หมวดหมู่: ข่าวที่เป็นกระแส

สำนักปฏิบัติธรรมเถื่อนสอนวิธีปฏิบัติธรรม

สำนักปฏิบัติธรรมเถื่อนสอนวิธีปฏิบัติธรรม

          สำนักปฏิบัติธรรมเถื่อนสอนวิธีปฏิบัติธรรมประหลาดจนชาวบ้านร้องเรียน

            สำหรับประเทศไทยของเรานั้นมีสถานปฏิบัติธรรมหลายพื้นที่หลายแห่งมากแต่มีอยู่ที่หนึ่งที่จังหวัดสระแก้วที่มีความแตกต่างแตกแยกไปจากสถานปฏิบัติธรรมที่อื่นๆ นี่จะเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่จะเน้นให้ผู้คนที่มาปฏิบัติธรรมที่นี่หัดปฏิบัติธรรมด้วย

การขับลมเพื่อเป็นการฟอกลมรักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ฝึกสมาธิของที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ก็คือจะให้นักปฏิบัติธรรมได้ทำการนั่งฝึกสมาธิและหายใจเข้าออกด้วยจังหวะที่เร็วเพื่อเป็นการฟอกลม ซึ่งเรื่องนี้มีชาวบ้านได้มีการร้องเรียนเข้ามาให้ช่วยตรวจสอบให้หนอ่ย

เพราะชาวบ้านเห็นว่าสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้มีวิธีการสอนคนที่มาปฏิบัติธรรมจากแรกนั่นก็คือให้ยืมหายใจแรงๆเป็นลักษณะของการฟอกลม พร้อมกับเปล่งเสียงออกมาให้คล้ายกับเสีัยงสัตว์ตามปีนักษัตร ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคนแต่ละคนเกิดปีอะไรก็จะต้องออกเสียงมาตามเสียงนักษัตรนั้น

ซึ่งพอชาวบ้านเห็นว่ามีการปฏิบัติธรรมแบบจึงอยากจะให้มาตรวจสอบว่าการที่ต้องหายใจแรงๆและมีการแต่งเสียงออกมานี้จะมีอันตรายต่อคนที่มีอาการป่วยอยู่แล้วหรือไม่อย่างเช่นกลุ่มคนที่เป็นพวกโรคหายใจอาจจะทำให้ช็อคได้หรือไม่

ซึ่งวิธีการปฏิบัติทำแบบนี้ถือว่าเป็นวิธีการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องหรือไม่ดังนั้นชาวบ้านจึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยลงเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ว่าสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้เปิดมาอย่างถูกต้องหรือไม่อย่างไร ซึ่งหลังจากที่มีข่าวการร้องเรียนเข้ามาทางนครได้มีการลงพื้นที่เพื่อลงไปดูสถานการณ์ของสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้

โดยมีการอยู่ที่ อำเภอเขาชะกันเป็นพื้นที่ในจังหวัดสระแก้ว ซึ่งที่นี่ก็มีพระส่งฆ์คอยดูแล และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบก็ได้มีการนำเจ้าคณะจังหวัดลงมาด้วยซึ่งก็ได้มีการสั่งการว่าให้สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้หยุดการปฏิบัติธรรมชั่วคราวก่อนและได้มีการให้เจ้าอาวาสจากวัดอื่นมาช่วยดูแล

เนื่องจากว่าผู้ที่เป็นเจ้าของสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้เดินทางไปปฏิบัติธรรมที่จังหวัดอื่นอยู่ ชื่อว่าหลวงพ่อดี ซึ่งตอนนี้หลวงพ่อไม่อยู่ไปปฏิบัติธรรมที่จังหวัดเพชรบูรณ์และตรวจสอบเพิ่มเติมแล้วว่าที่นี่เป็นสำนักปฏิบัติธรรมเถื่อนและยังไม่ได้ขออนุญาติ

  ซึ่งในขณะที่มีการแจ้งปิดสถานีทางเจ้าหน้าที่ของจังหวัดก็ได้มีการควบคุมตัวของผู้คนที่มาปฏิบัติธรรมที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้เอาไว้ก่อนโดย = ตัวไว้ประมาณ 14 วันตามเงื่อนไขของรัฐบาลก่อนที่จะมีการปล่อยตัวให้กลับบ้านได้ค่ะไม่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

ส่วนนักข่าวได้มีการสัมภาษณ์ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมที่นี่ต่างก็ให้ข้อมูลตรงกันว่าเมื่อทำกิจกรรมอย่างที่หลวงพ่อได้สอนแล้วก็รู้สึกว่าอาการเจ็บไข้ได้ป่วยดีขึ้นจึงคิดว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ไม่ได้เสียหายอะไรดีกว่าการนั่งสมาธิเฉยๆแล้วไม่มีอะไรดีขึ้นมา

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  gclub

งบประมาณปี 63 ไทยเตรียมซื้ออาวุธ

งบประมาณปี 63 ไทยเตรียมซื้ออาวุธ

งบประมาณปี 63 ไทยเตรียมซื้ออาวุธและกระสุนด้วยงบประมาณ 247 ล้านบาท 

        ตอนนี้ประเทศไทยเองก็มีการจัดสรรงบประมาณของและหน่วยงานกระทรวงต่างๆเพื่อนำมาใช้ในการบริหารประเทศแต่งบประมาณส่วนใหญ่นั้นทางรัฐบาลเองก็ได้มีการขอร้องกระทรวงต่างๆให้มีการแบ่งงบประมาณที่เคยขอไว้ว่าหากยังไม่มีการนำเงินไปใช้อะไรก็ให้นำเงินส่วนนั้น

ไปช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ทุกคนกำลังต้องการความช่วยเหลือเยียวยาเพราะผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งอย่างที่เราเคยติดตามข่าวสารกันมาว่ากระทรวงต่างๆก็มักจะมีเหตุผลออกมาเรื่องของบประมาณว่าไม่สะดวกในเรื่องของการปันผลเงินงบประมาณออกมาให้กับประชาชน

เนื่องจากได้มีการวางแผนงานเอาไว้และมีการยื่นเอกสารการดำเนินการกันไปหมดแล้วซึ่งบางกระทรวงเมื่อมีการตรวจสอบเชิงลึกลงไปก็พบว่าเงินในกระทรวงต่างๆก็ยังคงเหลือเยอะและไม่มีการวางแผนที่จะใช้งานกับเงินจับเงินก้อนนั้นยังไง และวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องของบประมาณการจัดจ้างจัดซื้อของกรมสรรพาวุธทหารบก

ซึ่งมีการได้รับงบประมาณไปในครั้งแรกที่จะนำเงินไปซื้อเรือดำน้ำโดยเมื่อมีข่าวหลุดรอดออกมาประชาชนส่วนใหญ่ต่างก็ไม่เห็นด้วยเพราะประเทศไทยเองไม่จำเป็นต้องใช้เรือดำน้ำในการทำสงครามอะไรซึ่งตอนนี้มีรายงานเกี่ยวกับเรื่องของบประมาณของกรมสรรพาวุธทหารบกออกมาอีกแล้วว่าจะมีการใช้งบประมาณ 247 ล้านบาท

ในการไปซื้อกระสุน  ไม่ว่าจะเป็นกระสุนปืน  กระสุนระเบิด กระสุนปืนใหญ่หรือแม้แต่จรวจ ซึ่งนี้มีการระบุว่าเป็นงบประมาณที่ต้องมีการจัดซื้อเข้ามาในประเทศสำหรับข้อมูลการจัดซื้อเหล่านี้แน่นอนว่าเป็นส่วนที่ทางการทหารควรจะต้องมีไว้เพื่อปกป้องประเทศแต่ถ้าหากพูดตามหลักความเป็นจริงแล้ว

ในตอนนี้ทั่วโลกไม่มีใครก่อสงครามไม่จำเป็นต้องรีบซื้ออาวุธปืนเหล่านี้ก็ได้สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ทางรัฐบาลเองต้องนำงบประมาณเหล่านี้มาช่วยเหลือประชาชนที่กำลังจะอดตายตอนนี้อยู่มากกว่าหรือไม่แต่ก็พยายามสรรงบประมาณเหล่านี้ออกไป

เพื่อไปซื้อสิ่งที่ไม่ควรซื้อเชื่อว่าถึงแม้จะซื้ออุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาในประเทศไทยตอนนี้ก็ใช่ว่าประเทศไทยจะต้องไปสู้รบปรบมือกับใครหรือมีใครมาแย่งดินแดนของประเทศไทยในช่วงนี้ก็ไม่มีสักหน่อยทำไมต้องสิ้นเปลืองงบประมาณไปกับการซื้ออาวุธเหล่านี้แทนที่จะเห็นความลำบากของประชาชนเป็นหลัก

แต่กับเห็นการซื้ออาวุธปืนซึ่งแน่นอนว่าเราก็ต้องรู้กันดีอยู่แล้วว่างบประมาณเหล่านี้ใช้ในการซื้ออาวุธแค่เพียงครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งนึงก็เข้ากระเป๋าของพวกมีสีแน่นอน

 

 

สนับสนุนโดย  gclubฟรี500

หนุ่มขับรถผ่านด่านเคอร์ฟิวมาได้เพราะนำบัตรตำรวจเก่าหมดอายุของพ่อมาเบ่ง

หนุ่มขับรถผ่านด่านเคอร์ฟิวมาได้เพราะนำบัตรตำรวจเก่าหมดอายุของพ่อมาเบ่ง

  เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความลงเฟสบุ๊กบอกเล่าเรื่องราววีรกรรมที่ตัวเองเพิ่งไปสร้างมา เมื่อวันที่ 7 เดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2563 โดยเขาได้โพสต์ภาพของตัวเองถือบัตรข้าราชการตำรวจ

และมีการเขียนข้อความเชิงอวดให้กับเพื่อนในเฟสของเขาว่า เขาเพิ่งนำบัตรใบนี้ไปอวดเบ่งกับเจ้าหน้าที่คุมด่านเคอร์ฟิวมาซึ่งเขารอดมาได้ไม่ถูกจับเพราะบัตรข้าราชการตำรวจของพ่อ และที่กลายเป็นจุดที่น่าสนใจของโพสต์นี้ก็คือ บัตรของพ่อเขาหมดอายุหลายปีแล้ว  

เมื่อเรื่องราวนี้ได้มีการแชร์ต่อต่อกันมาหลายคนได้เข้าไปต่อว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวที่มีการนำเอาบัตรพ่อมาเบ่งกับคนอื่น แต่หลายคนก็เข้ามาเม้นต์กับข้อความนี้ในแนวเป็นเรื่องที่ชวนหัวเราะ ซึ่งกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ก็มีหลากหลายกันไป 

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ หลายคนมองว่าสิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้ทำนั้นไม่เป็นการสมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่เคารพต่อกฏหมายและที่สำคัญตำรวจที่มีหน้าที่ตั้งด่านตรวจก็ไม่ควรจะกลัว

แค่บัตรที่ชายหนุ่มนำมาข่มขู่ เพราะจะเห็นได้ว่าเพียงแค่แสดงบัตรว่าเป็นลูกของใครก็กลัวกันจนลนลาน จนไม่ตรวจสอบให้ดีด้วยซ้ำว่าบัตรใบนี้หมดอายุไปหลายปีแล้ว

      สำหรับตัวของชายหนุ่มนั้นหากว่ามีการนำบัตรของพ่อมาขู่เจ้าหน้าที่ด่านจริงก็ไม่ควรที่จะนำเรื่องราวเหล่านี้มาโพสต์เพื่อบอกให้คนอื่นได้รู้วาตัวเองเพิ่งทำเรื่องที่ไม่ดีมา และยังมีการนำเอาชื่อเสียงของพ่อมาสร้างความเสียหาย เรียกว่าเป็นการโพสต์โชว์ความโง่เลยก็ว่าได้

เพราะหากทำความผิดแบบนี้แล้วไม่โพสต์ก็จะไม่มีใครรู้ว่าเราทำแบบนี้มา และคงไม่มีใครด่าเอาได้ แต่เมื่อมีการโพสต์ประจานกับการทำไม่ดีของตัวเองย่อมต้องมีคนเข้ามาด่าเป็นธรรมดา เรียกว่าโพสต์โชว์โง่กันเลยทีเดียวแถมยังจะทำให้พ่อของตัวเองเดือดร้อนตามไปด้วย

เพราะมีการแสดงชื่อพ่อในบัตรลงบนโพสต์หราเลย ส่วนคนที่จะเดือดร้อนอีกคนก็คือกลุ่มคนที่ตั้งด่านและยอมปล่อยตัวชายคนนี้เพียงแค่เพราะกลัวบัตรที่เขาเอามาข่มขู่แสดงว่ามีการเลือกปฎิบัติ เป็นการทำงานที่สองมาตรฐานทำให้เขาอาจจะเดือดร้อนในการงานได้

เพราะเรื่องราวที่เขายกเว้นการปฏิบัติหน้าที่มันกลายมาเป็นข่าวใหญ่โตและคนอื่นอื่นก็จะเดือดร้อนตามมาอีกด้วยว่าคนที่ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวร์เพราะเดือดร้อนกลับบ้านไม่ทันจริงจริงตำรวจก็คงจะไม่ช่วยอีกแล้วเพราะกลัวตัวเองจะเดือดร้อนแน่นอน

 

ขอขบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  พนันออนไลน์ ฝากขั้นต่ำ100

คุณหมอขอระบายเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวที่ต้องสู้กับโควิด-19

คุณหมอขอระบายเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวที่ต้องสู้กับโควิด-19

คุณหมอขอระบายเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวที่ต้องสู้กับโควิด-19แต่ก็ไม่อาจทิ้งจรรยาบรรณแพทย์ได้ 

          เชื่อว่าหลายคนคงรู้กันดีว่าสถานการณ์ตอนนี้ของประเทศไทยนั้นมีปัญหาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19เป็นจำนวนมากและบุคคลที่ได้รับความเสี่ยงมากที่สุดในขณะนี้ก็คือบุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะหมอและพยาบาลที่ต้องอยู่กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19แทบจะตลอดเวลา

พวกเขาเหล่านี้ต้องเสียสละชีวิตส่วนตัวและมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับพวกเขาถึงกับชีวิตได้เลยทีเดียวแต่ด้วยจรรยาบรรณทางการแพทย์ที่เขามีอยู่ทำให้เขายังคงต้องรักษาคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19ถึงแม้เขาเองก็กลัวว่าตัวเองจะต้องติดเชื้อในสักวันหนึ่งก็ตามที่สำคัญเมื่อเขาจะต้องมารักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19แล้ว

เขาจำเป็นต้องจากครอบครัวไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่  พี่น้อง  สามีภรรยา  หรือแม้แต่ลูกๆของเขาซึ่งเขาไม่สามารถเข้าใกล้บุคคลเหล่านั้นได้เนื่องจากต้องห่วงความปลอดภัยของคนในครอบครัวของตนเองเพราะตนเองเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19โดยตรงดังนั้นภาพที่เราเห็นส่วนใหญ่จึงเป็นได้แค่เพียงการที่พวกเขาต้องยืนมองคนที่พวกเขารักอยู่ห่างๆเท่านั้น

แต่ไม่สามารถกอดหรืออยู่ใกล้ชิดกันได้เหมือนกับครอบครัวอื่นๆซึ่งมี Facebook หนึ่งได้มีการระบุข้อความของนายแพทย์หนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นนายแพทย์ประจำสถาบันจักรีนฤบดินทร์และยังเป็นนายแพทย์ที่ต้องไปดูแลโรงพยาบาลรามาธิบดี

โดยเขามีการระบุว่าเขาอยากให้ประชาชนรับรู้ว่าทุกวันนี้ที่เขาทำนั้นเขารู้สึกเหนื่อยและท้อแท้มากเพราะเขาคือบุคคลที่อยู่ติดกับเชื้อไวรัสโควิด-19มากกว่าคนอื่นเขาต้องทำงานตั้งแต่เช้ายันดึกและทำงานที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบนี้ในทุกๆวัน

ซึ่งเขาถือว่าชีวิตเขาเสียงดังมากที่สักวันหนึ่งอาจจะมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19ได้ไม่ใช่แค่เพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่เหนื่อยบุคลากรทางการแพทย์คนอื่นๆเองก็เหนื่อยและท้อแท้เช่นเดียวกันในทุกๆวันจะมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19เดินทางมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก

ซึ่งพวกเขาไม่ได้พักผ่อนเลย ซึ่งอันที่จริงแล้วพวกเขาอยากจะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวแต่ด้วยตัวของพวกเขาเองคือบุคคลที่ต้องดูแลผู้ป่วยเพราะถ้าหากว่าผู้ป่วยขาดพวกเขาแล้วแล้วก็ก็จะไม่มีใครรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไห้หายได้

ซึ่งนี่คือความในใจของคุณหมอที่เป็นผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสดังนั้นในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ได้ฟังข้อความระบายจากทางคุณหมอแล้วก็ควรจะมีการช่วยเหลือคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์คนอื่นๆให้ทำงานเหนื่อยน้อยลงด้วยการลดความเสี่ยงในการที่จะปล่อยให้ตนเองติดเชื้อไวรัสพวกเขาเหล่านั้นจะได้มีเวลาพักผ่อนและสามารถกลับไปอยู่กับครอบครัวของตนเองได้เหมือนเดิม

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนันบอลฝากขั้นต่ำ 100

สลดรับวันเด็กโจรปล้นร้านทองยิงเด็ก 2 ขวบตาย

สลดรับวันเด็กโจรปล้นร้านทองยิงเด็ก 2 ขวบตาย

เมื่อเวลา 20.45 น.ของคืนวันที่ 9 มกราคม ตำรวจ สภอ.เมืองลพบุรีได้รับแจ้งว่ามีโจรบุกปล้นร้านทองออโรร่า ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าโรบินสันสาขาลพบุรี

เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีผู้เคราะห์ร้ายถูกยิงทั้งหมด 7 ราย เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย  ที่น่าสลดใจคือ หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นเด็กชายวัย 2 ขวบ 

ภาพจากกล้องวรจรปิดทำให้เห็นว่าคนร้ายใส่ชุดทหารคลุมปกปิดใบหน้าด้วยผ้าสีดำ เดินเข้ามาในห้าง ยิงปืนใส่ รปภ.ที่ยืนอยู่  จากนั้นลงมือปล้นทองที่ร้านทองออโรร่า โดยมีการยิงปืนใส่คนที่ยืนซื้อทองอยู่หน้าร้าน 2 คน ยิงใส่พนักงานขายที่เป็นผู้หญิงของร้านอีก 2 คน จากนั้นก็ได้หยิบทองในตู้ใส่กระเป๋า แล้ววิ่งออกจากห้างขี่มอเตอร์ไซค์หลบหนีไป 

แต่มีกล้องวงจรของร้านขายทองข้างๆบันทึกได้ว่าก่อนที่โจรจะยิงปืนใส่คนที่ยืนซื้อทองร้านออโร่ร่า  มีเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังเดินจูงมือกับแม่อยู่นั้น จู่ๆก็ล้มลง แม่เข้ามาอุ้มเห็นเลือดนองที่พื้น ทำให้รู้ว่าลูกถูกยิง แม่พยายามตะโกนร้องให้คนแถวนั้นช่วยแต่ก็ช้าไปเสียแล้วน้องเสียชีวิตเพราะถูกยิงเข้าที่สมอง มันช่างเป็นภาพที่หดหู่ใจใครได้ดูก็ต้องร้องไห้ตาม 

ภายหลังเราได้ทราบว่าน้องที่เสียชีวิตชื่อน้องไตตัน เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวนี้  ส่วนครอบครัวผู้เสียชีวิตอีก 2 รายที่นักข่าวไปสัมภาษณ์มาก็น่าสงสาร พี่รปภ.ที่ตายมีลูกที่ต้องเลี้ยงดู  3 คน พนักงานสาวร้านทองที่ตายก็มีลูกเล็ก 1 คน

สงสารครอบครัวเค้าอยู่ๆก็ต้องมาสูญเสียคนที่รักไป จริงๆแล้วโจรมันต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยหรอ เข้ามาปล้นทองคุณก็เอาแต่ทองไปซิ จะมาฆ่าผู้บริสุทธิ์คนอื่นเค้าทำไม เลือดเย็นเกินไปไหมจิตใจทำด้วยอะไรทำไมโหดเหี้ยมจัง 

ล่าสุดตอนนี้ตำรวจกำลังติดตามไล่ล่าหาตัวคนร้ายอยู่ เราตามข่าวลุ้นให้ตำรวจจับมันให้ได้ แต่จากรูปการแล้วคิดว่าน่าจะยากเพราะหน้าตามันเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ เบาะแสที่มีก็น้อยมาก ถ้าเป็นไปได้อยากให้มันถูกตำรวจวิสามัญตายไปเลย คนเลวๆอย่างงี้อย่าให้มันมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเดียวกับพวกเรา แทนที่วันเด็กทั้งทีจะมีข่าวที่ดีเกี่ยวกับเด็กๆ ต้องมาเจอกับข่าวเลวร้ายสะเทือนใจแบบนี้

สุดท้ายขอแสดงความเสียใจและเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ขอให้ครอบครัวทำใจกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นนี้ได้โดยเร็ว  พร้อมทั้งพยายามลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้เพื่อคนที่ยังมีชีวิตในครอบครัวที่เราต้องหาเลี้ยงต่อไป

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  แทงบอลออนไลน์

สาวไม่รับรัก ฝ่ายชายเอาสีไปฉีดใส่รถชาวบ้านระบายแค้น

สาวไม่รับรัก ฝ่ายชายเอาสีไปฉีดใส่รถชาวบ้านระบายแค้น

ที่ชุมชนสะพานเขียววัดบางหญ้าแพรก แถว สำโรงใต้ อ้ายมีเหตุการณ์รถยนต์ของคนในชุมชนที่จอดไว้หน้าบ้านถูกทำร้ายด้วยการนำสีมาพ่นด้วยข้อความหยาบคายโดยรถแต่ละคันถูกโอนโดยสเปรย์สีแดงเขียนเป็นคำด่าผู้หญิงในเชิงผู้หญิงหากินซึ่งรถที่เสียหายไม่ได้มีแค่คันเดียวเท่านั้นโดยชาวบ้านบอกว่าถูกพ่นสเปรย์ใส่รถประมาณ 4-5 คัน

เจอเรื่องราวเกิดขึ้นจากที่ผู้ชายคนหนึ่งมาจีบหญิงสาวที่อยู่ในซอยของชุมชนสะพานเขียวแต่เหมือนกับหญิงสาวไม่เล่นด้วยไม่ยอมรับรักทำให้ฝ่ายชายรู้สึกโกรธและไม่พอใจจึงมาลงกับรถของชาวบ้านที่จอดอยู่หน้าบ้านในซอยดังกล่าว เพื่อพ่นด่าฝ่ายหญิง แต่เป็นการทำกับรถของคนอื่น ซึ่งเมื่อนักข่าวได้ลงไปสำรวจพื้นที่

เกิดเหตุและสอบถามเจ้าของรถที่ถูกพ่นสีใส่มีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นเจ้าของรถบอกว่าตนเองจอดรถไว้หน้าบ้านแล้วประมาณ 1:00 นก็ขับรถออกนอกบ้านเพื่อที่จะไปรับผักมาขายปรากฏว่าที่รถมีการเขียนคำด่าเอาไว้ตัวใหญ่มากซึ่งเธอรู้สึกว่ามันเป็นคำที่สร้างความอับอายให้เธอมากเพราะเธอก็เป็นผู้หญิงและเป็นคนขับรถคันนี้คนที่เห็นเขาก็ไม่รู้หรอกว่าเขียนด่าใคร

แต่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเธอต้องรีบออกไปซื้อผักทำให้เธอจำเป็นต้องขับรถคันนี้ออกไปหลังจากซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงนำรถกลับมาต่อประกันเพื่อให้ประกันรีบล้างสีรถออกให้ ซึ่งรถบังคับที่ถูกพ่นสีนั้นจะมีการระบุชื่อของผู้หญิงที่เขาต้องการด่าเอาไว้ด้วยแต่ผู้หญิงคนดังกล่าวไม่ใช่เจ้าของรถคันที่ถูกพ่นสีดังนั้นชาวบ้านจึงเลยรู้ว่าชื่อผู้หญิงที่อยู่บนรถนั้นคือใคร

เพราะว่าเป็นคนอยู่ในละแวกเดียวกันเมื่อไปสอบถามหญิงสาวก็ได้รับข้อมูลว่าน่าจะเป็นผู้ชายที่มาตามจีบเธอแล้วเธอไม่รับรักผู้ชายคนดังกล่าวน่าจะโมโหจึงได้ไปลงกับรถของคนอื่นชาวบ้านจึงพากันรวมตัวเดินทางไปที่สถานีตำรวจสำโรงใต้เพื่อทำการแจ้งความให้ดำเนินคดีกับชายคนดังกล่าวที่มาสร้างความเสียหายทำลายทรัพย์สินของคนอื่น 

    เหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้เสียหายหลายรายพากันไปร้องทุกข์และแจ้งความจับชายคนดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้วซึ่งใช้คนดังกล่าวจะต้องมาจ่ายค่าเสียหายให้กับชาวบ้านที่ตนเองไปทำลายข้าวของคนอื่นเขาซึ่งอันที่จริงแล้วหากเขาทะเลาะกับใครก็ควรจะไปพูดจาเคลียร์ตกลงกับคนที่ทะเลาะด้วยไม่ควรที่จะเอาอารมณ์มาใส่กับคนอื่น

ทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนมากมายขนาดนี้ยิ่งในสถานการณ์ที่เงินทองหายากแบบนี้ชาวบ้านต่างก็ ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตนเองเลย

  และเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ใช้คนดังกล่าวก็นำสีสเปรย์มาพ่นฉีดตามผนังบ้านของเพื่อนบ้านพร้อมทั้งด่าหญิงสาวที่ไม่ยอมรับรักตนเองอีกทั้งยังเคยขู่ด้วยว่าจะเผาชุมชนที่แฟนสาวอาศัยอยู่หากไม่ยอมรับรักดังนั้นชาวบ้านจึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวมาลงโทษให้ได้ เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก 

การเปิดไทม์ไลน์คนไทยติดเชื้อไวรัสโควิด-19

การเปิดไทม์ไลน์คนไทยติดเชื้อไวรัสโควิด-19

ข่าว การเปิดไทม์ไลน์คนไทยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 11 คนได้อย่างไร

       จากกรณีที่มีข่าวมีคนไทยทั้งหมด 11 คนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมกันเนื่องจากมีการจัดงานปาตี้กินเหล้ากัน โดยผู้ที่แพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่าเป็นเพื่อนที่เดินทางมาจากประเทศฮ่องกง  ซึ่งวันนี้เราจะมีย้อนไทม์ไลน์ ว่าเหตุการณ์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงคนดังกล่าวมาแพร่เชื้อให้กับคนไทยทั้ง 11 คนได้อย่างไร จนทำให้ตอนนี้ประเทศไทยมียอดจำนวนผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด -19 พุ่งขึ้นมาถึง 70 คนแล้วด้วยกัน

  • มีรายงานข่าวว่านักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงเดินทางมาหาเพื่อนที่เป็นคนไทยในวันที่ 21 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020  แล้วเพื่อนแก๊งคนไทยก็พาเพื่อนที่เป็นนักท่องเที่ยงฮ่องกงไปเที่ยวสังสรรค์กัน
  • หลังจากนั้นประมาณวันที่ 25 เดือนกุมภาพันธ์หนึ่งคนในแก๊งที่ไปเที่ยวด้วยกันมีอาการเป็นไข้ ไอและหนาวสั่น และถึงแม้ว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายแต่ก็ยังนัดเพื่อนเพื่อนกลุ่มเดิมมากินเลี้ยงสังสรรค์กันอีก โดยนัดกันวันที่ 27 กับ 29 เดือนกุมภาพันธ์ปี 2020โดยงานเลี้ยงสังสรรค์นั้น 2 วันดังกล่าวกลุ่มเพื่อนแก๊งนี้จะกินเหล้าแก้วเดียวกันและมีการสูบบุหรี่มวนเดียวกัน อยู่ในห้องแคบๆไม่มีอากาศถ่ายแท
  • หลังจากนั้น ประมาณ 4 วันต่อมาคนในแก๊งดังกล่าวก็เริ่มทยอยพากันไม่สบาย และเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งทั้งหมดได้เดินทางไปรักษาตัวพร้อมพร้อมกัน และเมื่อมีการส่งตรวจสอบหาเชื้อไวรัสโควิด -19  พบว่าทั้งหมดติดเชื้อไวรัสดังกล่าว และวันที่ 12 เดือนมีนาคม ปี 2020 ทางโรงพยาบาลก็ออกมายืนยันว่า แก๊งดังกล่าวที่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ได้มีการติดเชื้อไวรัสโควิด -19 จำนวน 11 คน ซึ่งกลุ่มคนในแก๊งดังกล่าวมีรวมกันทั้งสิ้น 15 คน โดยจากการที่เจ้าหน้าที่ได้ซักประวัติพบว่า อีก 4 คนที่เหลือไมได้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวด้วย ซึ่งทั้งสี่คนบอกว่าไม่ได้กินเหล้าแก้วเดียวกับทั้ง 11 คนส่วนบุรี่ก็ไม่ได้สูบ
  • หลังจากนี้ทางกระทรวงสาธารณะสุขได้เข้าไปตรวจสอบบรรดาเพื่อนเพื่อนและคนในครอบครัวของทั้ง 11 คนเพิ่มเติมและให้ทำการกักตัวรอดูอาการก่อน 14 วัน

  และสำหรับนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงคนที่มาแพร่เชื้อไวรัสนั้นได้เดินทางกลับประเทศไปแล้วตั้งแต่ก่อนวันที่ 12 เดือนมีนาคม ปี 2020  ซึ่งนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวอาจจะไม่ทราบว่าตนเองเป็นผู้ที่เข้ามาแพร่เชื้อโรค เพราะ ณ วันที่เดินทางเข้าประเทศไทยมา

นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงอาจจะยังไม่มีอาการของเชื้อ และในตอนนี้ประเทศไทยเองก็ยังไมได้มีการป้องกันคัดกรองหาผู้ติดเชื้ออย่างเข็มงวด ทำให้นับแต่นี้ไปทางรัฐบาลจะต้องมีแนวทางคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศให้ดีกว่านี้

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa