หมวดหมู่: ข่าวทั่วไป

พ่อแม่ให้ลูกกินอาหารจนอ้วน หวังเงินจาก YouTube

พ่อแม่ให้ลูกกินอาหารจนอ้วน หวังเงินจาก YouTube

         ในโลกออนไลน์มีกระแสออกมาต่อต้านครอบครัวหนึ่งซึ่งเป็นครอบครัวชาวจีนด้วยกระแสโซเชียลได้ออกมาต่อต้านครอบครัวนี้เนื่องจากว่าครอบครัวนี้จะประกอบด้วยพ่อกับแม่และลูกสาววัยเพียงแค่ 3 ขวบเท่านั้น

ซึ่งคนในโลกออนไลน์รู้จักครอบครัวนี้จากการที่พ่อกับแม่นั้นมักจะถ่ายคลิปลง YouTube อยู่เป็นประจำซึ่งจุดดังกล่าวจะเป็นทริปเกี่ยวกับการที่พวกเขานั้นเลี้ยงลูกด้วยการนำอาหารมาให้ลูกของเขากินโดยแรกๆนั้นกลุ่มคนโซเชียลของประเทศจีน

ต่างก็รู้สึกถึงความน่ารักของเด็กที่กินง่ายอยู่ง่ายพ่อกับแม่เอาอะไรมาให้กินก็จะกินหมดและกินในปริมาณมากแต่ช่วงหลังๆมากลับพบว่าพ่อแม่นั้นมักจะนำอาหารมาให้ลูกกินเยอะมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งเมื่อ 2 ปีก่อนเด็กยังคงความน่ารักเพราะยังกินแล้ว

กำลังง่วนจ้ำม่ำพอดีแต่หลังจากที่มีการลงคลิปของเด็กหน่อยครั้งเท่าและมีคนเข้ามาดูเป็นจำนวนมากซึ่งพ่อแม่จะได้เงินรายได้จากการที่คนเข้ามาดูคลิปในยูทูปทำให้พวกเขานั้นเริ่มบังคับให้ลูกของเขากินอาหารเยอะมากขึ้นเรื่อยๆโดยที่ไม่ใส่ใจสุขภาพของลูกเลยว่าปัจจุบันนี้รูปของเขานั้นอ้วนมากแค่ไหน

เพราะคนในโลกออนไลน์เรื่องเห็นแล้วว่าหลังจากผ่านไปสองปีเด็กวัยเพียงแค่ 3 ขวบเท่านั้นมีน้ำหนักมากหรือ 35 กิโลกรัมซึ่งเกินกว่ามาตรฐานเด็กทั่วไปหลายเท่าซึ่งในขณะนี้เรียกได้ว่าเด็กคนดังกล่าวนั้นนับว่าเป็นโรคอ้วนแต่แทนที่พ่อแม่จะพาลูกไปรักษาและควบคุมการกินอาหารของลูกพวกเขายังคงอัดคลิปวีดีโอลง YouTube ให้ลูกกินอาหารที่มีแคลอรี่สูง

ทั้งขนมและเค้กรวมถึงกับข้าวในปริมาณมากโดยที่ไม่ยอมควบคุมอาหารให้กับลูกเลยดังนั้นคนในโลกออนไลน์จึงเริ่มรู้สึกว่าพ่อแม่คู่นี้ไม่ได้รักลูกอย่างแท้จริงหวังเพียงแค่ว่าจะหารายได้จากการที่เอาคลิปลูกกินเยอะๆมาอวดชาวบ้านแล้วได้เงินจากการขายโฆษณาจากทาง YouTube นั่นเอง

ซึ่งเมื่อคนในโลกออนไลน์เห็นความเห็นแก่ตัวที่พ่อกับแม่มีต่อลูกก็ได้ออกมาต่อว่ารุมด่ากันเป็นจำนวนมากโดยหลายคนมองว่าสิ่งที่พ่อไม่ได้ทำกับเด็กนั้นเป็นการใช้ลูกของตนเองมาเป็นเครื่องมือในการหากินซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรที่จะทำอย่างยิ่ง

สำหรับพ่อกับแม่ที่มีต่อลูกของตนเองขณะนี้ทางด้านคนในโลกออนไลน์ของประเทศจีนอาจจะรู้สึกไม่พอใจพ่อแม่ของเด็กหญิงคนดังกล่าวเป็นอย่างมากซึ่งมีหลายคนพร้อมที่จะออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเด็กด้วยการที่จะประสานงานไปที่เจ้าหน้าที่ทางด้านกฎหมายเพื่อให้ดำเนินคดีกับพ่อแม่คู่นี้เรื่องตะกร้าการกระทำดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของเด็ก

และนับได้ว่าสิ่งที่พ่อกับแม่ทำกับลูกของเขานั้นถือว่าเป็นการทำร้ายลูกหนังมากเลยทีเดียวเพราะไม่ใช่เพียงแค่เด็กจะอ้วนเกินไปมากเท่านั้นแต่ยังเป็นที่มาของโรคภัยไข้เจ็บอีกนานละกันที่เด็กคนนี้จะต้องเจอในอนาคตนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

สามีฆ่าภรรยาตายฝังหมกเอาไว้ในสวนมะนาว 

สามีฆ่าภรรยาตายฝังหมกเอาไว้ในสวนมะนาว 

          ที่จังหวัดอ่างทองเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าได้ มีคนเจอศพผู้หญิงถูกฝังเอาไว้ภายในร่องน้ำของสวนเมื่อเดินทางไปถึงก็พบกับเจ้าของสวนได้ชี้จุดที่พบศพและเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำศพขึ้นมาจากร่องน้ำก็พบว่ามีญาติของผู้เสียชีวิต

เดินทางมาดูเหตุการณ์ด้วยและยืนยันว่าศพดังกล่าวนั้นเป็นศพของนางสาววนิดาซึ่งหญิงสาวนั้นมีบ้านอยู่ใกล้กับจุดที่พบศพโดยทางครอบครัวของนางสาววนิดานั้นได้มีการไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้ให้ติดตามตัวคนหายเนื่องจากว่านางสาววนิดาหายตัวออกจากบ้านไปนานเกิน 4 วันแล้ว

อย่างไรก็ตามทางด้านครอบครัวของนางสาววนิดานั้นยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ดำเนินการฆ่านางสาววนิดาแต่ในขณะนั้นได้มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นเพื่อนกับสามีของนางสาววนิดาได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคนที่ลงมือก่อเหตุฆ่านางสาววนิดานั้นคือสามีของเธอเองเนื่องจากว่าในช่วงวันที่ 17 เดือนสิงหาคม ปีพศ2563

สามีของนางสาววนิดาว่าไงเมฆได้เดินทางมาหากันเองที่บ้านพร้อมกับบอกให้ช่วยพานาย เมฆหนี  ซึ่งเมื่อถามถึงสาเหตุที่ต้องพาหนีตำรวจนั้น นายเมฆ ได้บอกว่าตนเองนั้นได้ลงมือฆ่านางสาววนิดาตายส่วนสาเหตุของการฆ่ากันนั้นน่าจะเกิดจากความหึงหวงเนื่องจากว่าก่อนหน้านั้น นาย เมฆเคยมาปรึกษาเพื่อนว่าจับได้ว่านางสาววนิดานั้นกำลังนอกใจ 

             การสำรวจเบื้องต้นนั้นพบว่ามีร่องรอยการถูกบีบคอกินข้าวว่าคนร้ายน่าจะมีการดูดคอผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้วนำศพมาฝังที่สวนมะนาวเป็นเจ้าของสวนได้เดินทางมาเห็นศพในที่สุดซึ่งในขณะนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปที่บ้านแม่ของนายเมฆปรากฏว่าพ่อของนายแม่ไม่อยู่บ้านเลยแม่บอกว่าพ่อกับนายเมฆนั้น

ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าพ่อของนายแม่น่าจะรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้ภายในเพจนั้นบ่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปโดยมีการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของในเมื่อครั้งสุดท้ายพบว่ามีการเปิดเครื่องแถวบริเวณจังหวัดสุพรรณบุรี

หลังจากนั้นสัญญาณก็ตัดหายไปซึ่งคาดว่านาย เมฆและพ่อนั้นน่าจะพยายามหนีออกนอกประเทศไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านแต่ทางนี้ยังไม่รู้ว่าสามารถเดินทางออกไปได้แล้วหรือไม่หรือยังอยู่ในประเทศไทยซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามหาตัวมาดำเนินคดีต่อไป  ส่วนทางด้านแม่ของผู้เสียชีวิตนั้นในข้อมูลว่าค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นลูกเขยของตนเอง

ที่ฆ่าลูกสาวแต่ก็ต้องรอการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนเพราะไม่อยากปรับปังโดยยังไม่มีหลักฐานแต่ถ้าหากเป็นลูกเขยฆ่าลูกสาวจริงก็อย่าที่จะให้ลูกเขยงั้นตายตามลูกสาวไปและที่สำคัญตลอดชีวิตนี้จะไม่มีทางให้อภัยลูกเขยอย่างเด็ดขาดดังนั้นหากท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวมาได้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพามาขออโหสิกรรม

 

สนับสนุนโดย  gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20

แฟนสาวรอดแต่ตัวเองจมน้ำเสียชีวิต

แฟนสาวรอดแต่ตัวเองจมน้ำเสียชีวิต

ชายหนุ่มมาช่วยแฟนสาวที่ขับรถเก๋งตกคลอง แฟนสาวรอดแต่ตัวเองจมน้ำเสียชีวิต

    ที่จังหวัดกำแพงเพชรมีเหตุการณ์ที่สร้างความเสียใจให้กับใครหลายๆคนที่ได้เห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมากโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาช่วงดึกเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งเธอได้ประสบอุบัติเหตุขับรถตกคลองแถวบริเวณใกล้ๆกับบ้านของแฟนหนุ่มของเธอ

ในขณะที่รถกำลังไถลลงแม่น้ำนั้นเธอก็มีสติพอที่จะโทรแจ้งให้แฟนของเธอทราบว่าตอนนี้เธอกำลังติดอยู่ในรถเก๋งและรถเก๋งนั้นกำลังค่อยๆจมลงไปในคลองและมีการบอกพิกัดว่ารถของเธอนั้นอยู่ตรงบริเวณไหน

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานแฟนหนุ่มของเธอนั้นก็ได้รีบเดินทางมาถึงจุดที่เกิดเหตุทันทีและด้วยความที่ต้องการช่วยเหลือแฟนเขาจึงกระโดดลงไปในน้ำพร้อมทั้งไปช่วยทุกกระจกรถเครื่องให้กระจกแตกเพื่อที่จะได้ช่วยแฟนสาวออกมานอกรถให้ได้

ซึ่งในที่สุดแล้วชายหนุ่มก็ทำสำเร็จเขาสามารถช่วยเหลือให้แฟนสาวนั้นพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำได้แต่น่าเสียใจสำหรับตัวเขาเองนั้นเนื่องจากว่าเขาใช้แรงทั้งหมดไปจากการช่วยเหลือแฟนและต้องหายใจอยู่ในน้ำเป็นระยะเวลานานทำให้ในที่สุดแล้วชายหนุ่มก็หมดแรงแล้ว

หมดสติลงในน้ำทางด้านแฟนสาวของเข้านั้นเมื่อโผล่ขึ้นมาจากน้ำแล้วไม่เห็นแฟนหนุ่มของตนเองก็ได้เรียกให้ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวนั้นมาช่วยกันตามหาแฟนหนุ่มของเธอซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะการช่วยเหลือของชาวบ้านรวมถึงทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยในการลงเข้าไปค้นหาบริเวณใต้น้ำตรงจุดที่เกิดเหตุก็พบว่าร่างของแฟนหนุ่มของเธอนั้น

นอนเสียชีวิตอยู่ตรงก้นของคลองซึ่งมีความลึกประมาณ 5 เมตรเลยทีเดียวซึ่งไปอยู่ตรงบริเวณรถยนต์ที่ตกลงไปในคลองนั่นเองกว่าทำกู้ภัยจะสามารถนำร่างของชายหนุ่มขึ้นมาได้เขาก็เสียชีวิตแล้วเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็เสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างมากเพราะความเสียสละของชายหนุ่มสามารถช่วยเหลือชีวิตของแฟนสาวตนเองขึ้น

มาได้แต่ตัวเองนั้นต้องมาจบชีวิตลงโดยหญิงสาวที่เป็นแฟนของผู้เสียชีวิตนั้นได้เล่าให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าหลังจากที่เธอเลิกงานนั้นเธอได้ไปทำธุระกับเพื่อนและเมื่อกลับมาใกล้จะถึงเวลาเคอร์ฟิวแล้วเธอจึงรีบขับรถด้วยความเร็วทำให้พอมาถึงจุดเกิดเหตุนั้น

ด้วยเป็นมุมทางโค้งพอดีทำให้เธอไม่สามารถควบคุมรถได้และลดเกิดไถลลงไปในคลองระหว่างนั้นเธอจึงได้โทรตามแฟนให้มาช่วยแต่ไม่คิดเลยว่าการทำแฟนมาช่วยในครั้งนี้จะทำให้เธอสูญเสียแฟนของเธอไปอย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้คงเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายคนได้เกี่ยวกับเรื่องของการขับรถเร็ว

และการวางแผนในเรื่องของการเดินทางซึ่งถ้ารู้ว่าเราจำเป็นต้องกลับบ้านไม่เกินเวลากี่โมงควรจะมีการวางแผนช่วงเวลาให้แน่นอนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเร่งรีบในการขับรถเพราะเสี่ยงในการที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์

พบศพหญิงสาวเสียชีวิตบนรางรถไฟคาดถูกรถไฟเฉี่ยว 

พบศพหญิงสาวเสียชีวิตบนรางรถไฟคาดถูกรถไฟเฉี่ยว 

        เมื่อวันที่ 17 เดือนตุลาคมปีพ. ศ. 2563 ช่วงเวลาประมาณ 5:00 น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุมาจากเจ้าหน้าที่ที่ทำความสะอาด อยู่ตรงบริเวณสถานีรถไฟหลักสี่  เมื่อพบศพหญิงสาวไม่ทราบชื่อเสียชีวิตอยู่ตรงบริเวณรางรถไฟในลักษณะน่าจะถูกรถไฟทับจนเสียชีวิต

         เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็พบศพของหญิงสาวคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ซึ่งตรงบริเวณที่เสียชีวิตนั้นเป็นบริเวณที่ไฟค่อนข้างมืดจึงทำให้ไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมาตรงบริเวณนี้ด้วยคนที่เห็นศพเป็นคนแรกนั้นเป็นแม่บ้านที่ทำงานอยู่ที่สถานีรถไฟหลักสี่โดยระบุว่าบังเอิญเธอผ่านมาตรงบริเวณนี้พอดีเห็นตรงบริเวณรางรถไฟมีวัตถุตกอยู่ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับตุ๊กตาเมื่อเดินไปใกล้ๆจึงพบว่าเป็นมนุษย์หลังจากนั้นจึงได้รีบแจ้งความให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางเข้ามาตรวจสอบทันที

        อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุได้พบกระเป๋าของผู้เสียชีวิตตกอยู่บริเวณใกล้เคียงซึ่งต่อมาทำให้ทราบว่าผู้เสียชีวิตนั้นเป็นหญิงสาวอายุ 38 ปี โดยในกระเป๋ายังมีบัตรที่แสดงถึงสถานที่ทำงานของเธอซึ่งระบุว่าเธอนั้นเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยและจากการตรวจสอบชื่อนามสกุลจึงพบว่าเธอทำงานอยู่ ที่สถานีรถไฟหัวลำโพงโดยมีตำแหน่งหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์

        และจากการสอบถามเพื่อนร่วมงานของเธอทำให้ทราบว่าเธอนั้นจะต้องมีการเดินทางกลับบ้านซึ่งเส้นทางการกลับบ้านของเธอนั้นจะต้องมีการนั่งรถไฟจากสถานีหัวลำโพงเพื่อมาลงตรงบริเวณสถานีหลักสี่หลังจากนั้นจึงต่อรถไปที่บ้านอีกทอดหนึ่งโดยการเดินทางของเธอจะเป็นลักษณะแบบนี้ทุกวันซึ่งโดยปกติแล้วเธอจะเดินทางมาถึงสถานีรถไฟหลักสี่ช่วงประมาณ 

21:00 น. ของทุกวัน

           ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สันนิษฐานว่าวันที่เกิดเหตุนี้เธอก็น่าจะเดินทางจากที่ทำงานเพื่อมาลงสถานีหลักสี่เพื่อกลับบ้านเช่นเดียวกันแต่น่าจะบังเอิญว่าเกิดลื่นตกรถไฟในขณะที่ตอนนั้นรถไฟอาจจะยังจอดไม่สนิทและหลังจากตกมาแล้วน่าจะมีรถไฟอีกขบวนหนึ่งส่วนมาพอดีทำให้เธอถูกรถไฟอีกขบวนหนึ่งเฉี่ยวชนและพับได้แต่ทั้งนี้ที่ไม่มีใครเห็นศพของเธอนั้นก็เพราะว่าตรงจุดนี้เป็นจุดที่ค่อนข้างมืดจึงอาจจะไม่มีใครสังเกตเห็นศพจัดแม่บ้านผ่านมาจึงได้เห็นนั่นเอง

           อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้มีการประสานงานกู้ภัยนำศพของหญิงสาวไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตเพิ่มก็ได้มีการประสานงานไปยังญาติพี่น้องของหญิงสาวที่เสียชีวิตเพื่อให้มาติดต่อนำศพของหญิงสาวไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

 

สนับสนุนโดย    สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

เรียกร้องเงิน 1 ล้านบาทจากเจ้าของหมา

เรียกร้องเงิน 1 ล้านบาทจากเจ้าของหมา

คุณตาออกมาชี้แจงไม่ได้เรียกร้องเงิน 1 ล้านบาทจากเจ้าของหมาที่วิ่งตัดหน้ารถจนทำให้เมียตาย 

           จากกรณีที่มีข่าวก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเรื่องของคุณตาวัย 63 ปีท่านหนึ่งได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์พาภรรยาวัย 60 ปีไปทำงานในช่วงเช้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรีแต่ระหว่างการเดินทางไปนั้นได้ขับรถไปตามซอยของหมู่บ้านปรากฏว่าได้มีหมาตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถของคุณตาจนเป็นเหตุให้รถคุณตาเสียหลักล้มภรรยาที่นั่งซ้อนท้ายมาปกรถมอเตอร์ไซค์และโชคไม่ดีหัวกระแทกกับพื้นอย่างแรงเป็นเหตุให้คุณยายวัย 60 ปีเสียชีวิตทันที 

          อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในวันนั้นทางด้านเจ้าของสุนัขตัวดังกล่าวได้ออกมายืนยันว่าเขายินดีจะรับผิดชอบทุกอย่างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเขาเองก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย โดยทางเจ้าของสุนัขยืนยันว่าเงินค่าเรียกร้องที่คุณตาวัย 63 ปีจะได้รับนั้นจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่งต่อหน้าทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ

         อย่างไรก็ตามหลังจากที่ผ่านไปไม่นานก็มีข่าวออกมาถึงคุณตาวัย 63 ปีว่าได้มีการออกมาเรียกร้องเงินค่าทำขวัญกับทางเจ้าของหมาค่อนข้างสูงด้วยเงินดังกล่าวนั้นคุณตาเรียกไปถึง 1 ล้านบาทเลยทีเดียวทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจกับข่าวที่ออกมาเนื่องจากคุณตายืนยันว่าเงินค่าทำขวัญนั้นคุณตายังไม่เคยมีการพูดคุยกับทางเจ้าของสุนัขเลย

         โดยคุณตายังเล่าให้ฟังอีกว่าเจ้าของสุนัขเป็นคนดีมากๆออกมาแสดงความรับผิดชอบกับทางคุณตาด้วยการจัดงานศพให้กับคุณยายรวมถึงออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานศพสิ้นซึ่งเจ้าของสุนัขนั้นมาดูแลงานศพให้เป็นอย่างดีโดยคุณตารู้สึกพอใจกับการแสดงความรับผิดชอบของเจ้าของสุนัขและยังไม่เคยพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของเงินค่าทำขวัญอย่างที่ตกเป็นข่าวเลย

       อย่างไรก็ตามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของสุนัขที่มีการเลี้ยงเอาไว้ออกมาทำร้ายผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาไม่ว่าจะเป็นออกมากัดคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหรือวิ่งไล่ตามรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาทำให้เกิดอุบัติเหตุนั้น  ตามกฎหมายแล้วเจ้าของสุนัขจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของค่าใช้จ่ายทั้งหมดและจะต้องมีการจ่ายค่าทำขวัญให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายด้วยแต่จำนวนเงินนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้รับความเสียหายและเจ้าของสุนัขที่จะมีการตกลงกันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจว่าต้องการมากน้อยแค่ไหน

           และถ้าหากยอดที่มีการเรียกร้องจากเจ้าของสุนัขมากเกินไปหาเจ้าของสุนัขได้ยินดีจ่ายก็สามารถที่จะพูดคุยกันที่สถานีตำรวจจะตกลงกันได้  อย่างไรก็ตามทางที่ดีที่สุดนั้นการเลี้ยงสุนัขควรจะต้องดูแลสุนัขของตนเองไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นไม่ว่าจะเป็นคนที่สัญจรผ่านไปมาหน้าบ้านหรือแต่เพื่อนบ้านดังนั้นหากต้องการเลี้ยงสุนัขเจ้าของสุนัขก็ควรจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยเช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

เตือนภัยร้านค้าระวังป้ามหาภัย

เตือนภัยร้านค้าระวังป้ามหาภัย

 

เตือนภัยร้านค้าระวังป้ามหาภัย รับเงินแล้วซุกอ้างได้เงินไม่ครบ เจอกันมาแล้วหลายร้าน

        ในโลกของออนไลน์ได้มีการแชร์ Facebookเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมชอบไปซื้อของที่ร้านค้าแล้วจ่ายเงินเป็นแบงค์พันหลังจากนั้นก็มีการบอกกับพนักงานว่าได้เงินไม่ครบโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะบอกว่าเงินขาด 500 บาท

ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นที่จังหวัดนนทบุรีมีร้านค้าหลายร้านที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวว่าเหตุการณ์นี้และเจอกันมาแล้วหลายร้านลักษณะคล้ายคลึงกันจึงมีความเป็นไปได้ว่าหญิงวัยกลางคนที่มาก่อเหตุนั้นน่าจะเป็นคนคนเดียวกัน

ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้เนื่องจากว่าคนที่ก่อเหตุนั้นปิดบังใบหน้าด้วยการสวมหมวกและใส่หน้ากากอนามัยสำหรับเรื่องราวล่าสุดที่ทำให้ทางร้านออกมาเตือนภัยนี้ก็เพราะว่ามีร้านชานมไข่มุกร้านหนึ่งเปิดร้านขายกำลังใกล้จะปิดร้านแล้วโดยมีผู้หญิงวัยกลางคนใส่เสื้อสีเหลืองหมวกสีเหลือง

เดินเข้ามาที่หน้าร้านและสั่งชานมไข่มุกไปทั้งหมด 2 แก้วหลังจากนั้นก็จ่ายตังค์ด้วยแบงค์พันให้กับพนักงานซึ่งพนักงานได้มีการรับเงินและถอนให้กับลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยลูกค้ากลับบอกว่าได้รับเงินไม่ครบเพราะขาด 500 บาทพนักงานคนดังกล่าวนั้นยืนยันว่าเธอจำได้ว่าเธอจ่ายกับคืนลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เพราะในเก็บเงินของเธอนั้นมีเงิน 500 บาทแค่ใบเดียวและเธอได้ถอนไปที่คุณป้าเป็นที่เรียบร้อยเพื่อเธอขอดูเงินในมือปรากฏว่าแบงค์ 500 บาทได้ร่วมกันมาจากจักแร้ของหญิงวัยกลางคนคนดังกล่าวเธอจึงได้บอกกับหญิงวัยกลางคนว่าเงินร่วงอยู่ที่พื้นเมื่อหญิงคนดังกล่าวเก็บเงินขึ้นมาก็ยังบอกอีกว่าเงินขาดอีก 100 บาท

ทำให้เธอเริ่มคิดได้ว่าหญิงคนดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นแก๊งมิจฉาชีพหวังจะเอาเงินทอนเธอจึงได้ออกมาพูดคุยกับหญิงคนดังกล่าวพร้อมกับโทรตามเจ้าของร้านให้มาเปิดกล้องวงจรปิดเมื่อหญิงคนดังกล่าวเห็นดังนั้นจึงได้ทำทีว่าเงินตกอยู่ที่พื้นอีก 100 บาทและเก็บเงินเดินออกจากร้านไปทันที

เธอจึงได้นำคลิปนี้มาเผยแพร่ในโลกออนไลน์เพื่อหวังเตือนให้กับร้านค้าทั่วไปได้รู้พฤติกรรมของลูกค้าเพื่อจะได้ไม่ต้องถูกลูกค้าโกงซึ่งหลังจากที่คืนนี้ถ้าออกไปปรากฏว่ามีร้านค้าหลายร้านที่เจอพฤติกรรมของลูกค้าคนดังกล่าว

ซึ่งตอนนี้แต่ละร้านก็ต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างเช่นร้านของชานมไข่มุกที่นำ Facebook มาใช้นั้นก็จะใช้เป็นวิธีการนำถาดมาใส่เงินทอนส่งให้กับลูกค้าเพื่อที่ลูกค้าจะได้เห็นจำนวนเงินทอนอย่างชัดเจน

ว่าถูกต้องหรือไม่และจะได้มีการบันทึกภาพที่กล้องวงจรปิดเอาไว้จะได้ใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงได้อย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการหาตัวหญิงวัยกลางคนคนดังกล่าวเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ขอบคุณ  ทดลองเล่นสล็อต gclub  ที่ให้การสนับสนุน

ข่มขืนเด็กออทิสติก

ข่มขืนเด็กออทิสติก

เหตุเกิดที่จังหวัดราชบุรี อำเภอโพธาราม โดยที่ในเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่เป็นงานบวชโดยที่ตากับยายไปงานบวชซึ่งเป็นที่เกิดเหตุนั่นเอง ตากับยายได้เล่าให้ฟังว่าตนกับตาและหลานนั้นมางานบวชที่นี่และตนก็ได้เข้าไปในงานจากนั้นหลานก็อยู่ในงานกับตน

จากนั้นหลานสาวของตนเป็นเด็กออทิสติกได้ของไปเข้าห้องน้ำตนก็เลยปล่อยให้หลานไปแต่ว่าหลานไปเข้าห้องน้ำโดยที่ใช้เวลาเป็นเวลาที่นานตนกับตาก็เลยไปเดินตามหลานแต่ว่าปรากฏเห็นหลานสาวเดินออกมาจากทางด้านเล้าไก้บริเวณข้างบ้านงานบวช

โดยที่มีสภาพผมที่ยุ้ง  จากนั้นตนกับตาก็ถามหลานสาวว่าไปไหนมาหลานก็เลยบอกว่าตนถูกญาติในบ้านงานที่เป็นน้าเขยนั้นถูกการละเมิดทางเพศ  

และผู้ที่ถูกกล่าวหานั้นได้ทำการหลบหนีไปแล้วหลังจากนั้นหลานสาวก็ยังได้บอกกับตนอีกว่าได้ถูกนายคนนี้ทำการละเมิดทางเพศแบบนี้มาแล้วหลายครั้งโดยที่ทุกครั้งนั้นโดนจะถูกข่มขู่ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเพราะว่าไม่อย่างนั้นจะมาฆ่าให้ตายเลยถ้าหลานเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น 

     จากนั้นยายกับตาก็ได้เดินเข้าไปแจ้งความที่ราชบุรีเพื่อที่จะไปแจ้งความและหลังจากนั้นผู้ที่ถูกกล่าวหาก็ได้เข้าไปให้คำปากคำ  จากนั้นผู้ที่ถูกกล่าวหาก็ให้การโดยการปฏิเสธ   ทุกข้อกล่าวหานั่นเอง  และก็บอกว่าตนไม่ได้ทำการสิ่งนั้น

จากนั้นกองปราบปรามได้บอกบอกยายและเตือนภัยเกี่ยวกับการเลี้ยงบุตรหลานว่าอย่างทิ้งหลานไว้อยู่คนเดียวเพราะว่าอาจจะเป็นการที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้เหมือนกัน  ทางที่ดีที่สุดคือการที่เรานั้นต้องคอยดูแลหลานของเราให้อยู่ในสายตา  เพราะว่าไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้นั่นเอง  

     แต่ไม่ว่าอย่างไรนั้นเราเป็นอ่านข่าวเราก็อยากที่จะไม่ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องอย่างนี้เพราะว่าทุกครั้งที่เราอ่านข่าวเจอเหตุการณ์อย่างนี้เรารู้สึกว่าบ้านเมืองเราไม่สามารถที่จะไว้ใจใครได้นี่ขนาดว่าที่บ้านนั้นมีงานยังกล้าที่จะคิดทำการข่มขืนอีกเพราะว่าเด็กยังเป็นเด็กอีก 

อีกทั้งยังเป็นเด็กที่มีความบกพร่องเกี่ยวกับทางด้านสมองอีกด้วย  ที่เรานั้นมักจะเห็นได้ทุกครั้งที่เราเปิดข่าวเจอ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหนเราจะต้องเจอข่าวเกี่ยวกับเรื่องข่มขืน   ดังนั้นเราอยากที่จะให้บ้านเมืองของเราไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเราก็อยากที่จะให้กฎหมายในบ้านเรามีความรัดกุมมากกว่านี้เพราะว่าจะได้ไม่เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นและก็ต้องกฎหมายให้แกร่งเพื่อที่จะได้ไม่มีคนทำตาม  

 

สนับสนุนโดย    จีคลับ ผ่านมือถือ

เน็ตไอดอล หลอกหมั้นเอาเงินไปหลายแสน

เน็ตไอดอล หลอกหมั้นเอาเงินไปหลายแสน

      มีชายหนุ่มคนหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความลง Facebook ส่วนตัวเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวและชีวิตรักของตนเองโดยชายคนนี้ได้มีการออกมาแฉถึงคู่หมั้นสาวซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอดีตกันไปแล้วเนื่องจากว่าปัจจุบันสาวคนดังกล่าวได้มีการคบหากับหนุ่มคนใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

เดี๋ยวเขาได้ออกมาบอกข่าวเรื่องราวส่วนตัวของเขาในครั้งนี้ให้ฟังเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ชายหลายๆคนที่คิดจะเป็นสาวด้วยเงินให้ระวังให้ดีซึ่งเขาเล่าว่าเขาคบกับหญิงสาวคนนี้ซึ่งใช้นามสมมุติว่าบีมาตั้งแต่สมัยเรียนโดยเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องของค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าเล่าเรียนเสื้อผ้าต่างๆ

รวมถึงเมื่อสินค้าที่พ่อแม่ของฝ่ายหญิงเดือดร้อนเงินก็มักจะมาขอเงินตนเองเพื่อไปช่วยเหลือพ่อกับแม่ซึ่งไปยังเคยเสนอให้มีการหมั้นหมายกันเกิดขึ้นเพราะต้องการนำเงินไปช่วยเหลือพ่อเป็นจำนวนหลายแสนบาทดังนั้นตนเองจึงได้มีการหมั้นกับผู้หญิงแต่น้ำจากหมั้นกันไปแล้ว

ฝ่ายหญิงก็ตีตัวออกห่างซึ่งภายหลังจากได้ว่าเธอไปคบกับผู้ชายคนใหม่ซึ่งเป็นนักการเมืองหลังจากนั้นเธอก็ข่มขู่ชายหนุ่มด้วยมาแถมยังไม่ยอมคืนเงินที่ยืมไปซึ่งเรื่องนี้เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วฟ้าหญิงก็ได้ออกมาตอบโต้ว่ามีการช่วยเหลือกันจริงในฐานะที่เคยเป็นแฟนกันและมีการหมั้นกันจริงเขาต้องการเอาเงินมาช่วยเหลือพ่อแต่ฝ่ายชายเป็นคนเสนอให้มีการบ้านและที่สำคัญปัจจุบันฝ่ายหญิงได้มีการพบกับชายหนุ่มคนใหม่แล้ว

ต้องการที่จะคืนเงินที่เคยยืมไปให้กับฝ่ายชายแต่กลับเป็นฝ่ายชายเองที่ไม่ยอมรับเงินและพยายามตามตื๊อเธอมาโดยตลอดเธอจึงได้มีการเอาชื่อนักการเมืองมาข่มขู่เพื่อต้องการให้ฝ่ายชายเลิกมายุ่งกับเธอ

     เหตุการณ์ที่ผู้ชายเปย์ผู้หญิงแล้วถูกฝ่ายหญิงทิ้งเพราะเราหวังแต่เงินนั้นมีให้เห็นอย่างมากมายซึ่งก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันก่อนโดยฝ่ายชายก็มีการเปย์ให้กับฝ่ายหญิงแบบเดียวกันนี้จ่ายแม้กระทั่งค่าซักเสื้อผ้าในราคา 2,500 บาท

ซึ่งเป็นข่าวเกรียวกราวกันเมื่อไม่นานมานี้ก็ยังมีซื้อก่อนหน้านี้ที่มีข่าวกับผู้ชายคนหนึ่งที่มักจะโอนเงินไวๆเพื่อไปช่วยเหลือสาวๆที่หน้าตาดีแต่ก็ถูกหลอกทุกครั้งไปจึงทำให้ขาเหล่านี้ควรจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับหนุ่มๆที่มักจะพบกับหญิงสาว

โดยที่ไม่ดูข้อมูลก่อนว่าพวกเธอเหล่านั้นมีนิสัยเป็นอย่างไรเพราะไม่เช่นนั้นก็จะถูกยิงสาวเรานั้นหลอกให้จ่ายเงินให้แล้วก็จะถูกทิ้งเหมือนกับที่ชายหนุ่มหลายๆคนกำลังใจกันอยู่ในตอนนี้ซึ่งสำหรับเคสของน้องบีคนนี้ได้มีผู้ชายหลายคนเข้ามาติดต่อผู้ชายที่เป็นเจ้าของ Facebook ที่มีการออกมาแฉน้องบีว่าน้องบีนั้นไม่มีการหลอกลวงผู้ชายหลายคนเพื่อนเอาเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายให้ตนเองจนเรียนจบแล้วก็มาบอกเลิก

 

สนับสนุนโดย  gclubฟรี500

ลูกเทพคนเดิมเตรียมทุบรถคนอื่นประชดแม่อีกรอบ

ลูกเทพคนเดิมเตรียมทุบรถคนอื่นประชดแม่อีกรอบ

        หากยังคงจำกันได้เกี่ยวกับกรณีลูกเทพซึ่งไม่เคยห่างหายไปจากวงการสื่อเลยเพราะมักจะออกมาแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวและทำลายข้าวของรถของคนอื่นหากว่าแม่ของตนเองไม่ยอมตามใจโดยก่อนหน้านี้มีคุณครูคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ที่โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย

มักจะมีปัญหาทะเลาะกับลูกชายเนื่องจากลูกชายมักจะมาขอเงินเพื่อไปซื้อของอย่างที่อยากได้ตลอดเวลาซึ่งถ้าหากครั้งไหนแม่ปฏิเสธแต่คนดังกล่าวก็มักจะมาระบายอารมณ์กับรถของคนอื่นด้วยการนำก้อนหินมาทุบรถของคนอื่นให้ได้รับความเสียหายใด

ที่ถูกทำลายนั้นก็จะเป็นรถเพื่อนครูของแม่ที่อยู่ในโรงเรียนเดียวกันซึ่งเหตุการณ์ลูกเทพทุบรถนี้มีมาอย่างยาวนานหลายปีและถึงแม้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการนำตัวไปเข้าห้องขัง 

แต่เมื่อออกมาจากห้องขังแล้วแม่ไม่ตามใจก็ยังมีการทำพฤติกรรมอยู่เหมือนเดิมซึ่งหลายคนก็ได้ออกมาบ่นแม่ของชายคนดังกล่าวว่าเลี้ยงลูกจนเสียคนจะลูกไม่สามารถที่จะถูกขัดใจได้แล้วก็ถ้าหากแม่ขัดใจเมื่อไหร่ลูกก็จะมีพฤติกรรมก้าวแล้วไปทำลายข้าวของของคนอื่นเหมือนเดิมโดยเมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้วลูกเทพก็เพิ่งตอบปัญหาการทุบรถของคนอื่นมา

ซึ่งเจ้าของรถก็ได้ยอมความให้เพราะสงสารแม่ โดยทางคนเป็นแม่เองก็รับปากว่าจะมีการอบรมสั่งสอนลูกไม่ให้กระทำการดังกล่าวอีกแต่นี่ผ่านไปยังไม่ถึง 1 เดือนก็มามีพฤติกรรมที่จะทำร้ายข้าวของของคนอื่นอีกแล้ว โดยครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับได้คาหนังคาเขายังมีสินค้าอยู่ในมือ

โดยลูกเทพคนดังกล่าวนี้มีชื่อว่านายเจตคติโดยล่าสุดมีการใช้ก้อนหินไปทุบรถของคนอื่นเมื่อวันที่ 17 เดือนมีนาคมปีพศ. 2563 ซึ่งทางผู้เป็นเจ้าของรถได้มีการแจ้งความเอาไว้แล้วครั้งแรกทางเจ้าของรถไม่ทราบว่าใครเป็นคนที่นำก้อนหินมาทุบรถของตนเองแต่มีพยานและหลักฐานยืนยันได้ว่าเป็นนาย เจตคติซึ่งก็คือลูกเทพในตำนานได้เป็นคนลงมือทำการทุบรถเหตุ

เพราะว่าไม่พอใจแม่ของตนเองที่ไม่ยอมให้เงินไปซื้อของจึงต้องการทำประชดแม่ซึ่งทุกครั้งที่นาย เจตคติอยากได้เงินแล้วแม่ไม่ให้เขาก็มักจะมาก่อเหตุแบบนี้อยู่เสมอและแม่เองก็จะต้องเป็นผู้เจรจาขอชดใช้ให้กับทางผู้เสียหายจึงไม่ค่อยมีใครเอาความแต่ในกรณีนี้ทางผู้เสียหาย

และตัวแม่ของนายเจตคติไม่ได้ทราบเรื่องราวมาก่อนว่าเป็นผลงานของนายเจตคติทางแม่ของนายเจตคติจึงไม่ได้มีการไปเจรจากับทางผู้เสียหายก่อนดังนั้นเมื่อผู้เสียหายเห็นว่ารถตัวเองถูกทำลายจึงได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจและนำมา

ซึ่งการจับกุมนายเจตคติในครั้งนี้ซึ่งมีการออกหมายจับและศาลได้อนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้วและที่สำคัญขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจับกุมนายเจตคติพบว่าในกระเป๋าของนายเจตคติ มีก้อนหิน อยู่ในนั้นเป็นจำนวน 1 ก้อน

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คิดว่านายเจตคติอาจจะกำลังเดินทางไปก่อเหตุกับรถคันอื่นอีกทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมนายเจตคติเป็นที่เรียบร้อยแล้วและตัวนาย เจตคติก็ให้การยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  บาคาร่าอันดับ

ตำรวจตั้งด่านลอยจับดีเจชื่อดังตรวจฉี่เรียกรับเงิน 25,000 บาท

ตำรวจตั้งด่านลอยจับดีเจชื่อดังตรวจฉี่เรียกรับเงิน 25,000 บาท

    มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งอ้างว่าเป็นดีเจชื่อดังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งด่านลอยพร้อมทั้งเรียกรับเงินสินบนโดยทางดีเจได้มีการระบุใน Facebook ส่วนตัวของตนเองว่าในวันดังกล่าวตนเองเดินทางผ่านด่านตรงจุดนั้นและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตรวจสอบ

ซึ่งมีการนำไปตรวจฉี่หาสารเสพติดผลปรากฏว่า ในฉี่เป็นสีม่วงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวดีเจดังคนดังกล่าวไปทำการตรวจหาสารเสพติดอีกครั้งที่โรงพยาบาลซึ่งผลปรากฏว่าเหตุผลที่ฉี่เป็นสีม่วงนั้นเนื่องจากว่าดีเจดังคนดังกล่าวกินยาเข้าไป

ซึ่งยานั้นมีสารเมทแอมเฟตามิน  ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวดีเจคนดังกล่าว มาพูดคุยที่ห้องของสายตรวจโดยมีการเสนอเงิน 15,000 บาทเพื่อให้ปล่อยตัวโดยทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรับเงินไว้หลังจากที่ DJ คนดังกล่าวถูกปล่อยตัวออกไปแล้วก็ไปถูกตรวจด่านอีกครั้งหนึ่งตรงสนตลิ่งชันผลปรากฏว่าไม่พบสารสีม่วงจึงทำให้ดีเจคนดังกล่าวเข้าใจว่าด่านลอยที่ตั้งตรงท่าพระนั้นมีการยัดยาเสพติดให้กับตนเอง

หลังจากนั้นจึงได้มีการโทรกลับมาหาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการตั้งด่านลอยพร้อมทั้งให้เพื่อนที่เป็นทนายความมีการพูดจาข่มขู่ตำรวจว่าจะเอาผิดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการตั้งด่านลอยและยาเสพติดพร้อมทั้งรับเงินของตนเองไปหลังจากนั้นก็ได้นำเรื่องราวมาโพสให้กับประชาชนได้อ่านกันซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นนักข่าวได้ไปสัมภาษณ์ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นหัวหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรงสนท่าพระพบว่าด้านดังกล่าวเป็นด่านลอยที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแอบมาตั้งกันเองจริง

ซึ่งทั้งนี้ได้มีการส่งตรวจสอบวินัยแล้วและหากพบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเรียกรับเงินประชาชนจริงก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและถ้าเกิดทางดีเจเองเป็นผู้เสนอเงินให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับเงินก็ตามก็จะมีการดำเนินคดี

กับทางดีเจคนดังกล่าวโทรถามติดสินบนทางเจ้าหน้าที่ในขณะเดียวกันชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณน้ำต่างก็บอกกันว่าด่านนี้มีการตั้งขึ้นมาได้สักระยะแล้วและก็มีเสียงเล่าลือกันว่ามักจะมีการเรียกเก็บเงินกับทางประชาชนแต่ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่

   ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้คงต้องรอผลจากการสืบสวนสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งหนึ่งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามทั้ง 4 คนได้กระทำการผิดจริงหรือไม่และหากผิดจริงก็จะมีการลงโทษทางวินัยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงถ้าหากดีเจดังกล่าวมีการเสนอเงินให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงก็จะถูกดำเนินคดีด้วยเช่นเดียวกัน 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  สมัครจีคลับ ไม่มีขั้นต่ำ

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa