานให้คนไปตามแม่มารับกลับบ้านดังกล่าวซึ่งแม่ของเด็กชายเอวันเกรงว่าเด็กชายเอจะติดเชื้อ hiv

หรือเชื้อไวรัสโคโรน่ามาจากนางสาววาจึงได้พาลูกไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลและรอฟังผลและยังได้กล่าวอีกว่าหากนางสาววายังไม่เลิกยุ่งกับลูกชายของเธอเธอจะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุดซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถพบตัวนางสาววาได้เนื่องจากว่ามีการไปตามตัวที่บ้านนั้น

ไม่พบนางสาวๆและผู้ปกครองแต่อย่างใดโดยเพื่อนบ้านให้ข้อมูลว่านางสาววาอยู่กับยายแค่เพียงสองคนเท่านั้นและเป็นเด็กที่ค่อนข้างเกเรส่วนใหญ่ของนางสาววานั้นเอาไปทำงาน กลับมาอีกทีก็ช่วงค่ำๆ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เว็บพนันบอล ฝากขั้นต่ำ100

กลับมาบ้านพบแม่ฆ่าตัวตาย

กลับมาบ้านพบแม่ฆ่าตัวตาย

หนุ่มพ้อรอเงินช่วยเหลือห้าพันบาทจากรัฐบาลไม่ไหวต้องออกไปทำงาน กลับมาบ้านพบแม่ฆ่าตัวตาย

               ที่จังหวัดชัยนาท เกิดเหตุคนฆ่าตัวตายที่บ้านพักของตัวเอง โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นวันที่ 24 เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2563  ซึ่งบ้านหลังที่มีคนก่อเหตุฆ่าตัวตายนั้นเป็นบ้านชั้นเดียวที่สร้างจากปูนส่วนหลังคานั้นมุงด้วยสังกะสี เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงศพที่เสียชีวิตก็พบว่าสภาพศพผู้ตายใช้ผ้าถุงของตัวเองผูกคอตัวเองจนถึงแก่ความตาย

โดยผู้เสียชีวิตชื่อว่า นางเล็กโดยลักษณะของศพของนางเล็กนั้นอยู่ในสภาพที่ใส่เสื้อคอกระเช้าส่วนข้างล่างไม่สวมใส่อะไรมีเพียงผ้าอ้อมผู้ใหญ่เท่านั้นซึ่งแพทย์ที่เดินทางมาพร้อมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่านางเล็กขาดอากาศหายใจ

โดยตามร่างกายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใดซึ่งทางญาติของนางเล็กเองก็ไม่ได้ติดใจสาเหตุการตายของนางเล็กซึ่งในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานอยู่นั้นก็พบว่าลูกชายของนางเล็กอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจเศร้านั่งกอดศพแม่แล้วก็ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา

โดยเขาได้รำพึงรำพันพูดอยู่ตลอดเวลาว่าเขาไม่เหลือใครแล้วเพราะเขาเพิ่งจะสูญเสียคุณพ่อไปเมื่อประมาณ 5 เดือนที่แล้วนี่เองแล้ววันนี้เขาก็ต้องมาสูญเสียคุณแม่อีกซึ่งบุตรชายของนางร้ายชื่อว่านายสะอาดโดยนายสะอาดได้เล่าให้กลับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝั่งว่าเมื่อเช้านั่งเล็กยังอยู่ในอาการเป็นปกติไม่มีแนวโน้มว่าจะมีการคิดสั้น

ซึ่งโดยปกติแล้วนายสะอาดจะเป็นคนดูแลแม่หรือนั่งเล็กตลอดเวลาช่วยเขาไม่ได้เดินทางไปที่ไหนซึ่งมีวันนี้เท่านั้นที่เขาต้องออกไปทำงานนอกบ้านเป็นวันแรกเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวก่อนออกจากบ้านมาตอนเช้าเขาก็เพิ่งหอมแก้มแม่อยู่แล้วยังบอกกับแม่ว่าเขาจะออกไปทำงานเขาไม่คิดว่าแม่ของเขาจะมาคิดสั้นแบบนี้

ซึ่งนั่งเล็กนั้นมีโรคประจำตัวหลายอย่างและน้องเล็กก็เป็นผู้ป่วยติดเตียงมาสักระยะหนึ่งแล้วเพราะไม่สบายทั้งมีปัญหาเส้นเลือดในสมองตีบโรคเบาหวานและยังเป็นโรคไตอีกด้วยโดยนายสะอาดยังรำพึงรำพันถึงว่าเอาวันนี้เขาไม่ไปทำงานแม่เขาก็คงจะไม่ตาย

ซึ่งโดยปกติแล้วเขาจะอยู่คอยปรนนิบัติแม่อยู่ตลอดเวลาแต่ก็จะมีภรรยาของเขาคอยช่วยเหลือคอยดูแลอยู่ซึ่งช่วงเวลาที่นางเอกผูกคอตายนั้นน่าจะเป็นช่วงที่ภรรยาของเขาออกไปเก็บผักเพราะว่าตอนนี้ทั้งตัวเขาเองและภรรยาไม่มีคนจ้างทำงานเลยเพิ่งจะได้ทำงานวันนี้วันแรกโดยจะไปทำงานเป็นคนงานก่อสร้างกับลุงที่รู้จักกันแถวบ้านแต่พอกลับมาถึงบ้านแม่ก็มาเสียชีวิตจากไปซะแล้วเลยเขายังบอกอีกว่าเขาลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา 5 พันบาทไปตั้งนานแล้วทุกวันนี้เงิน 5000 บาทนั้นเขายังไม่เคยได้รับเลยซึ่งถ้าหากเขาได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทเขาก็คงไม่ต้องออกไปทำงานแล้วแม่เขาก็คงไม่ต้องตาย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  gclub

หลายจังหวัดผ่อนปรนการขายเหล้า เบีย แต่ปทุมธานียังห้ามขาย ใครฝ่าฝืนโดนจับแน่นอน

หลายจังหวัดผ่อนปรนการขายเหล้า เบีย แต่ปทุมธานียังห้ามขาย ใครฝ่าฝืนโดนจับแน่นอน

           จากกรณีที่รัฐบาลได้มีการประกาศผ่อนปรนการจำหน่ายเหล้าเบียร์เครื่องดื่มประเภทให้สามารถขายได้ตั้งแต่วันที่ 3 เดือนพฤษภาคมปีพศ. 2563 เป็นต้นไปทำให้มีผู้คนจำนวนมากต่างเดินทางไปรอซื้อของไม่ว่าจะเป็นร้านเซเว่น  ห้างแม็คโครหรือร้านสะดวกซื้ออื่นๆที่เปิดบริการขายเหล้าจะพบว่าชาวบ้านต่างเดินทางเพื่อไปแย่งกันซื้อเหล้าเพื่อกักตุนกันเป็นจำนวนมาก

ซึ่งหลังจากที่มีภาพที่มีการถ่ายขณะที่ชาวบ้านไปแย่งกันซื้อเหล้าออกมาทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีแรงเห็นแล้วว่าหากยังคงมีการปล่อยให้ชาวบ้านกินเหล้าได้อย่างเสรีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าอาจจะกลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่งและสร้างความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

ดังนั้นทางจังหวัดปทุมธานีจึงได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางสำนักงานของปทุมธานีจังหวัดปทุมธานีจะมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเรื่องของการห้ามจำหน่ายเหล้าสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดยาวต่อเนื่องไปอีกซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563

และยังไม่มีกำหนดการว่าจะมีการผ่อนปรนให้จำหน่ายเหล้าได้อีกครั้งหนึ่งเมื่อไหร่อันนี้ขอทางผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีแรงเห็นแล้วว่าชาวบ้านสามารถกินเหล้ากันได้ก็จะทำให้ขาดการดูแลตัวเองลดน้อยลงเพราะในขณะที่มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายคนคงจะไม่มานั่งเอาหน้ากากอนามัยปิดหน้าแล้วค่อยๆดื่มแน่นอนเพราะเมาเหล้าแล้วอะไรก็ทำได้

โดยที่ไม่รู้ตัวดังนั้นเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะมีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่ากันมากขึ้นจึงขอยึดคำสั่งเดิมว่ายังงดการจำหน่ายเหล้าเบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่งซึ่งถ้าหากใครฝ่าฝืนก็จะมีการถูกจับรวมถึงมีค่าปรับด้วย

             จะเห็นได้ว่าตอนนี้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่ายังไม่ได้ดีขึ้นมากนักถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงแต่หลังจากเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นมาที่หลายจังหวัดมีการผ่อนปรนให้มีการเดินทางข้ามจังหวัดๆก็ทำให้หลายจังหวัดพบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่ามากขึ้นซึ่งถ้ายังผ่อนปรนให้มีการขายเหล้าขายเบียร์ได้จะยิ่งเป็นการสร้างจำนวนผู้ติดเชื้อให้มากขึ้นกว่าเดิม

ซึ่งถือว่าอันตรายเป็นอย่างมากดังนั้นหากยังสามารถที่จะควบคุมไม่ให้เหล้าเบียร์ขายได้จะเป็นการดีที่สุดก็อย่างที่เราทราบกันดีว่าเมื่อคนกินเหล้าหรือเบียร์แล้วมักจะขาดสติทำอะไรโดยไม่คิดเรื่องนั้นเป็นไปได้มากว่าขณะที่มีการดื่มเหล้าก็จะไม่มีการระวังเรื่องของการล้างมือหรือแม้แต่การใส่หน้ากากอนามัยและอาจจะเดินเพ่นพ่านไปยังที่อื่นซึ่งอาจจะติดเชื้อไวรัสโคโรนาจากการที่อยู่ในอาการมึนเมาก็เป็นไปได้  

 

สนับสนุนโดย  สล็อต เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์

หนุ่มขับรถผ่านด่านเคอร์ฟิวมาได้เพราะนำบัตรตำรวจเก่าหมดอายุของพ่อมาเบ่ง

หนุ่มขับรถผ่านด่านเคอร์ฟิวมาได้เพราะนำบัตรตำรวจเก่าหมดอายุของพ่อมาเบ่ง

  เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความลงเฟสบุ๊กบอกเล่าเรื่องราววีรกรรมที่ตัวเองเพิ่งไปสร้างมา เมื่อวันที่ 7 เดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2563 โดยเขาได้โพสต์ภาพของตัวเองถือบัตรข้าราชการตำรวจ

และมีการเขียนข้อความเชิงอวดให้กับเพื่อนในเฟสของเขาว่า เขาเพิ่งนำบัตรใบนี้ไปอวดเบ่งกับเจ้าหน้าที่คุมด่านเคอร์ฟิวมาซึ่งเขารอดมาได้ไม่ถูกจับเพราะบัตรข้าราชการตำรวจของพ่อ และที่กลายเป็นจุดที่น่าสนใจของโพสต์นี้ก็คือ บัตรของพ่อเขาหมดอายุหลายปีแล้ว  

เมื่อเรื่องราวนี้ได้มีการแชร์ต่อต่อกันมาหลายคนได้เข้าไปต่อว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวที่มีการนำเอาบัตรพ่อมาเบ่งกับคนอื่น แต่หลายคนก็เข้ามาเม้นต์กับข้อความนี้ในแนวเป็นเรื่องที่ชวนหัวเราะ ซึ่งกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ก็มีหลากหลายกันไป 

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ หลายคนมองว่าสิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้ทำนั้นไม่เป็นการสมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่เคารพต่อกฏหมายและที่สำคัญตำรวจที่มีหน้าที่ตั้งด่านตรวจก็ไม่ควรจะกลัว

แค่บัตรที่ชายหนุ่มนำมาข่มขู่ เพราะจะเห็นได้ว่าเพียงแค่แสดงบัตรว่าเป็นลูกของใครก็กลัวกันจนลนลาน จนไม่ตรวจสอบให้ดีด้วยซ้ำว่าบัตรใบนี้หมดอายุไปหลายปีแล้ว

      สำหรับตัวของชายหนุ่มนั้นหากว่ามีการนำบัตรของพ่อมาขู่เจ้าหน้าที่ด่านจริงก็ไม่ควรที่จะนำเรื่องราวเหล่านี้มาโพสต์เพื่อบอกให้คนอื่นได้รู้วาตัวเองเพิ่งทำเรื่องที่ไม่ดีมา และยังมีการนำเอาชื่อเสียงของพ่อมาสร้างความเสียหาย เรียกว่าเป็นการโพสต์โชว์ความโง่เลยก็ว่าได้

เพราะหากทำความผิดแบบนี้แล้วไม่โพสต์ก็จะไม่มีใครรู้ว่าเราทำแบบนี้มา และคงไม่มีใครด่าเอาได้ แต่เมื่อมีการโพสต์ประจานกับการทำไม่ดีของตัวเองย่อมต้องมีคนเข้ามาด่าเป็นธรรมดา เรียกว่าโพสต์โชว์โง่กันเลยทีเดียวแถมยังจะทำให้พ่อของตัวเองเดือดร้อนตามไปด้วย

เพราะมีการแสดงชื่อพ่อในบัตรลงบนโพสต์หราเลย ส่วนคนที่จะเดือดร้อนอีกคนก็คือกลุ่มคนที่ตั้งด่านและยอมปล่อยตัวชายคนนี้เพียงแค่เพราะกลัวบัตรที่เขาเอามาข่มขู่แสดงว่ามีการเลือกปฎิบัติ เป็นการทำงานที่สองมาตรฐานทำให้เขาอาจจะเดือดร้อนในการงานได้

เพราะเรื่องราวที่เขายกเว้นการปฏิบัติหน้าที่มันกลายมาเป็นข่าวใหญ่โตและคนอื่นอื่นก็จะเดือดร้อนตามมาอีกด้วยว่าคนที่ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวร์เพราะเดือดร้อนกลับบ้านไม่ทันจริงจริงตำรวจก็คงจะไม่ช่วยอีกแล้วเพราะกลัวตัวเองจะเดือดร้อนแน่นอน

 

ขอขบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  พนันออนไลน์ ฝากขั้นต่ำ100

คุณหมอขอระบายเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวที่ต้องสู้กับโควิด-19

คุณหมอขอระบายเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวที่ต้องสู้กับโควิด-19

คุณหมอขอระบายเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวที่ต้องสู้กับโควิด-19แต่ก็ไม่อาจทิ้งจรรยาบรรณแพทย์ได้ 

          เชื่อว่าหลายคนคงรู้กันดีว่าสถานการณ์ตอนนี้ของประเทศไทยนั้นมีปัญหาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19เป็นจำนวนมากและบุคคลที่ได้รับความเสี่ยงมากที่สุดในขณะนี้ก็คือบุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะหมอและพยาบาลที่ต้องอยู่กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19แทบจะตลอดเวลา

พวกเขาเหล่านี้ต้องเสียสละชีวิตส่วนตัวและมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับพวกเขาถึงกับชีวิตได้เลยทีเดียวแต่ด้วยจรรยาบรรณทางการแพทย์ที่เขามีอยู่ทำให้เขายังคงต้องรักษาคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19ถึงแม้เขาเองก็กลัวว่าตัวเองจะต้องติดเชื้อในสักวันหนึ่งก็ตามที่สำคัญเมื่อเขาจะต้องมารักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19แล้ว

เขาจำเป็นต้องจากครอบครัวไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่  พี่น้อง  สามีภรรยา  หรือแม้แต่ลูกๆของเขาซึ่งเขาไม่สามารถเข้าใกล้บุคคลเหล่านั้นได้เนื่องจากต้องห่วงความปลอดภัยของคนในครอบครัวของตนเองเพราะตนเองเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19โดยตรงดังนั้นภาพที่เราเห็นส่วนใหญ่จึงเป็นได้แค่เพียงการที่พวกเขาต้องยืนมองคนที่พวกเขารักอยู่ห่างๆเท่านั้น

แต่ไม่สามารถกอดหรืออยู่ใกล้ชิดกันได้เหมือนกับครอบครัวอื่นๆซึ่งมี Facebook หนึ่งได้มีการระบุข้อความของนายแพทย์หนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นนายแพทย์ประจำสถาบันจักรีนฤบดินทร์และยังเป็นนายแพทย์ที่ต้องไปดูแลโรงพยาบาลรามาธิบดี

โดยเขามีการระบุว่าเขาอยากให้ประชาชนรับรู้ว่าทุกวันนี้ที่เขาทำนั้นเขารู้สึกเหนื่อยและท้อแท้มากเพราะเขาคือบุคคลที่อยู่ติดกับเชื้อไวรัสโควิด-19มากกว่าคนอื่นเขาต้องทำงานตั้งแต่เช้ายันดึกและทำงานที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบนี้ในทุกๆวัน

ซึ่งเขาถือว่าชีวิตเขาเสียงดังมากที่สักวันหนึ่งอาจจะมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19ได้ไม่ใช่แค่เพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่เหนื่อยบุคลากรทางการแพทย์คนอื่นๆเองก็เหนื่อยและท้อแท้เช่นเดียวกันในทุกๆวันจะมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19เดินทางมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก

ซึ่งพวกเขาไม่ได้พักผ่อนเลย ซึ่งอันที่จริงแล้วพวกเขาอยากจะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวแต่ด้วยตัวของพวกเขาเองคือบุคคลที่ต้องดูแลผู้ป่วยเพราะถ้าหากว่าผู้ป่วยขาดพวกเขาแล้วแล้วก็ก็จะไม่มีใครรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไห้หายได้

ซึ่งนี่คือความในใจของคุณหมอที่เป็นผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสดังนั้นในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ได้ฟังข้อความระบายจากทางคุณหมอแล้วก็ควรจะมีการช่วยเหลือคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์คนอื่นๆให้ทำงานเหนื่อยน้อยลงด้วยการลดความเสี่ยงในการที่จะปล่อยให้ตนเองติดเชื้อไวรัสพวกเขาเหล่านั้นจะได้มีเวลาพักผ่อนและสามารถกลับไปอยู่กับครอบครัวของตนเองได้เหมือนเดิม

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนันบอลฝากขั้นต่ำ 100

ออกมาอาบแดดเต็มชายหาด

ออกมาอาบแดดเต็มชายหาด

ประชาชนพลเมืองของสหรัฐออกมาอาบแดดเต็มชายหาดเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวโดยไม่กลัวการติดโควิด-19

              มีรายงานข่าวจากต่างประเทศเข้ามาว่าในช่วงนี้ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังประสบปัญหาอากาศที่ร้อนจัดทำให้คนพากันหลั่งไหลออกนอกบ้านเดินทางไปเที่ยวชายหาดต่างๆโดยเฉพาะชายหาดที่รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งกำลังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปพักผ่อนหย่อนใจริมชายหาดได้

โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ที่จะเข้าไปท่องเที่ยวพักผ่อนริมชายหาดของแคลิฟอร์เนียนั้นจะต้องมีการเว้นระยะห่างกันประมาณ 1 เมตรและสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งกำลังระบาดอยู่ในขณะนี้

ซึ่งจากรายงานข่าวที่มีการถ่ายภาพมุมสูงจะพบเห็นว่ามีจำนวนประชากรหลายพันคนที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ชายหาดแห่งนี้โดยแต่ละคนไม่ได้เกรงกลัวว่าจะมีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าแต่อย่างใดเนื่องจากตอนนี้ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับความร้อน

ซึ่งพวกเขาไม่สามารถที่จะนอนอยู่แต่ในบ้านได้อีกต่อไปถึงแม้ว่าปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีการออกนโยบายออกมาเรียกร้องให้ประชาชนหยุดบ้านเพื่อต้องการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าแต่เราก็ยังเห็นว่ายังมีประชาชนหลายเมืองที่ออกมาเรียกร้องขอกลับมาใช้ชีวิตตามปกติและต้องการให้รัฐบาลปลดล็อกดาวน์

ซึ่งตามข้อมูลแล้วปัจจุบันนี้ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศอันดับ 1 ของโลกที่มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนารวมถึงยังมีผู้ที่ติดเชื้อสะสมที่ยังอยู่ระหว่างการรักษาอย่างเป็นทางการอีกประมาณ 9 แสนกว่าคนและถึงแม้จะมียอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงเป็นจำนวนมากแต่ประชาชนพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกากับไม่ค่อยเห็นถึงความสำคัญของการสวมใส่หน้ากากอนามัยหลายคนยังต้องการที่จะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ

โดยต้องการให้มีการเปิดการขายของรวมถึงการเดินทางไปไหนมาไหนได้ตามปกติโดยที่ไม่ต้องมาควบคุมเวลาการกลับเข้าบ้านและไม่ต้องการที่จะทำงานที่บ้านตามการประกาศของทางรัฐบาลอีกต่อไป 

          รู้จักภาพที่มีการลงข่าวมานั้นจะเห็นได้ว่าผู้คนเป็นจำนวนมากต่างพากันออกมารวมตัวกันถึงแม้จะมีการเว้นระยะห่างกันบ้างแต่ก็เป็นความเสี่ยงมากที่จะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้เจอไวรัสโคโรน่าได้เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนที่มาท่องเที่ยวริมชายหาดนี้มีใครมีเชื้อไวรัสตัวหน้าหรือไม่ซึ่งบางคนเวลาเดินไปริมชายหาดอาจจะมีการถมน้ำลาย

และถ้าหากเราไปเหยียบโดนน้ำลายหรือไปนั่งทับน้ำลายก็มีความเสี่ยงอย่างมากที่เราจะได้รับเชื้อนั้นเข้าสู่ร่างกายของเราดังนั้นถ้าหากพลเมืองของสหรัฐอเมริกายังคงมีการออกมาชิมกันอยู่แบบนี้เกรงว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ อีกไม่นานคงทะลุหลักล้านแน่นอน

 

สนับสนุนโดย  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

สลดรับวันเด็กโจรปล้นร้านทองยิงเด็ก 2 ขวบตาย

สลดรับวันเด็กโจรปล้นร้านทองยิงเด็ก 2 ขวบตาย

เมื่อเวลา 20.45 น.ของคืนวันที่ 9 มกราคม ตำรวจ สภอ.เมืองลพบุรีได้รับแจ้งว่ามีโจรบุกปล้นร้านทองออโรร่า ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าโรบินสันสาขาลพบุรี

เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีผู้เคราะห์ร้ายถูกยิงทั้งหมด 7 ราย เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย  ที่น่าสลดใจคือ หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นเด็กชายวัย 2 ขวบ 

ภาพจากกล้องวรจรปิดทำให้เห็นว่าคนร้ายใส่ชุดทหารคลุมปกปิดใบหน้าด้วยผ้าสีดำ เดินเข้ามาในห้าง ยิงปืนใส่ รปภ.ที่ยืนอยู่  จากนั้นลงมือปล้นทองที่ร้านทองออโรร่า โดยมีการยิงปืนใส่คนที่ยืนซื้อทองอยู่หน้าร้าน 2 คน ยิงใส่พนักงานขายที่เป็นผู้หญิงของร้านอีก 2 คน จากนั้นก็ได้หยิบทองในตู้ใส่กระเป๋า แล้ววิ่งออกจากห้างขี่มอเตอร์ไซค์หลบหนีไป 

แต่มีกล้องวงจรของร้านขายทองข้างๆบันทึกได้ว่าก่อนที่โจรจะยิงปืนใส่คนที่ยืนซื้อทองร้านออโร่ร่า  มีเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังเดินจูงมือกับแม่อยู่นั้น จู่ๆก็ล้มลง แม่เข้ามาอุ้มเห็นเลือดนองที่พื้น ทำให้รู้ว่าลูกถูกยิง แม่พยายามตะโกนร้องให้คนแถวนั้นช่วยแต่ก็ช้าไปเสียแล้วน้องเสียชีวิตเพราะถูกยิงเข้าที่สมอง มันช่างเป็นภาพที่หดหู่ใจใครได้ดูก็ต้องร้องไห้ตาม 

ภายหลังเราได้ทราบว่าน้องที่เสียชีวิตชื่อน้องไตตัน เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวนี้  ส่วนครอบครัวผู้เสียชีวิตอีก 2 รายที่นักข่าวไปสัมภาษณ์มาก็น่าสงสาร พี่รปภ.ที่ตายมีลูกที่ต้องเลี้ยงดู  3 คน พนักงานสาวร้านทองที่ตายก็มีลูกเล็ก 1 คน

สงสารครอบครัวเค้าอยู่ๆก็ต้องมาสูญเสียคนที่รักไป จริงๆแล้วโจรมันต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยหรอ เข้ามาปล้นทองคุณก็เอาแต่ทองไปซิ จะมาฆ่าผู้บริสุทธิ์คนอื่นเค้าทำไม เลือดเย็นเกินไปไหมจิตใจทำด้วยอะไรทำไมโหดเหี้ยมจัง 

ล่าสุดตอนนี้ตำรวจกำลังติดตามไล่ล่าหาตัวคนร้ายอยู่ เราตามข่าวลุ้นให้ตำรวจจับมันให้ได้ แต่จากรูปการแล้วคิดว่าน่าจะยากเพราะหน้าตามันเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ เบาะแสที่มีก็น้อยมาก ถ้าเป็นไปได้อยากให้มันถูกตำรวจวิสามัญตายไปเลย คนเลวๆอย่างงี้อย่าให้มันมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเดียวกับพวกเรา แทนที่วันเด็กทั้งทีจะมีข่าวที่ดีเกี่ยวกับเด็กๆ ต้องมาเจอกับข่าวเลวร้ายสะเทือนใจแบบนี้

สุดท้ายขอแสดงความเสียใจและเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ขอให้ครอบครัวทำใจกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นนี้ได้โดยเร็ว  พร้อมทั้งพยายามลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้เพื่อคนที่ยังมีชีวิตในครอบครัวที่เราต้องหาเลี้ยงต่อไป

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  แทงบอลออนไลน์

สาวชาวจีนคลั่งมีดแทงเด็กกับคนแก่บาดเจ็บเหตุเพราะแย่งซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อ

สาวชาวจีนคลั่งมีดแทงเด็กกับคนแก่บาดเจ็บเหตุเพราะแย่งซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อ

ในช่วงนี้ที่เรายังต้องมีการเฝ้าระวังเรื่องของโรคระบาด โรคไวรัส อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันโรคเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัยหรือแม้แต่น้ำยาฆ่าเชื้อโรคคือส่งที่จำเป็นสำหรับทุกคนเป็นอย่างยิ่งและเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการในขนาดนี้มาก

และที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดทั้งสองสิ่งนี้ในบางประเทศกำลังขาดแขลนเป็นอย่างมากบริษัทที่ผลิตขาย ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทันกับความต้องการของลูกค้าจึงทำให้มีเหตุการณ์ที่น่าสลดขึ้น โดยเหตุการณ์ที่น่าเศร้าใจนี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีน เมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งอายุน่าจะประมาณ 17 ปีได้มาซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ร้านสะดวกซื้อและในขณะเดียวกันก็มีหญิงชรากับเด็กอายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น

ก็มีความต้องการที่จะซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อเช่นเดียวกัน แต่โชคไม่ดีที่น้ำยาฆ่าเชื้อของที่ร้านแห่งนี้เหลือเพียงขวดเดียวเท่านั้นจึงทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องการที่จะซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อขวดนี้ จนเป็นที่มาของเรื่องราวที่น่าเศร้าขึ้น เพราะความต้องการของประชาชนชาวจีนในเรื่องอุปกรณ์ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนามีมาก

ทุกคนต่างก็กลัวว่าจะติดเชื้อโรคนี้กันมากดังนั้นต่างจึงพากันแก่งแย่งที่จะซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อและหน้ากากอนามัย ซึ่งเด็กสาวคนดังกล่าวเกรงว่าจะซื้อไม่ได้ จึงเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วนำมีดมาแทงหญิงชราคนหนึ่งและเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะมาแย่งซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อเหมือนกับเธอ

จนทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่มีคนเข้ามาช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลทัน จึงทำให้หญิงชราและเด็กอายุ 9 ขวบรอดชีวิตซึ่งตอนนี้ทั้งสองอยู่คงต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปเด็กสาวอายุ 17 ปีก็ถูกจับกุมตัวได้ในทีสุด

   จากเหตุการณ์ในครั้งนี้เราจะเห็นได้ว่า ประชาชนเริ่มจะมีการหวาดกลัวต่อเชื้อไวรัสโคโรน่ากันมายิ่งขึ้น เพราะยังมีข่าวออกมาเรื่อยเรื่อยว่าเชื้อไวรัสนี้ยังคงมีการแพร่ระบาดอยู่อย่างต่อเนื่อง และนับวันเชื้อไวรัสก็ยิ่งมีการพัฒนาจนน่ากลัวและที่สำคัญยังไม่มีตัวยาต้านไวรัสชนิดนี้ออกมาทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความกลัวที่จะติดเชื้อไวรัสชนิดนี้

และความเห็นแก่ตตัวจึงได้เริ่มแสดงออกมา สำหรับในประเทศไทยเองก็มีปัญหาเรื่องหน้ากากอนามัยขาดตลาดลและน้ำยาฆ่าเชื้อขาดตลาดและถึงแม้จะมีสินค้ามาขายก็มีการขายที่แพงมาก จนตอนนี้หน้ากากอนามัยกลายเป็นสินค้าที่ต้องควบคุมราคากันแล้ว

 

สนับสนุนโดย  ดูบอล

โจรปล้นร้านทองที่ลพบุรี

โจรปล้นร้านทองที่ลพบุรี

เมื่อนักข่าวไทยรัฐถูกกล่าวหาว่าเป็นโจรปล้นร้านทองที่ลพบุรี ชาวโซเชียวจึงช่วยแก้ความเข้าใจผิดให้ 

                จากที่ได้เกิดเหตุการณ์ปล้นร้านทองออโรร่าที่ ห้างโรบินสันในจังหวัดลพบุรี ซึ่งมีการเผยแพร่ข่าวนี้ตลอดทั้งวันและมีรายงานข่าวจากรายการทีวีของทางช่องไทยรัฐนิวส์ที่ขึ้นภาพคนที่ปล้นร้านทอง และยังขึ้นภาพนักข่าวที่รายงานข่าวในพื้นที่ขึ้นพร้อมกันที่หน้าจอทีวี

ทำให้มีบางคนที่เห็นภาพเกิดความเข้าใจผิดคิดว่า ทางรายการทีวีกำลังรายหน้าตาของคนร้านที่ปล้นร้านทองออโรร่า จึงได้มีการ copy หน้าจอทีวีซึ่งมีภาพของนักข่าวแล้วนำไปโพสต์ที่เฟสบุ๊กของตัวเอง พร้อมกันเขียนข้อความประมาณว่ารู้หน้าตาของคนร้ายแล้ว

หากใครรู้จักให้แจ้งเบาะแส และขอให้แชร์ภาพนี้ต่อๆกันไป ซึ่งบางคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวต่างก็พากันแชร์ภาพนักข่าวคนนี้กันเป็นวงกว้าง จนมีคนที่ได้ฟังข่าวทางทีวีออกมาแก้ความเข้าใจผิดให้กับนักข่าวว่าแท้ที่จริงแล้วชายคนที่ถูกแชร์หน้าตาว่าเป็นใบหน้าที่แท้จริงของโจรปล้นร้านทองออโรร่าที่ห้างโรบินสันในสระบุรีนั้นไม่ใช่คนนี้ สำหรับหน้าตาของโจรที่แท้จริงยังไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร

แต่ที่กำลังแชร์กันอยู่ตอนนี้นั้นเป็นนักข่าวของสำนักพิมพ์ไทยรัฐที่ทำงานอยู่ที่จังหวัดลพบุรี เพราะหลังจากที่มีการแชร์รูปนักข่าวคนนั้นว่าเป็นโจรที่ปล้นร้านทอง ทางนักข่าวก็ค่อนข้างเดือนร้อนมากเพราะคนที่ไม่รู้ความจริงต่างก็เข้ามาโจมตีต่อว่ารวมถึงสาปแช่ง

เดือดร้อนไปถึงคนในครอบครัวที่ถูกต่อว่าด้วย ไปทำงานก็ไม่ได้สร้างความอับอายให้กับทั้งนักข่าวและคนในครอบ ซึ่งพอมีกระแสออกมาว่าเขาคือนักข่าวไม่ใช่โจรปล้นร้านทองอย่างที่เข้าใจผิดกัน คนในโลกออนไลน์ต่างก็พากันเข้ามาช่วยกันแชร์เพื่อแก้ข่าวให้นักข่าวกันเป็นจำนวนมาก      

          ซึ่งหลังจากเรื่องเข้าใจผิดได้รับการแก้ไขแล้ว ทั้งตัวนักข่าวเองและคนในครอบครัวก็รู้สึกดีขึ้น สามารถเดินทางไปไหนต่อไหนได้สำหรับเรื่องนี้สามารถเป็นบทเรียนให้ใครหลายๆคนที่มักจะฟังเรื่องราวอะไรไม่จบแล้วนำมาเล่าต่อซึ่งสิ่งที่นำมาเล่าต่อนั้นก็จะเป็นเรื่องที่ได้รับสารมาไม่หมดเมื่อมาเล่าต่อให้คนอื่นฟังข่าวสารนั้นก็จะผิดเพี้ยนไปเรื่อยๆ

จนทำให้คนที่อยู่ในข่าวสารนั้นได้รับความเดือดร้อนจากคำพูดของเราได้     ยิ่งในสังคมปัจจุบันการพิมพ์ข้อความแล้วมีการเผยแพร่ลงไปในเฟสบุ๊กส่วนตัวจะมีการกระจายข่าวได้รวดเร็วมากดังนั้นการที่เรารับข่าวสารอะไรมาก็แล้วแต่ควรมีการตรวจสอบข้อมูลก่อนทุกครั้งว่าเป็นข่าวสารที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะหากไม่ถูกต้อง เราไม่ควรที่จะกระจายข่าวสารนั้นออกไปจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้     

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  Holiday Palace

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa