หมวดหมู่: ข่าวทั่วไป

หมอเปิดประสบการณ์ 37 ปี เจอเคสตายแล้วฟื้นเกือบ 5,000 ครั้ง 

หมอเปิดประสบการณ์ 37 ปี เจอเคสตายแล้วฟื้นเกือบ 5,000 ครั้ง 

คำถามที่หลายคนคงเกิดความสงสัยว่าเมื่อคนเราตายไปแล้วเราจะไปที่ไหนกัน  จะมีนรกให้คนที่ทำความผิดและจะมีสวรรค์ให้กับคนที่ทำความดีได้ไปอยู่หรือไม่

 เราไม่สามารถที่จะหาคำตอบเหล่านี้ได้เลยเพราะเมื่อตายไปแล้วก็ไม่มีใครที่จะสามารถกลับมาบอกเราได้ว่าเรื่องราวดังกล่าวมันเป็นยังไงกันแน่ดังนั้นชีวิตหลังความตายจึงไม่สามารถมีใครที่จะพิสูจน์ได้  

มีหลายคนที่เชื่อว่าชีวิตหลังความตายนั้นมีจริงผู้คนจะยังคงไปในภพภูมิที่ดีถ้าหากว่าเลือกทำความดีและถ้าหากใครที่ทำความชั่วก็จะต้องไปเจอกับสถานที่ที่จะรอรับคนทำความชั่วนั้นคือนรกภูมินั่นเอง  แน่นอนว่าบางคนก็ไม่ได้เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายและไม่ได้มีความเชื่อเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด  

อย่างไรก็ตามมีนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งและเนื้องอก  ซึ่งนายแพทย์ท่านนี้เป็นชาวสหรัฐอเมริกาอาศัยอยู่ในรัฐแคนทัคกี้ชื่อว่า เจฟฟรีย์ ลอง  

โดยนายแพทย์รายนี้ได้ออกมาประกาศว่าเขาเชื่อในเรื่องโลกหลังความตายว่ามีอยู่จริงอย่างแน่นอนเนื่องจากว่าเขามีประสบการณ์ทางการแพทย์มาเป็นระยะเวลานานกว่า 37 ปี  ในการรักษาผู้คนเฉียดตายมาแล้วมากกว่า 5,000 เคส 

เว็บไซต์ อ็อดดิตี้เซนทรัล  ได้มีการเปิดเผยแนวความคิดของดร. เจฟฟี่เมื่อวันที่ 7 เดือนกันยายน ปี พ.ศ 2566  ซึ่งดร. เจฟฟรีย์  ลอง นั้นได้มีการศึกษาค้นคว้าวิธีการรักษาเกี่ยวกับโรคมะเร็งโดยใช้รังสี  ซึ่งด็อกเตอร์เจฟฟรีย์ ลอง นั้นได้รักษาคนไข้มาเป็นระยะเวลานานแล้วและจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้กับด็อกเตอร์เจฟฟรีย์ ลอง มีความเชื่อมั่นว่าชีวิตหลังความตายนั้นมีจริง

เมื่อดอกเตอร์เจฟฟรีย์ ลอง ได้เจอกับเคสของคนไข้รายหนึ่ง  เพราะคนไข้รายนี้ได้ตายไปแล้วแต่กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เรียกว่ามันคือประสบการณ์เฉียดตาย  นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดร. เจฟฟรีย์ ลองก็หมกมุ่นศึกษาเกี่ยวกับเรื่องคนตายแล้วฟื้นขึ้นมาได้   ดร. เจฟฟรีย์ ลอง ใช้ระยะเวลาหลายปีในการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวของคนตายแล้วฟื้นโดยเขาได้เก็บรวบรวมข้อมูลและประสบการณ์มากมายซึ่งการศึกษานั้นได้มีการศึกษา Case มากกว่า 5,000 เคสเลยทีเดียว 

ดร. เจฟฟรีย์ ได้ยกตัวอย่างกรณีศึกษาเคสนึงมาถึงเหตุผลที่ทำให้เขาเชื่อว่าชีวิตหลังความตายนั้นมีอยู่จริงนั่นก็เพราะว่ามีหญิงสาวรายหนึ่งได้หมดสติตอนที่กำลังขี่ม้าอยู่  และเธอก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแต่หลังจากที่หญิงสาวรายนี้ฟื้นขึ้นมาเธอสามารถเล่าถึงเหตุการณ์ที่อยู่ในฟาร์มม้าที่เธอหมดสติได้อย่างชัดเจนซึ่งเหตุการณ์ที่หญิงสาวรายนี้เล่านั้นเป็นเหตุการณ์ในช่วงที่เธอหมดสติ

ดังนั้น ดร. เจฟฟรีย์ จึงมีความเชื่อมั่นว่าถึงแม้คนเราจะเสียชีวิตไปแล้วแต่จิตวิญญาณจะออกจากร่างกายหยาบและยังสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ และใช้ชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นชีวิตในรูปแบบหลังความตายนั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    huaydee

เจ้าแม่เงินกู้ปล่อยดอกเบี้ยโหดยืม 6,000 บาท ดอกเบี้ย 200,000 บาท 

เจ้าแม่เงินกู้ปล่อยดอกเบี้ยโหดยืม 6,000 บาท ดอกเบี้ย 200,000 บาท 

ในโลกออนไลน์ได้มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งได้มีการโพสต์ขอความช่วยเหลือไปอย่างรายการโหนกระแส

ด้วยระบุว่าต้องการให้ทางรายการโหนกระแสประสานงานขอความช่วยเหลือจากตำรวจไซเบอร์เนื่องจากว่าเป็นผู้เสียหายที่ไปกู้เงินนอกระบบแล้วถูกเจ้าหนี้ทวงเงินโหดมีการคิดดอกเบี้ยแพงซึ่งปัจจุบันไม่สามารถที่จะหาเงินไปจ่ายหนี้ได้ดังนั้นจึงต้องการความช่วยเหลือให้ตำรวจไฟเบอร์เข้ามาจับกุมเจ้าหนี้นอกระบบในครั้งนี้

สำหรับเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อผู้เสียหายรายหนึ่งระบุว่าตัวเขาเองนั้นมีปัญหาด้านการเงินและได้มีการค้นหาข้อมูลการปล่อยเงินกู้นอกระบบผ่านทาง facebook หลังจากนั้นก็ได้มีการติดต่อไปยังคนปล่อยกู้โดยมีการยืมเงินอยู่ที่ 6,000 บาทและมีการตกลงเกี่ยวกับค่าดอกเบี้ยว่าจะมีการจ่ายดอกเบี้ยรายวัน

โดยจ่ายดอกเบี้ยวันละ 600 บาทซึ่งเงื่อนไขจะต้องจ่ายให้ครบภายใน 10 วันและในทุกๆวันนั้นจะต้องมีการจ่ายก่อน 4 โมงเย็นโดยเริ่มมีการทำสัญญาการกู้ยืมเงินกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2565 

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการที่ผู้เสียหายเมื่อกู้เงินมาแล้วไม่สามารถที่จะหาเงินไปคืนเจ้าหนี้ได้ทำให้ถูกคิดดอกเบี้ยเป็นจำนวนรวมแล้วถึง 226,920 บาท

ซึ่งประกอบไปด้วยค่าปรับที่มีการจ่ายเงินล่าช้าโดยถ้าหากวันไหนจ่ายช้าหลัง 4 โมงเย็นไปแล้วจะคิดค่าปรับเพิ่มชั่วโมงละ 50 บาทแต่ถ้าในวันไหนที่ไม่จ่ายเงินเลยและไปจ่ายในวันรุ่งขึ้นก็จะถูกคิดค่าปรับวันละ 500 บาท

อย่างไรก็ตามผู้เสียหายมองว่านับตั้งแต่มีการทำสัญญากู้มามีการส่งเงินมาโดยตลอดซึ่งตั้งแต่วันที่กู้จนถึงวันที่ 31 เดือนธันวาคมปีพ.ศ 2566 นั้นมีการจ่ายเงินรวมไปทั้งสิ้น 200,000 กว่าบาทแล้วซึ่งเกินกว่าเงินต้นที่ยืมไปหลาย 10 เท่าแล้วจึงไม่อยากที่จะต้องจ่ายเงินมากไปกว่านี้เพราะมองว่าดอกเบี้ยที่มีการปล่อยกู้นั้นแพงมากจนเกินไป

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้รับการประสานงานก็ได้มีการลงพื้นที่เพื่อทำการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวทันทีซึ่งมีการตรวจสอบพบว่าเจ้าหนี้เงินกู้โหดที่ได้รับการร้องเรียนมานั้นอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดชุมพรเป็นแก๊งปล่อยเงินกู้อันดับ 1 ของจังหวัดและมักจะชักชวนผู้คนให้มากู้ยืมเงิน

โดยจะปล่อยกู้ให้กับบรรดาสาวๆที่หน้าตาดีเพราะเวลาที่ทวงเงินมักจะมีการทวงถามได้ง่ายเหตุเพราะลูกค้าที่เป็นสาวๆมักจะกลัวถูกคุกคามและหากถูกโพสต์ประจำเกรงว่าตนเองจะต้องอับอายดังนั้นจึงมักจะมีการชำระเงินตรงเวลาไม่ต้องเสียเวลาทวงถามมาก 

สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้มีการเข้าครอบคลุมตัวแก๊งปล่อยเงินกู้เพื่อมาดำเนินคดีเนื่องจากทำผิดตามกฎหมายเพราะปล่อยเงินกู้แล้วคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินไป  

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    หวยดี

เจ้าของร้านชาบูกุ้มใจหลังเปิดร้านกินแบบไม่จำกัดเวลา 

เจ้าของร้านชาบูกุ้มใจหลังเปิดร้านกินแบบไม่จำกัดเวลา 

    ธุรกิจ ที่กำลังมาแรงมากที่สุดในขณะนี้คงหนีไม่พ้นธุรกิจการทำชาบูหรือธุรกิจการทำหมูกระทะเพราะปัจจุบันนี้ไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหนตามตรอกซอกซอยต่างๆ

เราก็มักจะเห็นร้านเปิดขายหมูกระทะและขายชาบูกันซึ่งมีทั้งเจ้าเล็กและเจ้าใหญ่มากมายเต็มไปหมดโดยเราสามารถกินชาบูหมูกระทะในห้างสรรพสินค้าก็ได้หรือแม้แต่ตามริมถนนก็ได้เช่นเดียวกัน   

     ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของร้านชาบูหมูกระทะนั้นจะต้องมีโปรโมชั่นพิเศษมีสินค้าหลากหลายประเภทเพื่อเตรียมดึงดูดลูกค้านอกจากนี้ต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือลูกค้าที่มาใช้บริการซึ่งจะมีมากมายหลายประเภทเลยทีเดียว 

     ตลอดระยะเวลาที่เริ่มมีธุรกิจชาบูหมูกระทะมานั้นจะเห็นได้ว่ามีลูกค้าเป็นจำนวนมากที่ถูกนำมาแชร์กันในโลกออนไลน์ว่ามีพฤติกรรมที่ทำให้เจ้าของร้านหมูกระทะหรือเจ้าของร้านชาบูนั้นค่อนข้างกลุ้มใจไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่กินไม่หมดแล้วกลัวที่จะโดนปรับนำของกินไปซุกซ่อนเอาไว้หรือบางคนก็เลือกที่จะแอบห่อกลับบ้าน 

   ล่าสุดได้มีเจ้าของร้านชาบูร้านหนึ่งเธอได้มาพบปัญหากลุ้มใจของเธอโดยเธอระบุว่าตัวเธอนั้นเปิดกิจการบุฟเฟ่ต์ชาบู

โดยที่ไม่จำกัดเวลาการกินของลูกค้าซึ่งร้านของเธอนั้นเป็นร้านขนาดไม่ใหญ่มากนักมีลูกค้าประจำที่มากินที่ร้านของเธออยู่กลุ่มหนึ่ง  ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มากินอาหารที่ร้านของเธอติดต่อกันมา 3 วันติดแล้วซึ่งในการมากินแต่ละครั้งนั้นก็มีการสั่งเนื้อเป็นจำนวนมากนอกจากนี้ยังใช้ระยะเวลาในการกินนานไม่ต่ำกว่าครั้งละ 5 ชั่วโมงอีกด้วย

       อย่างไรก็ตามเจ้าของร้านได้มีการระบุเพิ่มเติมได้ว่า เธอได้ตรวจสอบแล้วพบว่าลูกค้ากลุ่มดังกล่าวนั้นมีพฤติกรรมที่นั่งกินนานสั่งมาเยอะแล้วสักพักก็จะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้วงคออ้วกและเมื่ออ้วกเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะกลับมานั่งกินคอซึ่งตัวเธอและพนักงานของร้านต่างก็พากันกลุ้มใจไม่รู้จะแก้ปัญหากับลูกค้ากลุ่มนี้อย่างไรดี 

    อย่างไรก็ตามหลังจากที่เรื่องราวของ  เว็บหวยดี    เจ้าของร้านรายนี้ถูกเปิดเผยลงในโลกออนไลน์ก็มีผู้คนให้คำแนะนำกับเจ้าของร้านเป็นจำนวนมาก

ซึ่งหลายคนแนะนำว่าเจ้าของร้านมีควรมีการออกกฎเกี่ยวกับเรื่องของการกินและแนะนำว่าควรจะต้องมีการ Blacklist ลูกค้ารายนี้ไม่ให้เข้าร้านหรืออาจจะมีการคิดเงินเพิ่มถ้าหากตรวจสอบแล้วพบว่าลูกค้ามารับประทานชาบูที่ร้านแล้วมีการล้วงคออ้วกก็จะคิดเงินค่าปรับประมาณ 100-200 บาทก็ได้เพราะหากที่ไม่ทำอะไรเลยเจ้าของร้านชาบูเองจะเป็นคนที่ขาดทุน อย่างแน่นอน 

เจ้าของร้านขายส้มตำฆ่าตัวตายยกครัว

เจ้าของร้านขายส้มตำฆ่าตัวตายยกครัว

       เมื่อวันที่ 13 เดือนธันวาคมปีพ.ศ 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจสภ. นิคมอุตสาหกรรมได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าให้มาดูห้องพักห้อง 1 เนื่องจากว่ามีกลิ่นเน่าเหม็นออกมาจากภายในห้องดังกล่าวซึ่งห้องพักที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบนั้นเป็นห้องพักที่เปิดเป็นร้านขายส้มตำ

   ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุก็รีบเดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุทันทีซึ่งไปถึงก็พบว่าล่ะห้องพักดังกล่าวที่เปิดเป็นร้านขายส้มตำนั้นได้มีการปิดล็อคเอาไว้

แต่เนื่องจากว่ามีกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการงัดประตูเข้าไปด้านในเมื่อเข้าไปถึงด้านในก็พบว่าภายในห้องพักดังกล่าวนั้นมีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 คนด้วยกันซึ่งเป็นเพศชาย 2 คนโดยแบ่งเป็นผู้ใหญ่ 1 คนและเด็ก 1 คนและเพศหญิงอีก 1 คนซึ่งคาดว่าทั้ง 3 คนนั้นจะเป็นพ่อแม่ลูกกัน

  ภายในบริเวณห้องพักที่พบศพนั้นพบว่ามีถังแก๊สอยู่ 1 ใบและยังมีเตาถ่านซึ่งมีการมอดแล้วอีก 1 เตาวางอยู่และห้องพักมีการปิดไว้อย่างมิดชิดไม่มีร่องรอยการต่อสู้แรมยังพบจดหมาย 1 ฉบับซึ่งเชื่อว่าเป็นจดหมายลาตาย  ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการสันนิษฐานว่าทั้งหมดน่าจะตัดสินใจฆ่าตัวตายเนื่องจากว่าปัญหาพิเศษ

    อย่างไรก็ตามในจดหมายลาตายเบื้องต้นนั้นได้มีการเขียนขอโทษกับเหตุการณ์ในครั้งนี้นอกจากนี้ยังมีการระบุไม่ให้ใครไปตามหาญาติพี่น้อง

เพราะไม่อยากเป็นภาระของใคร  โดยในจุดหมายยังระบุว่าที่ตัดสินใจจบชีวิตทั้ง 3 คนในครั้งนี้เนื่องจากว่าไม่สามารถหาทางออกในชีวิตเจอได้เพราะมีปัญหาเศรษฐกิจจากการทำธุรกิจมาตั้งแต่ช่วงโควิดระบาดใหม่ๆแล้วเมื่อหาทางออกไม่ได้จึงได้ตัดสินใจจบชีวิตร่วมกันทั้ง 3 คน 

    สำหรับทางด้านเจ้าของห้องเช่าเองก็ได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่สามารถติดต่อกับทางผู้เช่าได้มาเป็นเวลาหลายวันแล้วโดยล่าสุดทางผู้เช่าได้มีการโทรศัพท์เข้ามาหาและร้องไห้โดยเล่าถึงปัญหาชีวิตที่เกี่ยวกับการขายของไม่ค่อยดีซึ่งทางผู้เช่าเองยืนยันว่าไม่ได้เคยมีการทวงค่าเช่าห้องแต่อย่างใดและยังเคยบอกว่าให้ผ่อนชำระค่าเช่าห้องได้

     นอกจากนี้ทางด้านเจ้าของห้องเช่ายังระบุด้วยว่า พบเห็นแก๊งทวงเงินนอกระบบเคยมาตามหาผู้เสียชีวิต ดังนั้นทางด้านเจ้าของห้องเช่าจึงสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตอาจจะตัดสินใจจบชีวิตของตนเองเพราะต้องการหนีแก๊งทวงเงินนอกระบบก็เป็นไปได้ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการตรวจสอบสาเหตุของการฆ่าตัวตายอีกครั้งหนึ่ง 

  ส่วนทางด้านศพนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีการประสานงานติดตามหาญาติของผู้เสียชีวิตเพื่อมารับศพเพื่อไปประกอบทำพิธีทางศาสนาต่อไป

 

สนับสนุนโดย    หวยดี

ลูกสาวออกมาแฉ แม่ตนเอง รับเลี้ยงคนพิการแต่สุดท้ายนำทรมาน 

ลูกสาวออกมาแฉ แม่ตนเอง รับเลี้ยงคนพิการแต่สุดท้ายนำทรมาน 

 

มีสาวคนนึ่ง ได้ออกมาแฉแม่ตนเอง ที่เห็นแก่ได้ เงินค่ารับจ้างดูแลคนพิการ รายได้ 8,000 บาทต่อเดือน

แต่ กลับไม่ดูแลใยดีคนป่วยเลย มีการแชร์เรื่องราวนี้ลงวันที่ 29 มีนาคม 256ได้โพสต์เรื่องราว Video ลงทางโซเชียล tik tok สุดจะทนกับการกระทำของแม่ รับเลี้ยงดูคนพิการอัมพาตครึ่งซีก แต่กลับไม่ใยดี คนป่วยเลย ให้ข้าว บูดกิน หรือข้าวที่มีมด ขึ้นมาก่อ ก็ยังให้คนป่วยกิน พอคนป่วย ผู้พิการกินลงไปแล้วนั้น ก็ท้องเสียก็ถูก แม่ของผู้โพสต์ ตี ทำร้ายร่างกายจนร่างกายบอบช้ำ

เพราะว่าอุจจาระ บ่อยและ ท้องเสียก็โดนตีโดนว่าโดนด่า ตนเองเห็นการกระทำของแม่รู้สึกรับไม่ไหวจึงได้มาแชร์เรื่องนี้ ให้กับทุกคนได้รู้เผื่อมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

มารับตัวคนพิการไปดูแลแบบถูกสุขลักษณะอนามัย ซึ่งคนที่ พิการนั้น เป็นญาติพี่น้องกัน โดยซึ่งเธอนั้นเรียกคนพิการว่าน้าเห็น การกระทำแบบนี้ มาบ่อยครั้งแต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เพราะผู้เป็นแม่จะไม่ให้ยุ่ง ชาวบ้านก็เห็นกันจนเอือมระอา ไม่รู้จะพูดบอกเตือนยังไง ผู้เป็นแม่ก็ด่าไปหมดเลย ซึ่งผู้ป่วยพิการครึ่งซีก เครียด ถึงขั้น ยอมปิดชีพตัวเองมาแล้ว 2 ครั้ง

เพราะไม่อยาก อยู่บนโลกใบนี้ด้วยความทรมานแบบนี้ ซึ่งบางที น้าผู้พิการครึ่งซีก ยังต้องเดินไปเข้าห้องน้ำเอง ด้วยความลำบาก เพราะพิการครึ่งซีก ทำให้อุจจาระและปัสสาวะเรี่ยราดเต็มภายในบ้าน ก็ถูก แม่ที่ดูแล ทุกปีด่าเหมือนเดิมทุกครั้ง

จนครั้งนี้เธอเห็นว่าเป็นอันไม่สมควร จึงทน ไม่ไหวกับการกระทำจึงต้องการ ลงโซเชียล ให้หน่วยงาน ที่รับผิดชอบหรือดูแลช่วยเหลือ เข้ามาช่วยเหลือน้าผู้พิการไปรักษาดูแลอย่างถูกต้อง หลังจากที่เธอได้โพสต์เรื่องราวลงโซเชียลแล้วนั้น ก็มีหน่วยงาน พม. เข้ามารับน้าคนพิการครึ่งซีกไปรักษาดูแลเรียบร้อย

แต่เธอ กลับถูกไล่ออกจากบ้าน เพราะทำให้แม่ถูกด่า แม่รับไม่ได้ จึงด่าว่าเธอเสียๆหายๆสุดท้าย ก็ต้องไล่ให้เธอออกจากบ้าน เธอก็ยินดีที่จะไปหาบ้านอยู่ใหม่ แลกกับความยุติธรรมของน้าที่จะได้รักษาอย่างถูกต้องโดยที่ไม่ต้องทน กับความเจ็บปวดถูกด่าถูกว่าถูกตีและกินข้าวแบบอาหารครบ 5 หมู่

ไม่ต้องกินอาหารบูดแบบนี้เธอก็ยอมยินดีที่จะออกจากบ้านหลังนี้ เพราะถูกขับไล่เหมือนหมูเหมือนหมา สร้างความเดือดร้อนให้กับที่บ้าน เพียงเพราะเธอพูดความจริงกับสิ่งที่เห็นมาตลอด หญิงสาวคนนี้

ดูแล้วเธอก็เป็นพลเมืองดีคนหนึ่ง ที่คอยช่วยเหลือน้าคนพิการให้ได้อยู่แบบผู้ป่วยแบบถูกต้องสุขลักษณะของผู้ป่วยและมีผู้ที่ดูแลความสะอาดอย่างใกล้ชิดถึงเธอจะลำบากโดยที่ต้องออกมาหาบ้านอยู่นั้นเธอก็ยินดีและเธอก็แฮปปี้กับสิ่งที่เธอทำ

ส่วนเรื่องแม่เธอนั้น ในเมื่อไล่เธอออกจากบ้าน เธอก็ยินดี ที่ผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ก็คงต่างคนต่างอยู่กันตามที่ผู้เป็นแม่ต้องการ เพราะผู้เป็นแม่นั้น พูด ใส่เธอว่าตัวปัญหา เธอจึง จึงออกมาอยู่คนเดียวเพื่อความสบายใจดีกว่า

 

สนับสนุนโดย    huaydee

จับได้แล้วไอกิ๊ก  ชายหนุ่มผู้ต้องสงสัยฆ่าหญิงสาว หมกห้องพักที่พัทยา 

จับได้แล้วไอกิ๊ก  ชายหนุ่มผู้ต้องสงสัยฆ่าหญิงสาว หมกห้องพักที่พัทยา 

 

จับได้แล้วไอกิ๊ก  ชายหนุ่มผู้ต้องสงสัยฆ่าหญิงสาว หมกห้องพักที่พัทยา

      จากเหตุการณ์ที่จังหวัดชลบุรีค่ายหญิงสาว PR หมดค่าห้องพัก หนีลอยนวล ที่เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 จนล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบเบาะแส และหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ที่ผู้ก่อเหตุนั้น ได้เข้าพบ เจอผู้เสียชีวิตเป็นคนสุดท้าย เป็นคนเข้าออก หอ พักเป็นคนล่าสุด โดยในภาพวีดีโอนั้น นายกิ๊ก ได้เข้าไป หา ผู้เสียชีวิต

ในตอนกลางคืน และได้ออกมาจากหอพัก ตามที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้ อีกวันของวันรุ่งขึ้นช่วงเวลาสายๆ และหลังจากนั้นก็จะไม่พบเห็นชายคนนี้อีกเลย จึงทำให้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ คิดว่าชายคนนี้เป็นผู้ต้องสงสัยและลงมือฆ่าหญิงสาวแน่นอน

จึงได้รีบตรวจสอบว่าเป็นบุคคลใดได้ทราบชื่อคือนายกิ๊กกิโล 10 น่าจะเป็นฉายาของชายคนนี้ หลังจากที่ พอมีหลักฐานในการมัดตัวของนายคนนี้จึงได้รีบให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำ กำลังเข้า บุกจับนายกิ๊กกิโล 10 ทันที หลังจากที่จับได้แล้วนั้น ก็มีการสอบถาม ว่า ล่าสุดที่ไปพบผู้ตาย ได้มีการทะเลาะหรือไม่เข้า ใจ กัน

หรือไม่จึงได้ลงมือทำร้ายร่างกายจนถึง การเสียชีวิตนายกิ๊กกิโล 10 ให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้มาทวงเงินกับผู้ตายแต่ทางผู้ตายนั้น ไม่มีเงินจ่ายให้ และมีการทะเลาะกันก่อนที่จะลงมือฆ่า เพราะบันดาลโทสะ ที่ผู้เสียชีวิตนั้นไม่ยอมพูดจาเจรจาคืนเงินด้วยดีจึงได้ลงมือทำ ใช้มีดแทงเข้าที่ร่างกายของผู้เสียชีวิต

หวยดี   ตามที่พบเจอในห้องพัก ด้วยอารมณ์โมโหและโกรธไม่ได้เงินคืน หลังจากที่ได้ทำร้ายผู้เสียชีวิต ก็รีบกลับบ้าน ทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้สอบสวนเพิ่มเติมว่าทำไมถึงเข้าออกอพาร์ทเม้นท์ของผู้ตายได้ทางผู้ก่อเหตุให้การว่าได้สนิทกับผู้ตายมาก่อนหน้านี้แล้ว

และมีการ ให้ยืมเงิน ตามคนรู้จักกันเป็นเรื่องปกติ จนล่าสุดเคลียร์กันไม่ลงตัว ทะเลาะและพลาดพลั้งมือฆ่าผู้ตาย และไม่รู้ว่าจะ ทำยังไงจึงรีบ หลบหนีไปก่อนเพื่อจะตั้งหลัก โดยการหลบหนีนั้น นายกิ๊กยังได้ใช้จักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตหลบหนีไปยังจังหวัดปราจีนบุรีซึ่งเป็นบ้านของภรรยาของนายกิ๊ก

หลังจากนั้นก็ได้หลบหนีไปอยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นบ้านพักต่างจังหวัดของนายกิ๊ก ซึ่งเจ้าตัว ของผู้ก่อเหตุ ก็พูดกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ารู้สึกผิดไปแล้ว

และอยากจะขอโทษผู้เสียชีวิตและครอบครัวของผู้เสียชีวิต ที่ได้พลาดพลั้งมือฆ่าผู้ตายไป เหตุหลักเลยก็คือ บันดาลโทสะ โมโห จึงได้ลงมือทำลงไป แต่ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะมาฆ่าตั้งแต่แรก ที่มันจบด้วยการ เสียชีวิตนั้น เพราะพูดเจรจากันไม่ลงตัว จึงเป็นเหตุในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ

จึงรีบ นำตัวฝากขังและ สภ.พัทยา เพื่อที่จะ เตรียมตัวนำไปประกอบแผน ในขั้นตอนของการเก็บหลักฐานเพื่อจะนำไป สู่ชั้นศาลในการฝากขังผู้ต้องหา เบื้องต้นน่าจะถูก กล่าวหา ในข้อฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และขโมยทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตหลบหนี

เลิกกันอีกคู่วงการบันเทิง แกรนด์ – เด่นคุณ  หลังจากคบหาดูใจกันมานาน 

เลิกกันอีกคู่วงการบันเทิง แกรนด์ – เด่นคุณ  หลังจากคบหาดูใจกันมานาน 

          หลังจากที่มีการใบ้จากวงใน ว่ามีคู่ดารา พระเอกดัง และนักร้องสาว เลิกกัน ชาวเน็ตก็ต่างพากันคาดเดาไปหลายๆคู่จนล่าสุด ทางคุณเด่นคุณ ได้ออกมา ให้นักข่าว ได้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าได้มีการ พูดคุยและตกลงเลิกกับทาง แกรนด์ เดอะสตาร์จริง เพราะความ คิด และ เข้ากันไม่ได้

ซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ ได้มีการปรับ ทุกอย่าง กันแล้ว ก็ยังไม่ลงตัว จึงได้ยุติความสัมพันธ์ในครั้งนี้ลง เนื่องจากว่า หากคบกันไปแล้วไม่มีอนาคตร่วมกันจึงคิดว่ามันเสียเวลาเปล่า

และครั้งนี้ก็เป็นคนยอมรับผิดเองที่เป็นคน ที่บอกเลิกกับฝ่ายหญิงก่อน ซึ่งทางด้านตนเองนั้นอยากจะมีครอบครัว และแต่งงานใช้ชีวิตตามปกติ ของคนทั่วไป และเรื่องนี้อาจจะทำให้เป็นการพูดคุยและปรับจูนไม่เข้ากัน จึงทำให้ การตกลงออกมาไม่เป็นผลทำให้เกิดการยุติในครั้งนี้

โดยทางด้านคุณเด่นคุณนั้น ก็ ยอมรับว่าเสียใจ กับการยุติความสัมพันธ์ในครั้งนี้ เพราะทั้งคู่ก็ได้คบหาดูใจกันมาเป็นระยะเวลา 7 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน คบหากันมาได้นานแล้ว ก็อยากจะใช้ชีวิตคู่ รู้สึกเสียดายกับ สิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังดีกว่า หากไปต่อแล้วสุดท้ายก็จบ ด้วยการยุติความสัมพันธ์ลงแบบนี้ ความคิดเห็นของทั้งสองไม่ตรงกัน

จึงต้องเลิกกันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตมนุษย์คนเราและก็ใช้ชีวิตตามปกติต่อไป ซึ่งการเลิกราในครั้งนี้ก็เป็นการตกลงยินยอมกันทั้งสองฝ่ายด้วยดีไม่มีมือที่สามแต่อย่างใด เป็นการตกลงพูดคุยกันเข้าใจแล้ว และต่อจากนี้ไป ทางด้านคุณเด่นคุณนั้นก็คงจะ หาเงิน ทำงาน ส่วนเรื่องของอนาคตนั้น

ยังไม่คาดคิดไว้ก่อน หากมีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็จะคอยอัพเดทให้ทราบ ส่วนทางด้านคุณแกรนด์นั้นหลังจากที่คุณเด่นคุณได้ออกมา ชี้แจงสัมภาษณ์ให้กับนักข่าวถึงเหตุผล ที่ทั้งคู่ได้ยุติความสัมพันธ์ลงแล้วนั้นก็ได้ออกมาพูดอีกเช่นกัน ว่าการเลิกราในครั้งนี้เป็นการเลิกราทั้งที่ยังรักและห่วงใยกัน

แต่ ความคิดของทั้งคู่ ไม่ตรงกัน ไม่สามารถที่จะปรับจูนให้เข้ากันได้ และการตกลง ในเรื่องบางอย่าง มันยังเป็นไปไม่ได้ ตรงตามความต้องการของแต่ละฝ่าย ก็ยอมรับว่า การคบหาดูใจกันมาเป็นระยะเวลา 7 ปี ก็มีทั้งความรักความผูกพันกันมากขึ้นแต่หากทั้งคู่ลองปรับจูนเข้าหากันแล้ว

แต่มัน ไม่ลงตัว ก็ต้องแยกย้ายไปใช้ชีวิต ส่วนตัว โดยเป็นการตกลงพูดคุย กันดีแล้ว และที่ผ่านมา ก็มีความสุขดีทั้งเรื่องของการใช้ชีวิต ของทั้งคู่ ทางด้านคุณแกรนด์นั้น ให้สัมภาษณ์พร้อมน้ำตาก็ยอมรับว่าเลิกลากันในครั้งนี้ก็ยังรัก และห่วงใยเหมือนเดิมอยู่เสมอ

แต่ในเมื่อ การใช้ชีวิตมันมีความคิดที่แตกต่างกันไปคนละมุมจึงไม่สามารถที่จะลงตัวกันได้ ก็ต้องแยกย้ายและยุติความสัมพันธ์ ระยะเวลา 7 ปีนี้ลง และก็ยังเป็นพี่น้องในวงการบันเทิง ที่จะแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน และให้กำลังใจกัน และต่อไปนี้ ก็จะใช้ชีวิต ต่อไปทำงานหาเงิน เพื่ออนาคตที่ดี

 

สนับสนุนโดย    เว็บหวยดี

ใบเตย และดีเจแมน ศาลค้านให้ประกันตัว ต้องเข้าเรือนจำ 

ใบเตย และดีเจแมน ศาลค้านให้ประกันตัว ต้องเข้าเรือนจำ 

ล่าสุดวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ได้มีการนัดเจอ ตามหมายศาลอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่ ดีเจแมนและใบเตยได้เลื่อนออกมาจากครั้งที่แล้ว และครั้งนี้ ก็ได้มาตาม

ตกลงที่นัดหมายไว้ ในกรณี เกี่ยวกับ คดีแชร์ลูกโซ่ Forex 3D และ ผิดในข้อหา ที่ชักชวนผู้อื่น ให้มาลงทุนและหลอกลวงประชาชน จนในที่สุด ทางศาลก็ได้มีการออกหมาย จับ ดีเจแมนและใบเตยอาร์สยาม ทั้งคู่จึงจะต้อง เข้าสู่เรือนจำ แยกกันอยู่ เนื่องจากว่า ผิดตามข้อกล่าวหาและจำนวนต่อหลักฐานทั้งหมดที่ทางศาลได้รับข้อมูล พร้อมกลุ่มพวกที่มีรายชื่อทั้งหมดอีก 6 คน ทาง 3 คัดค้านการประกันตัว

ไม่มีการให้ประกันตัวแต่อย่างใด และไม่มีข้อเสนอใดๆ ต้องเข้าสู่เรือนจำ ตามข้อกฎหมาย ได้ถูกเจ้าหน้าที่ ราชทัณฑ์ นำตัวไปยังเรือนจำ กรุงเทพฯ และ ทัณฑสถานหญิงกลาง โดยหลังจากที่ทั้งคู่นั้นได้ทราบว่า ถูกศาลคัดค้านการประกันตัว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการยื่นเสนอขอคัดค้านประกันตัวในจำนวนเงิน 5 ล้านบาท

แต่ทางศาลไม่อนุมัติให้ ประกันตัวแต่ยังได้จึงทำให้ คุณใบเตย และดีเจแมนสามีภรรยาคู่นี้ สีหน้า เคร่งเครียด อยู่ในสภาวะที่เครียด เป็นห่วงลูกสาวน้องเวทมนต์ ที่ขาดทั้งพ่อและแม่

ในการดูแล ทั้งคู่ไม่พร้อมที่จะให้ สัมภาษณ์แต่อย่างใดถูกนำตัว ไปยังทัณฑสถาน เรือนจำตาม หมายศาล เช้าของวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 นั้น ทางผู้คุม ทัณฑสถานของทั้งดีเจแมนและคุณใบเตย ได้มีการ ออกมาพูดชี้แจงข้อมูลว่าทั้งคู่นั้นไม่มี การได้รับสิทธิ์ ที่จะได้อยู่ พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่น

โดยอยู่รวมกับกรณีอื่นทุกอย่างปฏิบัติเหมือนทุกคนที่เข้าไปในเรือนจำคุณใบเตยนั้น เข้าไปวันแรกอยู่ในสภาวะเครียด นอนไม่หลับ ไม่รับประทานอาหาร ได้แต่นั่งซึมเศร้า ไม่พูดไม่จา ทางด้านดีเจแมน ปรับตัวได้ตามสถานการณ์ นอนได้กินข้าวได้ตามปกติไม่มีสภาวะเครียดแต่อย่างใด

โดยเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานที่ทั้งคู่ได้เข้าไปอยู่นั้น ก็ยืนยันว่า ทั้งคู่นั้นไม่ได้มีการ ดูแลเป็นพิเศษแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนปฏิบัติของทางเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานทุกหน่วยงาน ที่จะดูแล

ผู้ต้องขังในเรือนจำ เสมอภาคในสิทธิ์ของมนุษย์ที่อยู่ในเรือนจำทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งแยก ส่วนทางด้านคุณพ่อของคุณใบเตยนั้น หลังจากที่ได้มาส่งลูกสาว ขึ้นรถ ไปทัณฑสถานหญิงกลาง ก็ได้แต่ยืนเฝ้ามองลูกสาวบนรถ และน้ำตาคลอ สงสารลูกสาว

แต่ก็ต้องให้เป็นไปตามขั้นตอนของทางเจ้าหน้าที่ อยากจะฝากบอกลูกสาวว่า ไม่ต้องเป็นห่วงน้องเวทมนต์หลานสาว ทางคุณตาจะดูแลเป็นอย่างดี หาก เป็นไปได้ พอจะมีหลักฐาน

ทางด้านทนายก็จะไปยื่นต่อศาลเพื่อประกันตัวออกมาใช้ชีวิตตามปกติโดยอาจจะต้องมีการใส่กำไร EM ในการใช้ชีวิต ในโลกภายนอก และไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ทุกอย่างก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมายตามขั้นตอนของทาง เจ้าหน้าที่ ต้องยอมรับกับคนที่ออกมา

 

สนับสนุนโดย    Huaylike

ยิ่งกว่าบุญหล่นทับ  เมื่อเจอของที่ลืมไว้นานกว่า 7 ปี 

ยิ่งกว่าบุญหล่นทับ  เมื่อเจอของที่ลืมไว้นานกว่า 7 ปี 

เว็บไซต์ Sao  Star เปิดเผยเรื่องอะไรของชายชาวจีนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นการเปิดเผยเรื่องราวที่สามารถบอกได้เลยว่าชายชาวจีนรายนี้ช่างโชคดีมากๆ 

ซึ่งเรื่องราวที่นำมาเปิดเผยและระบุว่าชายคนดังกล่าวได้ทำความสะอาดเก็บกวาดบ้านตามปกติ แต่ที่พิเศษก็คือเขามีการจัดตู้เสื้อผ้าใหม่และ  ระหว่างที่มีการจัดตู้เสื้อผ้าอยู่นั้นปรากฏว่าเขาก็ได้เจอซองแดงซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าซึ่งมีมากถึง 100 ซองด้วยกัน

และเมื่อมีการแกะซองแดงดูก็พบว่าภายในซองนั้นมีธนบัตรอยู่ซองละ 100 หยวนและเมื่อแกะทุกซองมานับรวมกันก็พบว่าเงินมีรวมกันแล้วสูงถึง 10,000 หยวน ซึ่งถ้าหากคิดเป็นเงินไทยก็สามารถประมาณได้ราวๆ 50,000 บาทเลยทีเดียว 

สำหรับชายซึ่งเป็นผู้โชคดีชาวจีนรายนี้เขาอยู่อาศัยในเมืองถู่เถียน  โดยอยู่ในมณฑลเจียงซู  โดยเขาระบุว่าเขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาได้มีการแทรกซองแดงเอาไว้

ซึ่งเมื่อนึกย้อนดูไปแล้วซองแดงนี้น่าจะอยู่กับเขามานานกว่า 7 ปีแล้วและด้วยความบังเอิญในครั้งนี้ก็ทำให้เขาโชคดีได้มีเงินใช้อีก 10,000 หยวน  ซึ่งซองแดงดังกล่าวนั้นเป็นซองแดงตั้งแต่สมัยที่ตัวเขาและภรรยาแต่งงานกันและซองนี้ก็ได้มีการเตรียมเอาไว้เพื่อใช้ในงานแต่งงาน โดยมีการเตรียมเอาไว้มอบให้ครอบครัวของฝ่ายเจ้าสาวและเพื่อนๆของฝ่ายเจ้าสาวนั่นเอง  

อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ซองแดงนั้นยังอยู่นั่นก็เพราะว่าในงานแต่งงานเจ้าบ่าวยุ่งมากจนลืมไปว่าเขาได้มีการเตรียมซองเอาไว้แจกบรรดาเพื่อนๆและครอบครัวของเจ้าสาวจึงไม่ได้นำซองนั้นไปแจกจ่ายให้กับใครเลยและได้มีการเก็บซองไว้ในตู้เสื้อผ้าซึ่งอยู่ทางด้านล่างสุดของตู้ทำให้พวกเขาไม่เคยพบซองแดงเหล่านี้มาเป็นเวลานานกว่า 7 ปีเพราะเสื้อผ้าและสิ่งของอื่นๆวางทับถมกันอยู่

สำหรับใครก็ตามที่กำลังคิดจะเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่และอาจจะต้องมีการนำสิ่งของไปทิ้งแนะนำว่าก่อนจะทิ้งสิ่งของใดๆก็ตามควรจะต้องมีการเปิดดูให้ดีเสียก่อนว่าเราได้มีการเผลอซุกซ่อนเงินอยู่ข้างในหรือไม่ เนื่องจากเรามักจะได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่าผู้คนนั้นนำเงินไปซ่อนแอบไว้ตามซอกหรือต่างๆหรือแม้แต่ตามกล่องตามตู้ต่างๆแล้วลืมว่าตนเองและซ่อนเงินเอาไว้กว่าจะไม่รู้ตัวอีกที

 กว่าจะรู้ตัวอีกทีเงินก็ถูกพวกปลวกกัดกินจนย่อยไปหมดแล้วหรือบางคนก็นำเตียงนอนไปทิ้งและลืมไปว่าเคยวางทองและวางเงินไว้ในตู้หัวเตียงก็มี ซึ่งข่าวคราวเหล่านี้เรามักจะพบเห็นกันเป็นประจำ   

 

สนับสนุนโดย      หวยดี

ชายคบสาวใหญ่บอกเลิกทันทีหลังจูบแรก เพราะทนกลิ่นคนแก่ไม่ไหว 

ชายคบสาวใหญ่บอกเลิกทันทีหลังจูบแรก เพราะทนกลิ่นคนแก่ไม่ไหว 

สำหรับความรักนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และเรามักจะพบเห็นคู่รักต่างวัยอยู่เสมอโดยในยุคก่อนๆนั้นเรามักจะเห็นคู่รักต่างวัยที่ฝ่ายชายนั้นจะอายุมากกว่าฝ่ายหญิงแต่ในยุคสมัยปัจจุบันนั้นอายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้นเพราะเราจะเห็นได้ว่าบางคู่ฝ่ายหญิงอายุมากกว่าฝ่ายชาย 5 ปีหรือ 10 ปีหรือบางคน  15 ปีก็มี 

ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าในยุคสมัยสังคมปัจจุบันนั้นการที่จะมีคู่รักต่างวัยนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรและสังคมไทยหรือแม้แต่สังคมของชาติตะวันตกก็สามารถยอมรับเกี่ยวกับความรักต่างวัยกันได้

เพราะความรักต่างวัยนั้นถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลและเป็นความชื่นชอบส่วนตัวของแต่ละคน  ที่ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร 

อย่างไรก็ตามล่าสุดเว็บไซต์ชื่อดังของไชน่าทาวน์ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวของชายชาวไต้หวันรายหนึ่งซึ่งเขานำเรื่องราวของตนเองมาเปิดเผยลงในโลกออนไลน์

โดยเรื่องราวที่ถูกนำมาเปิดเผยนั้นกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก

สำหรับเรื่องราวที่ชาวชายไต้หวันรายนี้ได้มีการนำมาโพสต์นั้นระบุว่าตัวเขาเองนั้นมีความรักต่างวัยโดยตัวเขานั้นอายุน้อยกว่าฝ่ายหญิงถึง 10 ปีซึ่งตัวเขาเองนั้นอายุเพียงแค่ 30 ปีเท่านั้นขณะที่แฟนสาวของเขานั้นอายุ 40 ปี แต่ปัญหาเกิดขึ้นภายหลังจากที่ตัวเขาและแฟนสาวตัดสินใจที่จะมีจูบแรกด้วยกันซึ่งฝ่ายชายนั้นได้จูบฝ่ายหญิงแล้วรู้สึกไม่ประทับใจ

โดยเจ้าของโพสต์ระบุว่าเมื่อตัวเขานั้นเข้าใกล้ฝ่ายหญิงและได้ทำการจูบแฟนสาวปรากฏว่าเขารู้สึกถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ซึ่งกลิ่นที่เขาได้มานั้นเป็นกลิ่นเหมือนกับคนแก่ ทำให้เขารู้สึกอยากจะอ้วกจนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเลิกคบกับแฟนสาวเพราะเขาไม่สามารถทนกลิ่นคนแก่จากตัวแฟนสาวของเขาได้ 

อย่างไรก็ตามภายหลังจากเรื่องราวของชายชาวไต้หวันรายนี้ถูกโพสต์ไปในโลกออนไลน์ก็เกิดกระแสดุเดือดจากทางชาวโซเชียลโดยเฉพาะสาวๆโดยมองว่าคนอายุเพียงแค่ 40 ปีเท่านั้นจะมีกลิ่นคนแก่ได้อย่างไรและฝ่ายชายรู้ได้อย่างไรว่ากลิ่นที่ได้กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นของหญิงชราหรือกลิ่นคนแก่  ซึ่งถ้าหากฝ่ายชายรักฝ่ายหญิงจริงแต่ไม่ชื่นชอบกลิ่นตัวของฝ่ายหญิงฝ่ายชายก็ควรที่จะบอกฝ่ายหญิงตามตรงเพื่อที่ฝ่ายหญิงนั้นจะได้ไปปรับปรุงและแก้ไขกลิ่นตัวของตนเอง 

สำหรับปัญหากลิ่นตัวนั้นมีมากมายหลายสาเหตุโดยคนที่อายุ 40 ปีจะยังไม่มีกลิ่นตัวของคนชราแต่อาจจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับทางด้านสุขภาพเช่นอาจจะมีแบคทีเรียหรือมีเหงื่อออกมากจนเกินไปหรือต่อมไขมันและต่อมเหงื่อทำงานผิดปกติ  ซึ่งปัญหาดังกล่าวนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยการดูแลเรื่องของสุขภาพและอาหารที่กิน

 

สนับสนุนโดย   เว็บหวยดี

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa