หมวดหมู่: ข่าวทั่วไป

พม่าโมโหชาวบ้านเผารถทหารพม่าและยึดอาวุธ

พม่าโมโหชาวบ้านเผารถทหารพม่าและยึดอาวุธ

เรื่องของสถวานการณ์ในเมียนมาถือว่าเป็นสถานการณ์ที่เหลือเชื่อเป็นสถานการณ์ที่จะบอกว่าเหมือนในหนังก็ว่าได้เพราะว่าเป็นสถานการณ์ที่ประชาชนมือเปล่าได้รวมตัวกันทั่วประเทศแต่ถ้าเป็นประชาชนมือเปล่ารวมตัวกันสู้กับทหารมันก็เริ่มเกิดน้อยลงอีกยากมากขึ้นไปอีกแล้วมันก็จะยากมากขึ้นไปอีก

ถ้าเป็นสถานการณ์ที่ประชาชนมือเปล่ารวมตัวสู้กับทหารแล้วก็สามารถทำถึงขั้นยึดรถของทหารมาได้อีก6คันแล้วได้ทำการยึดอาวุธของทหารได้ก็จะมากขึ้นไปอีก

ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เราไม่เคยเห็นแต่ว่ามีที่เมียนมาในตอนนี้มันได้มาถึงจุดแบบนี้แล้วประชาชนได้รวมตัวกันโดยมันได้มีการเชื่อมโยงไปถึงตัวแทนของเมียนมาที่ได้ไปประกวดมิสยูนิเวิร์สที่น้อยเขาได้ใส่เสื้อของเมียนมาแต่ว่าได้ชูป้ายPray for Myanmar น้องเขาได้เป็นคนรัฐฉินและเป็นรัฐฉินตั้งแต่หลังการรัฐประหารถือว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ประชาชนออกมาจัดหนักกับทหารไม่ยั้ง

โดยไม่ว่าจะเป็นการตั้งทัพประชาชนในปัจจุบันหรือว่าก่อนหน้านี้ก็เป็นการยิงกับทหารจู่โจมกับทหารจู่โจมแบบทหารกองโจรก็ว่าไปตอนนี้สถานการณ์รัฐฉินมันมาถึงจุดที่การต่อสู้กันระหว่างทหารกับกองทัพประชาชนมันมาถึงจุดที่แทบจะเรียกว่าเป็นการปิดเมืองดวนกันแล้ว

นอกจากนี้ที่อีกฝ่ายหนึ่งคือทัพของชาวบ้านกับทหารตึงกำลังกันเรื่องที่เกิดมันเกิดจากการที่ทหารไปจับเด็กรัฐฉินเป็นเด็กวัยรุ่นอาจจะยัดข้อหาว่าเป็นเด็กป่วนบ้านป่วนเมืองอาจจะยัดข้อหาว่าเป็นฝ่ายต่อต้านเผด็จการอะไรก็ตามแต่จับไปหลายคนและเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นสักระมาณสองเดือนก่อนรอบนั้นชาวบ้านล้อมสถานีตำรวจจนต้องคืนเด็กมา

เพราะฉะนั้นแล้วใมนรอบนี้ยังได้จับเด็กไปประมาณ15คนหลังจากจับไปก็เกิดการรวมตัวกันของชาวบ้านที่รัฐฉินกันได้เกิดการปะทะกับทหารอยู่หลายวันยิงกันนัดแรกตั้งแต่วันที่12แล้วได้ปะทะกันมาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่14-15พอยิ่งปะทะกันมันยิ่งดุดเดือนมากขึ้นเรื่อยๆ

เพราะชาวบ้านแถวนั้นเขาดุเพราะชาวบ้านระแวกนั้นเป็นภูเขาดังนั้นทหารพม่าลำบากไม่ชำนาญในพื้นที่ใช้กองทัพทางพื้นราบบุกเข้าไปยากวันที่14มันเกิดเรื่องใหญ่นั่นก็คือCDFหรือว่ากองกำลังป้องกันประชาชนของรัฐฉินเส้นทามันจะเรียบเขาไปเรื่อยๆมันจะผ่านภูเขาไปเรื่อยจากนั้นคนรัฐฉินก็เลยดักรถทหารจำนวน6คันที่จะขนทหารไปเสริมกำลังในรัฐจากนั้นยึดรถของทหารและอาวุธเป็นจำนวนมากทำให้ทางกองทัพไม่พอใจแถมยังถูกเผารถทหารทั้งหมด

 

สนับสนุนโดย  ufabet เว็บหลัก

ชาวบ้านไม่รู้จักเครื่องวัดแรงสั่น แจ้ง เจ้าหน้าที่ EOD มาทำลายเสียหายถึงสี่แสนบาท 

ชาวบ้านไม่รู้จักเครื่องวัดแรงสั่น แจ้ง เจ้าหน้าที่ EOD มาทำลายเสียหายถึงสี่แสนบาท 

        เมื่อวันที่ 8 เดือนพฤษภาคม ปีพ. ศ.2564   ที่จังหวัดราชบุรีชาวบ้านพบวัตถุประหลาดอยู่ใกล้กับบริเวณฐานขององค์เจดีย์หัก  ลักษณะของวัตถุต้องสงสัยมีสายระโยงระยางเต็มไปหมดและมีกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก

ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวว่าวัตถุดังกล่าวนั้นอาจจะเป็นระเบิดจึงได้มีการประสานงานแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีการพบเห็นวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดอยู่ตรงบริเวณโบราณสถานซึ่งเป็นบริเวณฐานขององค์เจดีย์หัก 

      เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงสถานที่เกิดเหตุพบอุปกรณ์เป็นกล่องสี่เหลี่ยมคล้ายกับเครื่องมือช่างมีการเชื่อมต่อสายไฟเอาไว้ห่อหุ้มด้วยพลาสติก  ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการประสานงานให้กับทางเจ้าหน้าที่ EOD ซึ่งเป็นฝ่ายกอบกู้ระเบิดให้มาช่วยทำการตรวจสอบโดยมีการนำกรวยยางสีแดงมากั้นล้อมรอบเอาไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น

  เมื่อเจ้าหน้าที่ EOD เดินทางมาถึงก็มีการใช้ปืนยิงน้ำแรงดันสูงยิงไปที่กล่องดังกล่าวเพื่อเป็นการทำลายวัตถุประหลาดเบื้องต้นหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ EOD ก็เข้าทำการตรวจสอบอีกรอบหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตัดสินใจที่จะทำลาย เพราะไม่รู้ว่าคืออะไร 

      อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการทำลายวัตถุประหลาดดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยเจ้าหน้าที่ EOD พบว่าวัตถุดังกล่าวนั้นเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้วัดแรงสั่นสะเทือนซึ่งจากการประสานงานทำการตรวจสอบกับทางกรมทางหลวงจึงทราบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวนั้นกรมทางหลวงได้มีการติดต่อแจ้งเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรขอติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวไว้เพื่อตรวจสอบแรงสั่นสะเทือน  ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวนั้นมีราคาสูงถึงเครื่องละ 400,000 บาท

        อย่างไรก็ตามหลังจากตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและพบว่าทางกรมทางหลวงมีการประสานงานแจ้งเพียงแค่กรมศิลปากรเท่านั้นแต่ไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รวมถึงไม่ได้แจ้งชาวบ้านและผู้นำหมู่บ้านทำให้ชาวบ้านไม่ทราบมาก่อนว่ามีการนำอุปกรณ์ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนมาไว้ตรงบริเวณดังกล่าวเมื่อชาวบ้านเห็นอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อสายไฟจึงคิดว่าเป็นระเบิดและเกรงว่าจะเกิดความเสียหายและอันตรายจึงได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาทำลาย

        อย่างไรก็ตามสำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือว่าเป็นความผิดพลาดของทางกรมทางหลวงที่ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์หรือติดป้ายบอกให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ทราบ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับทางเจ้าหน้าที่ได้ดีว่าควรจะมีการประสานงานทุกหน่วยงานหรือหากจะมีการติดตั้งอุปกรณ์อะไรควรจะมีการแกล้งคนในพื้นที่ให้ทราบ

เพื่อที่ชาวบ้านจะได้ไม่เกิดความหวาดกลัวกับอุปกรณ์ที่นำมาติดตั้งและสำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวงจะมีการเข้ามาติดตั้งอุปกรณ์ใหม่อีกครั้งหนึ่งเพื่อทำการเปิดจับวัดแรงสั่นสะเทือนเอาไว้และครั้งนี้จะมีการติดป้ายบอกกล่าวชาวบ้านให้ทราบ     

 

สนับสนุนโดย    gclub casinoทดลองเล่น 

ชายวัย 39 ปีหนีออกจากศุนย์กักตัวโควิด-19 เพราะคิดถึงลูกเมีย รอครบ 14 วัน ไม่ไหว

ชายวัย 39 ปีหนีออกจากศุนย์กักตัวโควิด-19 เพราะคิดถึงลูกเมีย รอครบ 14 วัน ไม่ไหว

       เมื่อช่วงเวลาประมาณเย็นของวันที่ 5 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2564    เจ้าหน้าที่ศูนย์กักตัวผู้ที่มีความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโควิช- ได้ประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อให้ช่วยติดตามหาชายคนหนึ่งอายุประมาณ 39 ปี

โดยใช้คนดังกล่าวนั้นได้เดินทางมาจากจังหวัดชัยภูมิเพื่อเดินทางมหาประชาและลูกที่อาศัยอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์แต่เมื่อเดินทางเข้ามาถึงจังหวัดนั้นจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการประกาศตัวเป็นระยะเวลา 14 วันตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของจังหวัดบุรีรัมย์

         ซึ่งชายคนดังกล่าวถูกกักตัวเพียงไม่กี่วันก็ได้มีการหนีออกจากศูนย์กักตัวโดยทางเจ้าหน้าที่ศูนย์กักตัวเชื่อว่าชายคนดังกล่าวน่าจะเดินทางไปหาภรรยาและลูกที่บ้านในจังหวัดบุรีรัมย์นั่นเองดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจึงได้มีการประสานงานเดินทางไปที่บ้านของชายคนดังกล่าว

และได้พบว่าชายคนดังกล่าวนั้นอาศัยอยู่ที่บ้านพร้อมกับภรรยาและลูกในเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงใจคนนึงเขาก็ยินยอมที่จะเดินทางกลับมายังศูนย์กักตัวตามปกติและเมื่อสอบถามถึงสาเหตุของการหนีออกจากสนกับตัวใช่วัย 39 ปีก็ให้เหตุผลว่าเขาเดินทางมาหาภรรยาและลูก

      ซึ่งเขาไม่ได้เดินหน้าประชาและลูกมานานเกือบ 2 เดือนแล้วด้วยความคิดถึงจึงอยากพบหน้าภรรยาและลูกแต่ถ้าจะให้รอจนกว่าตัวครบ 14 วันเขาคิดว่านานเกินไปดังนั้นเขาจึงมีความคิดว่าเขาจะให้ประหยัดและลูกนั้นมากักตัวอยู่กับเขาด้วย 

เขาจึงได้มีการโทรและให้ภรรยาขับรถกระบะมารับที่หน้าศูนย์กักตัวหลังจากนั้นเขาก็ขึ้นรถออกจากศูนย์ไปพร้อมกับภรรยาและลูกเพราะเขาเชื่อมั่นว่าเดี๋ยวเจ้าหน้าที่ก็ต้องมารับตัวเขากลับไปกักตัวใหม่อยู่ดีซึ่งการกักตัวในครั้งนี้ของเขานั้น  เขาค่อนข้างพอใจเป็นหย่างมากเลยเดียวเพราะเขาสามารถปรับตัวพร้อมกับลูกและภรรยาของเขาได้โดยที่เขาไม่ต้องทนคิดถึงภรรยาและลูกอีกต่อไปแล้ว 

           จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นับว่าเป็นความเสี่ยงเป็นอย่างมากที่ชายวัย 39 ปีนั้นหนีออกจากสถานกักตัวเพราะถ้าหากว่าเขามีการติดเชื้อไวรัสโควิช- แล้วออกไปอยู่กับภรรยาและลูกซึ่งจะส่งผลทำให้ภรรยากับลูกของเขานั้นติดเชื้อไวรัส covid ด้วยจะสร้างความลำบากให้กับภรรยาและลูกของเขาเป็นอย่างมาก

          เพราะถ้าหากว่าสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงหรือมีโรคประจำตัวจะทำให้การรักษาการติดเชื้อไวรัสนั้นค่อนข้างลำบากและอันตรายเป็นอย่างมากดังนั้นสำหรับข่าวนี้จึงควรเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครก็ตามที่กำลังถูกกักตัวว่าให้อดทนรอเพียงแค่ 14 วันเท่านั้นคุณก็จะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวของคุณโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าคนในครอบครัวของคุณนั้นจะติดเชื้อไวรัสโควิคนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    gclub มือถือ ทดลองเล่น

ชายหนุ่มถูกอดีตเมียแจ้งจับ เพราะปล่อยคลิปสยิว แถมยังโพสต์ปืนขู่

ชายหนุ่มถูกอดีตเมียแจ้งจับ เพราะปล่อยคลิปสยิว แถมยังโพสต์ปืนขู่

                เมื่อวันที่ 26 เดือนเมษายน  ปี พ.ศ 2564     ในโลกสังคมออนไลน์ได้มีการพูดถึงหญิงสาวรายหนึ่งที่เธอนั้นได้มีการโพสต์ Facebook ระบายความเจ็บช้ำน้ำใจของเธอ

โดยเธอระบุว่าเธอนั้น แต่งงานกับสามีของเธอได้ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็คลอดลูก และขณะนี้ลูกของเธอนั้นอายุได้ 4 เดือนแล้ว แต่เราต้องตัดสินใจขอจบชีวิตคู่ของเธอกับสามีสาเหตุนั้นก็เพราะว่าสามีของเธอนั้นนอกใจเธอมาตลอด

      โดยเธอได้เล่าระบายลงใน Facebook ของเธอว่าเธอคบกับสามีมาเป็นระยะเวลา 5 ปีแล้วซึ่งตลอดระยะเวลาที่คบกันมานั้นเธอมักจะจับได้เสมอว่าสามีของเธอนอกใจไปมีผู้หญิงคนอื่นและทุกครั้งที่เธอจับได้สามีของเธอก็จะขอโทษและขอร้องให้กลับมาคบกันซึ่งช่วงแรกๆนั้นเธอก็อภัยให้กับสามีของเธอแต่หลังๆนั้นรู้สึกว่าสามีของเธอนั้นนอกใจเธออยู่เรื่อยๆเธอจึงได้ตัดสินใจที่จะเลิกคบโดยเธอได้บอกเลิกกับสามีของเธอ

          ซึ่งในขณะนั้นยังไม่ได้แต่งงานกันแต่ฝ่ายชายนั้นได้มีการข่มขู่เธอโดยมีการหูเธอว่าจะเอาคลิปตอนที่เธอกับสามีมีอะไรกันส่งไปให้เพื่อนๆดูทำให้เธอเกิดความอับอายและไม่อยากให้พ่อแม่ของเธอนั้นรู้เรื่องเธอจึงได้มีการยอมกลับไปคบกับสามีของเธออีกครั้ง

ซึ่งการกลับไปในครั้งนี้นั้นเธอได้ตั้งท้องขึ้นมาจึงได้ตัดสินใจที่จะจดทะเบียนแต่งงานกันในระหว่างที่เธอกลับมาแต่งงานกับสามีและในช่วงที่เธอท้องอยู่นั้นเธอก็ยังจับได้อีกว่าสามีของเธอนั้นนอกใจไปมีผู้หญิงคนอื่นซึ่งแม้แต่เธอคลอดลูกออกมาเพียงแค่ 7 วันเท่านั้นก็ยังจับได้ว่าสามีของเธอนั้นซุกกิ๊กทำให้เธอนั้นรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากและในที่สุดเธอก็ตัดสินใจว่าเธอจะเลิกรากับสามีของเธอ

          โดยเมื่อสามีของเธอมาขอคืนดีเธอจึงยืนยันในเรื่องของการเลิกและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสามีของเธอก็มักจะโพสต์ Facebook ข่มขู่เธอเป็นประจำโดยมีการโพสต์รูปปืนรวมถึงยังมีการโพสต์ข้อความด่าเธอภายในเฟซและยังระบุว่าเธอนั้นเป็นผู้หญิงไม่ดีนอกจากนี้สามีของเธอยังได้นำคลิปวีดีโอที่เธอกับสามีมีเพศสัมพันธ์กันมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์อีกด้วยซึ่งได้สร้างความอับอายให้กับเธอเป็นอย่างมากเพราะเธอเคยได้เดือนจะมีของเธอแล้วว่าถ้าหากเผยแพร่คลิปของเธอเธอจะเอาผิด พรบ. คอมพิวเตอร์แต่สามีของเธอไม่เกรงกลัว 

            อย่างไรก็ตามในตอนนี้นั้นเธอได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับสามีของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้วและเธอต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเพราะเรื่องนี้สร้างความเสียหายและความอับอายให้กับเธอเป็นอย่างมากเลยทีเดียวซึ่งต่างจากคนในโลกออนไลน์ได้เห็นข้อความที่เธอบรรยายลงไปนั้นต่างก็พากันเข้ามาให้กำลังใจเธอกันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.    ทางเข้า ufabet

ทหารเรือหื่น แอบถ่ายเป้ายิมนาสติกสาว 

ทหารเรือหื่น แอบถ่ายเป้ายิมนาสติกสาว 

          ในโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอเป็นคลิปของสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งระบุว่าเป็นอาคารนิมิบุตรสนามกีฬาแห่งชาติปทุมวันโดยในคลิปนั้นจะเป็นการแข่งขันกีฬายิมนาสติกลีลาซึ่งในคลิปจะเห็นได้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังถูกคนอื่นในสนามกีฬานั้นพากันจับกุมและใช้ที่ถูกจับกุมนั้นร้องส่งเสียงโวยวายให้คนเข้าช่วยเหลือ 

        สำหรับคลิปวีดีโอดังกล่าวนั้นมีการระบุเอาไว้ว่าเป็นคลิปวีดีโอที่ทางผู้ปกครองของนักกีฬายิมนาสติกที่มีการจัดแข่งขันกีฬากันขึ้นเมื่อวันที่ 21 เดือนกันยายนปีพศ2563 ได้กับคุณผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเชื่อว่าเป็นคนโรคจิตมาแอบถ่ายเป้าและหน้าอกของนักกีฬายิมนาสติกที่กำลังแข่งขันกันอยู่

         โดยทางด้านผู้ปกครองที่อยู่ภายในคลิประบุว่า  พวกเขามักจะเห็นชายคนดังกล่าวนั้นเข้ามาชมการแข่งขันกีฬายิมนาสติกเป็นประจำและสังเกตเห็นว่าได้มีการตั้งกล้องค่อนข้างต่ำคล้ายกับว่าจะส่องไปที่บริเวณเป้าของนักกีฬา  และในวันดังกล่าวนั้นบรรดาผู้ปกครองของนักกีฬาจึงได้รวมตัวกันเพื่อไปพูดคุยกับชายหนุ่มเพื่อขอดูกล้องที่ถ่ายว่ามีการถ่ายรูปอะไรไปบ้างแต่ชายคนดังกล่าวนั้นไม่ยอมให้พร้อมทั้งจะวิ่งหนีทางด้านคนอื่นๆจึงได้มีการรวมตัวกันสักกลมเอาไว้และก็เป็นไปตามเหตุการณ์ที่เห็นภายในคลิปนั้นเอง

       โดยเรื่องนี้ได้รับการยืนยันออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าชายที่อยู่ในคลิปที่เป็นคนโรคจิตนั้นเป็นนายทหารซึ่งมียศเป็นถึงเรือตรี   โดยทางด้านผู้ปกครองได้พากันรวมตัวกับชายคนดังกล่าวไปแจ้งความที่สถานีตำรวจแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีปทุมวันนั้นยืนยันว่าไม่สามารถแจ้งความดำเนินการเอาผิดได้ถึงแม้ว่าจะสามารถเช็คจากกล้องของชายคนดังกล่าวได้ว่าเป็นการแอบถ่ายตรงบริเวณเป้าและบริเวณหน้าอกของนักกีฬายิมนาสติกแต่เนื่องจากว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าไม่ได้มีความผิดตามกฎหมาย

           ดังนั้นทางด้านปกครองจึงได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้และได้มีการรายงานไปยังต้นสังกัดของนายทหารเรือคนดังกล่าวแต่ผ่านมาแล้วหลายเดือนผลการดำเนินการก็ไม่มีความคืบหน้าในการเอาผิดนายทหารเรือคนดังกล่าวแต่อย่างใดผู้ปกครองจึงได้มีการรวมตัวกันนำคลิปดังกล่าวมาเผยแพร่ลงใน Facebook เพื่อหวังที่จะให้เกิดเป็นกระแสโด่งดังและให้หัวหน้างานของนายทหารเรือคนดังกล่าวออกมาชี้แจงเกี่ยวกับบทลงโทษของทหารเรือคนนั้น

          และหลังจากที่มีการแชร์คลิปนี้ออกมาทำให้กองทัพเรือจำเป็นที่ต้องออกมาแถลงการณ์ทันทีว่าหลังจากที่ได้รับการฟ้องร้องมาจากทางผู้ปกครองของนักกีฬายิมนาสติกกองทัพเรือก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีการลงโทษทหารเรือคนดังกล่าวไปแล้วโดยมีการตัดค่าเบี้ยเลี้ยงเป็นจำนวนครึ่งปีด้วยกัน  แต่ทางคนในโลกออนไลน์ยังไม่ค่อยพอใจ ตอ้งการให้มีการลงโทษให้หนักกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ต้องรอดูว่าทางกองทัพเรือจะดำเนินการอย่างไรต่อไป 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    gclub สมัครสมาชิก

Order แรกของการส่งของออนไลน์ ก็ทำเอาปวดใจ  แต่เมื่อฟังเหตุผลแล้วน่าสงสาร 

Order แรกของการส่งของออนไลน์ ก็ทำเอาปวดใจ  แต่เมื่อฟังเหตุผลแล้วน่าสงสาร 

        ร้านค้าเพิ่งเปิดขายของออนไลน์ เป็นครั้งแรกและมีลูกค้าสั่งสินค้าเป็น Order แรก  แต่ปรากฏว่าลูกค้าคนดังกล่าวนั้นต้องการที่จะขอคืนสินค้าที่มีการสั่งไป  ซึ่งเมื่อทางร้านค้าได้อ่านเหตุผลที่แสนจะเจ็บปวดของลูกค้าที่ต้องการคืนสินค้านั้นก็จำเป็นต้องยอมเนื่องจากว่าเหตุผลในการยกเลิกสินค้านั้นเป็นเรื่องที่เศร้ามากถึงขนาดที่ร้านค้าต้องออกมาโพสให้กำลังใจลูกค้าที่ยกเลิกสินค้ากันเลยทีเดียว 

       สำหรับในปัจจุบันนี้ มีคนนิยมหันมาขายของกันผ่านทางออนไลน์กันมากขึ้นแทนที่จะเป็นการขายของผ่านทางหน้าร้านเนื่องจากว่าไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่และเดี๋ยวนี้ลูกค้าก็หันมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์กันเยอะขึ้นเพราะว่าไม่ต้องเดินทางไปซื้อถึงที่ร้านไม่ต้องเสี่ยงที่จะเจอกับไวรัสโควิด และที่สำคัญของก็ส่งถึงบ้านตรงเวลา

           ทำให้ปัจจุบันนี้ร้านค้าที่เปิดขายสินค้าออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการเปิดขายผ่านทาง facebook หรือ Instagram หรือแม้แต่การผ่านทางแอพพลิเคชั่น shopee หรือแม้แต่ Application Lazada ต่างก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากซึ่งเรียกได้ว่าในตอนนี้นั้นบรรดาร้านค้าที่ขายผ่านระบบออนไลน์นั้นขายดีเป็นแบบเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว

         อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าตอนนี้มีคนหันมาขายสินค้าออนไลน์กันเป็นจำนวนมากดังนั้นการแข่งขันจึงค่อนข้างสูงร้านค้าที่พึ่งเปิดใหม่และลูกค้ายังไม่เคยเข้ามาใช้บริการนั้นก็จะเสี่ยงและลุ้นมากว่าจะมีลูกค้ามาซื้อสินค้าของตนเอง

หรือไม่เพราะสินค้าที่มาขายในระบบออนไลน์นั้นก็มีลักษณะที่คล้ายๆและเหมือนกันอย่างเช่นร้านค้ารายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ผ่าน Facebook ของตนเองเมื่อวันที่ 9 เดือนเมษายน ปี พ.ศ 2554 ว่าเขาเพิ่งเป็นร้านค้าพึ่งเปิดใหม่และเขาเพิ่งได้รับการสั่งออเดอร์รายแรกจากลูกค้าท่านหนึ่งแต่แล้วอยู่ดีๆลูกค้าก็ทำเรื่องขอคืนสินค้าโดยให้เหตุผลว่าเขาไม่ต้องการที่จะได้สินค้าชิ้นนี้แล้ว

           ซึ่งแน่นอนว่าการที่ลูกค้า cancel Order นั้นมันจะมีผลต่อการประเมินของร้านค้าเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียวแต่เมื่อทางด้านร้านค้าได้มาดูเหตุผลของการขอยกเลิกสินค้าเขาได้มีการระบุรายละเอียดชี้แจงเพิ่มเติมได้ว่าสาเหตุที่เขาไม่ต้องการสินค้าของร้านขณะนี้นั่นก็เพราะว่าสินค้าชิ้นนี้นั้นเขาตั้งใจซื้อให้กับแฟนสาวของเขาและแฟนสาวของเขาเป็นคนเลือกสินค้าชิ้นนี้เองแต่หลังจากที่มีการสั่งซื้อไปแล้ว

        ปรากฏว่าเขาและแฟนสาวของเขานั้นเลิกกันซึ่งสินค้าที่เขาสั่งไปนั้นเขาไม่สามารถใช้ได้เนื่องจากว่าเขามีฐานะยากจนและเขาไม่ได้มีรถขับดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้สินค้าชิ้นนี้เพราะแฟนสาวของเขาก็ไม่ยอมรับสินค้าที่เขาสั่งซื้อให้ซึ่งเหตุผลนี้เองที่ทำให้ร้านค้าถึงขนาดที่ต้องออกมาโพสต์ให้กำลังใจลูกค้ารายแรกของร้านเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย    ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

ผู้ประกาศ Top News ออกมาเตือนเดี๋ยวไม่มีของอร่อยกิน 

ผู้ประกาศ Top News ออกมาเตือนเดี๋ยวไม่มีของอร่อยกิน 

Twitter  ติดแฮชแท็ก  MK  และยาโยอิ  ทำเอาผู้ประกาศ Top News ออกมาเตือนเดี๋ยวไม่มีของอร่อยกิน 

       หากใครที่เป็นคนที่เล่น Twitter และมีการติดตามทวิตเตอร์ใหม่ๆจะรู้ว่าตอนนี้ได้มีกระแสการติดแฮชแท็กขึ้นมาเป็นการเชิญชวนให้คนแบรนด์ร้านอาหาร MK และร้านอาหารยาโยอิ  ซึ่งมีคนเป็นจำนวนมากที่พากันรีทวิตดังกล่าวจึงเป็นกระแสโด่งดังอยู่ในโลกอยู่ในขณะนี้

        สำหรับข้อความที่มีการ Twitter เพื่อเชิญชวนให้คนในโซเชียลแบรนด์ร้าน MK และร้านยาโยอินั่นก็เพราะว่ามีชาวทวิตเตอร์รายหนึ่งมองว่าร้านอาหารทั้ง 2 ร้านนี้เป็นร้านอาหารชื่อดังแต่มีการซื้อสปอนเซอร์กับทีวีช่อง 1 ซึ่งทีวีช่องดังกล่าวนั้นเป็นช่องที่ต่อต้านกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงชู 3 นิ้วหรือต่อต้านการประท้วงของกลุ่มนักศึกษา

    และค่อนข้างที่จะเอาใจเอนเอียงไปทางฝ่ายรัฐบาลจึงทำให้คนที่มีการทวีตเชิญชวนให้แบรนด์ร้าน MK และร้านยาโยอินั้นเกิดความไม่พอใจจึงได้มีการปลุกกระแสดังกล่าวขึ้นมา  โดยมีการทวิตเชิญชวนเพื่อนๆให้มีการแบนสินค้าของร้าน MK และร้านยาโยอิขึ้นเมื่อวันที่ 22 เดือนมีนาคมปีพศ. 2564 นั่นเอง 

         อย่างไรก็ตามกระแสการโปะให้มีการแบนร้าน MK และร้านยาโยอินั้นยังคงดังต่อเนื่องซึ่งแน่นอนว่าไม่มีสพรรคก้าวไกลคนหนึ่งที่ชื่อว่านางอมรรัตน์  โชคปมิตต์กุล  ได้ออกมาพูดถึงการติดแฮชแท็กแบรนด์ร้าน MK และร้านยาโยอิ

             ซึ่งส.ส. คนดังกล่าวนั้นเห็นด้วยทั้งยังมีการโพสต์อีกด้วยว่าถึงแม้เธอจะชอบกินร้านทั้งสองนี้มากแต่เธอก็จะไม่ไปกินอีกต่อไปโดยเธอมองว่าเมื่อร้าน MK และร้านยาโยอิเลิกเป็นสปอนเซอร์ให้กับสื่อช่องทางเก่าเมื่อไหร่เธอถึงจะกลับไปใช้บริการเหมือนเดิม

         แน่นอนว่าเมื่อข้อความที่เธอโพสต์ออกไปนั้นมีการแชร์ต่อๆกันไปก็มีผู้ประกาศข่าวของท็อปนิวท่านหนึ่งซึ่งเคยได้รับอาหารจากร้าน MK และร้านยาโยอิที่ส่งมาให้ทางผู้ประกาศข่าวได้กินฟรีนั่นก็คือนายสถาพร เกื้อสกุล เมื่อเขาได้เห็นข้อความของส.ส. ของพรรคก้าวไกลก็ทำให้เขานั้นต้องออกมาตอบโต้

             โดยมีการโพสต์ข้อความว่าถ้าหากว่าคนเราจะแบนร้านอาหารทุกอย่างที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับสื่อดังรายดังกล่าวก็ให้คนที่แบบนั้นระวังว่าตนเองจะไม่มีของอร่อยกินแล้วจะหาว่าเขาไม่ออกมาเตือนเรื่องนี้ซึ่งจากการที่นายสถาพรได้ออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าวนั้นก็ปลูกกระแสในทวิตเตอร์ได้อย่างมากเลยทีเดียวเพราะมีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยกับการแบน และกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

ทำโรงเรียนต้องปิดชั่วคราว 

ทำโรงเรียนต้องปิดชั่วคราว 

ครูในโรงเรียนดังของพิษณุโลกขึ้นเครื่องบินไฟท์เดียวกับผู้ป่วยที่ติดโควิด-19 ทำโรงเรียนต้องปิดชั่วคราว 

       นับได้ว่าปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการระบาดของไวรัสโคโรนาที่กำลังกลับมาบาทใหม่ในตอนนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อไหลหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนขับรถตู้และกลุ่มคนเดินทางที่นั่งรถตู้คันเดียวกับคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิคหรือแม้แต่ในขณะนี้ก็มีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลกซึ่งเป็นโรงเรียนดังประจำจังหวัดได้ออกมาประกาศปิดโรงเรียนชั่วคราว

         ส่วนสาเหตุนั้นก็เพราะว่ามีการตรวจสอบพบว่าผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นได้นั่งเครื่องบินและไฟท์บินดังกล่าวนั้นนอกจากสองผลกระทบต่อกัปตันบนเครื่องบินและแอร์ที่ทำงานบนเครื่องบินแล้วยังส่งผลกระทบต่อผู้ที่นั่งไฟท์เที่ยวบินดังกล่าวนั้นเช่นเดียวกัน

ซึ่งมีคุณครูท่านหนึ่งที่สอนอยู่ในโรงเรียนดังในพิษณุโลกได้นั่งเครื่องบินไฟดังกล่าวด้วยทำให้เมื่อผู้อำนวยการทราบเรื่องจึงได้มีการปิดโรงเรียนเป็นการชั่วคราวตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อทำการ ทำความสะอาดพื้นที่ภายในบริเวณโรงเรียนด้วยการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคก่อนที่จะมีการกลับมาประกาศให้เปิดอีกครั้งหนึ่ง 

          อย่างไรก็ตามนี่คือความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับคนในสังคม  เพียงเพราะว่ามีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมักง่ายหนีการคัดกรองและลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ที่สำคัญยังเดินทางไปทั่วหลายจังหวัดทำให้บุคคลอื่นๆที่จำเป็นต้องใกล้ชิดกับบุคคลเหล่านี้พลอยเดือดร้อนไปด้วย 

ยังมีรายงานข่าวล่าสุดที่มีหญิงไทยจำนวน 4 คนที่เดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านและติดเชื้อไวรัสโคโรนาพร้อมทั้งหนีเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ผ่านการตรวจคัดกรองเชื้อและภายหลังพบว่าตนเองนั้นติดเชื้อไวรัสโคโรน่า  ซึ่งกว่าจะตรวจพบก็เดินทางไปหลายที่สร้างความเสียหายให้กับคนไทยหลายคนหลายกลุ่ม

          ซึ่งในความเสี่ยงนั้นส่งผลต่อหน้าที่การงานของพวกนักบินและแอร์โฮสเตสที่พวกเขาเดินทางขึ้นเครื่อง  และยังส่งผลไปยังกลุ่มคนที่เดินทางบนรถตู้นั่งรถตู้คันเดียวกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า และยังลุกลามมาถึงกลุ่มเด็กนักเรียนที่ต้องปิดโรงเรียนเนื่องจากว่ามีความเสี่ยงที่อาจจะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าจากกลุ่มคนทั้ง 4 คนนั้น

            จะเห็นได้ว่าความเห็นแก่ตัวของคนแค่เพียงไม่กี่คนส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อคนในสังคมเป็นอย่างมากเพราะเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายดังนั้นเพื่อความสงบสุขของคนในสังคม  เราทุกคนจึงควรร่วมแรงร่วมใจกันยึดตามกฎระเบียบข้อบังคับของสาธารณสุขตรวจคัดกรองตรงจุดที่มีการบังคับให้ตรวจและสวมใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านทุกครั้งเพียงเท่านี้เราก็สามารถอยู่ในสังคมได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าเชื้อไวรัสโคโรนาจะแพร่ระบาดและติดต่อกันนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย .    สมัครเว็บ ufabet

ประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศสหรัฐอเมริกา

ประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศสหรัฐอเมริกา

หลังจากที่มีการแย่งชิงตำแหน่งเก้าประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกา มาตลอดในช่วงเดือนที่ผ่านมานั้น ระหว่างเจ้าของตำแหน่งคนเดิมอย่าง โดนัลล์ ทรัมป์ กับ ผู้ท้าชิงคนใหม่อย่าง โจ ไบเดน ซึ่งในเวลานี้การเลือกตั้งก็ได้จบลงอย่างเป็นเอกฉันท์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคนอเมริกัน ก็ได้ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นที่เรียบร้อย นั้นก็คือ โจ ไบเดน ซึ่งเพราะอะไรนั้นที่ทำให้ โจ ไบเดน ได้เก้าอี้ตัวนี้ไป

นโยบายทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทางไบเดนเอง ก็ได้ให้คำมั่นกับคนของประเทศเค้าว่า เค้าจะผลักดันการใช้แนวทางการเจรจาผ่านองค์กรการค้าเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศสหรัฐ ไม่ให้เสียเปรียบกับคู่เจรจา โดยนโยบายนั้นมีชื่อ Buy American

นโยบายด้านการต่างประเทศ ซึ่งจุดนี้น่าจะเป็นคะแนนหลักที่ทำให้ โจ ไบเดน นั้นเหนือกว่า โดนัลล์ ทรัมป์ เพราะตัวเค้าเองนั้นได้ชูประเด็นว่า การแข็งกร้าวกับประเทศคู่ค้า ทำให้ประเทศอเมริกาในเวลานี้เป็นประเทศที่โดดเดี่ยว และเปิดโอกาสให้ประเทศจีนขึ้นมามีบทบาทต่อการค้าโลก จนทำให้ประเทศอเมริกาสูญเสียสถานการณ์เป็นผู้นำในระบบการค้าเสรีลงทันที ดังนั้นตัวเค้าเองจะดึงบทบาทผู้นำตรงนี้กลับมาด้วยการรักษาสันติภาพของโลก พร้อมๆ ไปกับการรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาเอง

นโยบายด้านสีผิว ความเหลื่อมล้ำและการเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งตัวเค้าเองเลือกที่จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิว และต้องการหยิบยื่นความยุติธรรมให้กับคนผิวสี ซึ่งมีการเสนอนโยบายในการแก้ปัญหาหลายอย่างที่มักจะเกี่ยวข้องกับคนผิวสีและชนกลุ่มน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีอาญา หรือการลดบทลงโทษและเสนอการให้มีระบบประกันตัวระหว่างการสู้คดีของคนผิวสี ที่ไม่ต้องใช้เงินสด

นโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก ซึ่งทางไบเดนเองนั้น ต้องการที่จะทำข้อตกลงกับปารีสว่าด้วยการลดปัญหาโลกร้อน ด้วยการเป็นประเทศที่หยุดปล่อยก๊าซคาร์บอน และห้ามมีการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในเขตที่ดินสาธารณะ และมีแผนลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดอีกด้วย

และสุดท้ายเรื่องที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ โจ ไบเดน ชนะโดนัลล์ ทรัมป์ และขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกานั้น ก็น่าจะมาจากท่าทีประนีประนอมของนายไบเดน ที่เป็นการเปิดโอกาสร่วมมือกับประเทศแถบเอเชียเพื่อคานอำนาจกับประเทศจีน แทนที่จะเป็นการใช้นโยบายภาษีซึ่งกายเป็นชนวนสงครามการค้าขึ้นมาในยุคสมัยของ โดนัลล์ ทรัมป์ ซึ่งจุดนี้เองที่เป็นข้อกังขาและทำให้ ตัวทรัมป์ เองสร้างศัตรูกับหลายๆประเทศ จนทำให้ตัวทรัมป์ สูญเสียคะแนนความนิยมนี้ไป และสุดท้าย โจ ไบเดน ก็ได้กลายเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศอเมริกา

 

สนับสนุนโดย  ufabet

ตะปูยัดไส้ก้ามกุ้ง

ตะปูยัดไส้ก้ามกุ้ง

         เกี่ยวกับเรื่องของอาหารการกินที่เรามักไปซื้อของสดมาเพื่อเอามาทำกินเองที่บ้านแล้วบางครั้งก็อาจจะเจอการยัดไส้เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับสินค้านั้นๆซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกปลาที่เรามักจะเห็นข่าวอยู่เป็นประจำแต่ล่าสุดได้มีหญิงสาวคนหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความลงใน Facebook ส่วนตัวของเธอ

ระบุว่าเธอเจอกับกุ้งยัดไส้โดยเธอได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอประสบมานั่นก็คือเธอได้เดินทางไปที่ตลาดซึ่งเป็นตลาดที่อยู่ใกล้กับสวนจตุจักรเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงดังมากในเขตกรุงเทพฯที่มีของต่างๆมากมายให้ซื้อและเป็นของสด

ซึ่งตลาดแห่งนี้นับได้ว่าเป็นตลาดที่ขายสินค้าแพงตลาดหนึ่งในกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้แต่ก็เป็นตลาดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยปัญหาที่เธอพบก็คือเธอตั้งใจไปซื้อกุ้งก้ามกรามเพื่อนำมาใช้ประกอบอาหารกินกับคนที่บ้านซึ่งเธอได้ซื้อมาทั้งหมด 2 กิโลกรัม

โดยแม่ค้าคิดค่ากุ้งกิโลกรัมละ 950 บาททำให้เธอต้องเสียเงินค่าซื้อกุ้งในครั้งนั้น 1,900 บาทโดยได้กุ้งมาทั้งหมด 7 ตัวด้วยกันแต่หลังจากที่เธอนำกุ้งมาประกอบอาหารเพื่อรับประทานกับที่บ้านแล้วปรากฏว่าในขณะที่เธอนั้นกำลังหักกล้ามของกุ้งกับพบว่ามีการสอดไส้ด้วยการนำตะปูมาเจาะใส่ตรงตามของกุ้งซึ่งตะปูดังกล่าวนั้น

ได้ถูกตัดหัวออกเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นหมายถึงว่าเธอถูกเพิ่มน้ำหนักของกุ้งก้ามกรามทำให้เธอได้กุ้งน้อยลงแต่ว่าจ่ายเงินเยอะขึ้นซึ่งเธอมองว่าการที่แม่ค้าขายกุ้งก้ามกรามทำแบบนี้ก็เป็นการโกงลูกค้านั่นเองจึงได้โพสต์ข้อความเตือนให้กับคนในโลกออนไลน์ได้ทราบกลโกงของแม่ค้าที่ตลาด อตก. โดยหวังว่าถ้าหากใครไปซื้อสินค้าก็ให้มีการตรวจสอบให้ดีเพราะอาจจะโดนอย่างที่เธอโดนก็ได้ที่เป็นการสอดไส้เพื่อเพิ่มน้ำหนักของสินค้า 

           อย่างไรก็ตามหญิงสาวได้มีการออกมาโพสอีกครั้งหนึ่งว่าหลังจากที่เธอมีการโพสต์เกี่ยวกับเรื่องของกุ้งก้ามกรามโดนยัดไส้เธอก็ได้มีการติดต่อไปที่แม่ค้าที่ขายกุ้งให้กับทางด้านแม่ค้าเองก็ออกมาขอโทษและพร้อมจะรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นโดยได้แม่ค้านั้นยินดีที่จะจ่ายเงิน 1,900 บาทที่เธอเสียไปในการซื้อกุ้งคืนให้กับลูกค้าครั้งนี้เธอจึงได้มาโพสต์ชี้แจงให้ทราบว่าทางร้านรับผิดชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องนี้มีการวิเคราะห์ออกมา 2 แบบก็คือแม่ค้าอาจจะไม่รู้เรื่องกับการที่มีการยัดไส้ตะปูที่ก้ามของกุ้งก็เป็นไปได้เพราะว่ากุ้งนั้นซื้อมาแบบสดซึ่งแม่ค้าก็ต้องรับมาจากชาวประมงอีกทีนึงซึ่งคาดว่าอาจจะมาตากชาวประมงก็เป็นไปได้ดังนั้นปัญหาตรงนี้จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าคนที่ยัดไส้กุ้งจริงๆแล้วเอามาจากไหนกันแน่แต่อย่างไรก็แล้วแต่ทางด้านแม่ค้าก็ออกมารับผิดชอบปัญหาดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  gclub

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa