หมวดหมู่: ข่าวทั่วไป

หนุ่มเอาน้ำลายป้ายในลิฟต์ที่ BTS

หนุ่มเอาน้ำลายป้ายในลิฟต์ที่ BTS

หนุ่มเอาน้ำลายป้ายในลิฟต์ที่ BTS ชี้แจงเหตุผลที่ทำเช่นนั้นเพราะต้องการพิสูจน์รักแท้ 

   หากยังจำกันได้ถึงผู้ชายเสื้อสีดำกางเกงสีแดงคนหนึ่งที่เข้าไปในลิฟท์ของสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสนามกีฬาและเมื่อชายคนดังกล่าวเข้าไปในเว็บก็ล้วงเอาน้ำลายไปต่างๆภายในลิฟท์วันถึงดวงเข้าไปในกางเกงชั้นในของตนเองด้วย

ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามจับกุมตัวมาได้พร้อมกับส่งไปตรวจสอบหาการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าและอาการป่วยทางจิตเนื่องจากเริ่มมีข่าวเกิดขึ้นทางพี่สาวของชายคนดังกล่าวยืนยันว่าใน  ชายที่อยู่คลิปที่กำลังเป็นที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้เป็นน้องชายของตนเอง

และมีอาการป่วยทางจิตต้องกินยาอยู่ตลอดเวลาซึ่งณวันที่เกิดเหตุคาดว่าน้องชายน่าจะลืมกินยาจึงทำให้ไปก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งนักข่าวได้ไปทำการขอสัมภาษณ์ชายเสื้อดำคนดังในคลิปดังกล่าวก็ได้รับการปฏิเสธในตอนแรกโดยเขาขอเอกสารยืนยันการตรวจผลไวรัสโคโรน่าและตรวจผลทางจิตประสาทของเขาออกมาก่อนแล้วจะมีการให้สัมภาษณ์ในช่วงเวลา 8:00 น

นั้นล่าสุดทางนักข่าวได้ติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์เขาอีกรอบนึงซึ่งเขาตกลงในการจะให้ข้อมูลเบื้องต้นกับนักข่าว  โดยเขาขอใช้นามสมมุติว่าชื่อ กิจ ซึ่งคุณกฤษบอกกับนักข่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นคนโรคจิตหรือมีอาการทางประสาทเป็นอย่างไรแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นเนื่องจากว่าตนเองได้รู้จักกับชายคนนึงซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจและมีการพนันการเกิดขึ้นว่าถ้าหากตนเองสามารถทำอะไร

ก็ได้ให้ชายคนดังกล่าวหันมาสนใจได้ชายคนดังกล่าวจะตกลงเป็นแฟนกันกับตนเองทำให้คุณกฤษเดินมาถึงที่สถานีรถไฟฟ้า BTS แล้วเข้าไปในลิฟท์จึงได้ทำการป้ายน้ำลายลงไปในบริเวณที่ต่างๆซึ่งในตอนนั้นตนเองไม่ได้มองเห็นว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่แต่เมื่อทำไปแล้วจึงรู้ว่ามีกล้องวงจรปิดจึงได้เดินออกมาแล้วก็ถูกทางเจ้าหน้าที่รปภและเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมา

เพื่อดำเนินคดีซึ่งทางคุณกฤษเองยืนยันว่าตนเองไม่ได้ป่วยโรคจิตอย่างแน่นอนตามที่พี่สาวให้ข่าวและตอนนี้ก็มีการไปตรวจผลว่าตนเองเป็นโรคจิตหรือไม่รวมถึงผลของการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าออกมาเบื้องต้นแล้วว่าตนไม่ได้ป่วยมีอาการทางประสาทเป็นอย่างไร

รวมถึงไม่ได้ติดเชื้อแต่อย่างใดแต่ขอผลยืนยันอีกครั้งหนึ่งที่เป็นที่แน่นอนแล้วจะมีการนัดนักข่าวเพื่อให้ข้อมูลอีกครั้งหนึ่งโดยตนเองยืนยันว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์รักแท้ระหว่างตนเองกับชายนักธุรกิจเท่านั้นไม่ได้ต้องการที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร

    ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวว่าหากผลปรากฏออกมาว่าคุณกฤษไม่ได้ป่วยเป็นโรคโคโรน่าและไม่ได้มีอาการทางประสาทแต่ก่อเหตุการกระทำเช่นนี้ก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นและทำให้สถานที่ต่างๆสกปรกซึ่งจะมีผลทั้งติดคุกและปรับเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 10000 บาท 

 

สนับสนุนโดย  ufabet บาคาร่า

วัยรุ่นกลุ่มตลาดสด ยกพวกไปทำร้ายคู่อริถึงที่บ้าน

วัยรุ่นกลุ่มตลาดสด ยกพวกไปทำร้ายคู่อริถึงที่บ้าน

        ที่จังหวัดสงขลา มีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่ว่ากันว่าเป็นแก๊งตลาดสด ได้รวมตัวกันยกพวกไปที่หน้าบ้านคู่อริที่กำลังล้างผักอยู่ในบ้าน โดยวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวมีการเตรียมอาวุธมาพร้อมที่จะทำร้ายคู่อริให้ตายเลยเพราะมีการเตรียมทั้งปืนและมีด

จนคู่อริต้องวิ่งหนีขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านพักและกระโดดหนีตาย แต่โชคไม่ดีตกลงมาหัวกระแทกพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมวัยรุ่นที่มาก่อเหตุได้แล้วหนึ่งคน

      เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นประมาณช่วงเวลา 21:00 นของคืนวันที่ 11 เดือนเมษายนปีพศ 2563 โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของสภ. หาดใหญ่ได้รับแจ้งเหตุว่ามีกลุ่มวัยรุ่นจากทางตลาดสดก่อเหตุ ยกพวกไปรุมทำร้ายอริจนได้รับบาดเจ็บ

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังไปยังจุดที่เกิดเหตุก็พบร่องรอยการต่อสู้กันโดยสภาพสถานที่เกิดเหตุนั้นเป็นอาคาร 2 ชั้นมีร่องรอยกระจกแตกกระจัดกระจายเต็มไปหมด เส้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ามีปลอกกระสุนปืนตกรวมถึงมีมี่ตกอยู่บนถนนอีก 3 เล่มด้วยกัน

ซึ่งเป็นของกลุ่มคนร้ายทำตกเอาไว้ที่ตำรวจได้เก็บเอาไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ส่วนคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเป็นคนที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นเดินทางมาทำร้ายนั้นชื่อว่าในเจอายุประมาณ 20 ปีซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะตอนนี้ทางกู้ภัยได้มีการนำตัวส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ให้คุณว่ากลุ่มวัยรุ่นที่มาทำร้ายในใจนั้นมีประมาณ 10 กว่าคนโดยในตอนที่เกิดเหตุนั้นในเจกำลังล้างผักอยู่ที่บ้านของตนเองอยู่ดีๆก็มีกลุ่มวัยรุ่นเปลือย 10 คนเดินทางมาที่หน้าบ้านแล้วกรูกันเข้าไปในบ้านเพื่อจะทำการรวมทำร้ายในเจทำให้นายเจต้องวิ่งหนีมายังบ้านของเพื่อนบ้านและยังวิ่งขึ้นไปบนชั้น 2

ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 10 คนก็พากันวิ่งตามในเจไปแต่ยังมีการยิงปืนใส่ในเจทำให้นายเจต้องตัดสินใจกระโดดบ้านจากชั้น 2 ลงมาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุมาได้ 1 คนแต่ทางผู้ก่อเหตุให้การปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้รู้จักกับนายเจและไม่ได้เข้าไปร่วมทำร้ายแต่อย่างใดเพียงแค่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มายังจุดเกิดเหตุเท่านั้น

ส่วนคนที่ก่อเหตุจริงๆนั้นชื่อนายดำซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการหลบหนีอยู่ แต่มีพยานยืนยันว่าคนที่ถูกจับกุมได้นั้นคือหนึ่งในผู้ก่อเหตุเพราะมีคนเห็นว่าถือมีดไปยังจุดเกิดเหตุแล้วพยายามจะวิ่งเข้าแทงนายเจซึ่งโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจะคลอดนานๆเข้าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ร่วมมือกระทำด้วย โดยนายดำ เป็นคนที่มีเรื่องกับนายเจ และชวนเพื่อนคนอื่นๆมาทำร้ายนายเจ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ดาวน์โหลด Gclub

สาวป่วยซึมเศร้า จุดไฟเผาตัวเอง

สาวป่วยซึมเศร้า จุดไฟเผาตัวเอง

    มีชาวบ้านแจ้งเหตุกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดเพชรบุรีเมื่อวันที่ 10 เมษายนปี พ.ศ. 2563   ว่าที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตายด้วยการจุดไฟเผาตนเองและเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงบ้านที่เกิดเหตุพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว

ซึ่งภายในบ้านพักญาติของผู้เสียชีวิตได้นำร่างของผู้เสียชีวิตมานานวางไว้บนที่นอนโดยร่างกายของผู้เสียชีวิตนั้นมีลักษณะของร่องรอยการถูกไฟเผาไหม้เป็นสีดำอีกทั้งผนังภายในบ้านพักก็มีร่องรอยการถูกไฟไหม้มีแต่ควันไฟคละคลุ้งไปทั่ว

และใกล้ๆที่จุดวางศพก็มีขวดใส่น้ำมันตกอยู่ซึ่งเป็นขวดแก้วซึ่งคาดว่าเป็นขวดน้ำมันที่ผู้ตายใช้ในการจุดไฟเผาร่างตนเองเหตุการณ์ในครั้งนี้สามีของผู้ตาย ได้เล่าให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าคนตายชื่อนางสาวเสาวลักษณ์โดยมีคนตายนั้นมีอาการทางประสาทและมีอาการของโรคซึมเศร้าเพิ่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชะอำแผนกคลินิกจิตเวช

ซึ่งนางสาวเสาวลักษณ์นั้นพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้งแต่ก็สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงทีแต่มาครั้งนี้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือทำได้เนื่องจากว่าก่อนเกิดเหตุสามีของนางสาวเฉลาลักษณ์ได้ทะเลาะกับภรรยาจึงได้มีการแยกกันอยู่และในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุทางสามีก็ได้เดินทางไปทำงานตามปกติเสร็จแล้ว

ประมาณ 09:30 นถึงได้กลับเข้ามาบ้านเมื่อเดินทางมาถึงบ้านก็เห็นว่ามีควันไฟลอยออกมาจากในตัวบ้านแล้วพอสามีเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่านางสาวเฉลาลักษณ์ได้มีการจุดไฟเผาตนเองเพราะมีร่องรอยไฟไหม้ตามร่างกายเต็มไปหมดซึ่งเธอ

ซึ่งเขาไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือเธอได้ทันที่ทำให้เธอเสียชีวิต  หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสำรวจศพเรียบร้อยแล้วจึงได้มีการไปสำรวจพื้นที่บริเวณใกล้เคียงซึ่งมีกล้องวงจรปิดอยู่ที่ร้านได้กับบ้านของผู้เสียชีวิตโดยมีรายละเอียดในกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าผู้เสียชีวิตเดินทางไปซื้อน้ำมันที่ร้านก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ได้ประมาณ 1 ชั่วโมงเส้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง

มีการสันนิษฐานเอาไว้ว่าผู้เสียชีวิตน่าจะมีอาการของโรคซึมเศร้ากำเริบจึงทำให้คิดสั้นตีกันจุดไฟเผาตนเองจนถึงแก่ความตายสำหรับทางญาติของผู้เสียชีวิตเองตอนนี้ยังไม่ค่อยเชื่อจากข้อสันนิษฐานที่ตำรวจมีให้มากนักว่านางสาวเฉลาลักษณ์จะฆ่าตัวตายเอง

ยืนยันจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำศพไปผ่าพิสูจน์ก่อนก็อยากจะรู้ว่านางสาวเฉลาลักษณ์งั้นตายก่อนหรือหลังพี่จะถูกไฟคลอก  

       สำนักเหตุการณ์ฆ่าตัวตายในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะพิสูจน์ได้ไม่ยากเพราะเมื่อนำศพไปให้ทางโรงพยาบาลผ่าพิสูจน์อยู่ก็จะพบว่าเสียชีวิตก่อนหรือหลังที่จะถูกไฟไหม้อีกทั้งยังมีพยานแวดล้อมจากกล้องวงจรปิดที่จะเห็นได้ว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้ไปซื้อน้ำมันมาด้วยตนเองซึ่งถ้าเกิดทางสามีของผู้เสียชีวิตมีพยานบุคคลที่สามารถยืนยันได้ว่าตนเองนอนอยู่อีกบ้านหลังหนึ่งก็ทำให้สามีคนผิดได้ทันที 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  gclub casino online มือถือ

หญิงสาววัย 16 ปี-หลอกเด็กชายวัย 13 ปีไปกระทำชำเรา

หญิงสาววัย 16 ปี-หลอกเด็กชายวัย 13 ปีไปกระทำชำเรา

         ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสังคมในสมัยนี้ผู้ชายก็สามารถถูกหลอกไปกระทำชำเราข่มขืนได้เช่นเดียวกันโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อมีผู้ปกครองท่านหนึ่งเป็นผู้ปกครองของเด็กชายอายุ 13 ปี

ที่ว่าเด็กชายเอได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้ดำเนินคดีกับหญิงสาววัย 16 ปีที่ชื่อว่านางสาววาโดยผู้ปกครองของเด็กชายเอได้เล่าว่าเด็กชายเอนั้นได้รู้จักกับนางสาวอาผ่านทาง Social Media ซึ่งรู้จักกันได้ประมาณแค่เพียง 1 เดือนเท่านั้น

นางสาววาก็เดินทางมาหาเด็กชายเอที่บ้านและมาขออนุญาตมานอนบ้านกับเด็กชายเอซึ่งแม่ของเด็กชายเอนั้นได้ว่ากล่าวตักเตือนนางสาวอาไปและไม่อนุญาตให้นำสว่างมานอนที่บ้านของตนเองทำให้นางสาวว่าไม่พอใจไปนำรถจักรยานยนต์ขี่มารับเด็กชายเอออกไปจากบ้านในช่วงตอนเย็นวันเดียวกันนั้นและหายไปเลยซึ่งทำให้แม่ของเด็กชายเอและญาติพี่น้องของเด็กชายเอพากันขี่รถมอเตอร์ไซค์

ออกตามหาแต่ก็หาไม่พบจนใกล้เวลาคือปีแล้วจึงได้พากันกลับมาบ้านหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วมีเพื่อนบ้านเดินทางมาหาแม่ของเด็กชายเอแล้วบอกว่านางสาววาที่มาหาเด็กชายเอได้มาขโมยรถจักรยานยนต์ที่บ้านของตนเองไปทั้งหมด

จึงได้พากันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในข้อหาลักทรัพย์รุ่งเช้ามีเพื่อนของเด็กชายเอได้ขี่รถจักรยานยนต์มาหาแม่ของเด็กชายเอและบอกว่าเด็กชายเอนั่งรอให้แม่มารับกลับอยู่ที่หน้าโรงเรียนแม่ของเด็กชายเอจึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปรับลูก

เมื่อเห็นสภาพของลูกทำให้แม่ของเด็กชายเอตกใจอย่างมากเนื่องจากลูกชายมีอยู่ในสภาพที่อิดโรยเป็นอย่างมากและตามร่างกายก็มีร่องรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำๆทั้งหน้าอกและคอเต็มไปหมดเมื่อสอบถามเด็กชายเอก็ให้การว่าหลังจากที่ขี่รถจักรยานยนต์มากับนางสาวอาเธอได้พาไปนอนยังบ้านของเพื่อนของเธอ

และในช่วงเวลากลางคืนนางสาววาก็ลงมือข่มขืนเด็กชายเอโดยที่เด็กชายเอไม่ได้สมยอมแต่อย่างใดและรุ่งเช้าเด็กชายเอจึงรีบเดินทางออกมาและไหว้วานให้คนไปตามแม่มารับกลับบ้านดังกล่าวซึ่งแม่ของเด็กชายเอวันเกรงว่าเด็กชายเอจะติดเชื้อ hiv

หรือเชื้อไวรัสโคโรน่ามาจากนางสาววาจึงได้พาลูกไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลและรอฟังผลและยังได้กล่าวอีกว่าหากนางสาววายังไม่เลิกยุ่งกับลูกชายของเธอเธอจะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุดซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถพบตัวนางสาววาได้เนื่องจากว่ามีการไปตามตัวที่บ้านนั้น

ไม่พบนางสาวๆและผู้ปกครองแต่อย่างใดโดยเพื่อนบ้านให้ข้อมูลว่านางสาววาอยู่กับยายแค่เพียงสองคนเท่านั้นและเป็นเด็กที่ค่อนข้างเกเรส่วนใหญ่ของนางสาววานั้นเอาไปทำงาน กลับมาอีกทีก็ช่วงค่ำๆ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เว็บพนันบอล ฝากขั้นต่ำ100

กลับมาบ้านพบแม่ฆ่าตัวตาย

กลับมาบ้านพบแม่ฆ่าตัวตาย

หนุ่มพ้อรอเงินช่วยเหลือห้าพันบาทจากรัฐบาลไม่ไหวต้องออกไปทำงาน กลับมาบ้านพบแม่ฆ่าตัวตาย

               ที่จังหวัดชัยนาท เกิดเหตุคนฆ่าตัวตายที่บ้านพักของตัวเอง โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นวันที่ 24 เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2563  ซึ่งบ้านหลังที่มีคนก่อเหตุฆ่าตัวตายนั้นเป็นบ้านชั้นเดียวที่สร้างจากปูนส่วนหลังคานั้นมุงด้วยสังกะสี เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงศพที่เสียชีวิตก็พบว่าสภาพศพผู้ตายใช้ผ้าถุงของตัวเองผูกคอตัวเองจนถึงแก่ความตาย

โดยผู้เสียชีวิตชื่อว่า นางเล็กโดยลักษณะของศพของนางเล็กนั้นอยู่ในสภาพที่ใส่เสื้อคอกระเช้าส่วนข้างล่างไม่สวมใส่อะไรมีเพียงผ้าอ้อมผู้ใหญ่เท่านั้นซึ่งแพทย์ที่เดินทางมาพร้อมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่านางเล็กขาดอากาศหายใจ

โดยตามร่างกายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใดซึ่งทางญาติของนางเล็กเองก็ไม่ได้ติดใจสาเหตุการตายของนางเล็กซึ่งในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานอยู่นั้นก็พบว่าลูกชายของนางเล็กอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจเศร้านั่งกอดศพแม่แล้วก็ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา

โดยเขาได้รำพึงรำพันพูดอยู่ตลอดเวลาว่าเขาไม่เหลือใครแล้วเพราะเขาเพิ่งจะสูญเสียคุณพ่อไปเมื่อประมาณ 5 เดือนที่แล้วนี่เองแล้ววันนี้เขาก็ต้องมาสูญเสียคุณแม่อีกซึ่งบุตรชายของนางร้ายชื่อว่านายสะอาดโดยนายสะอาดได้เล่าให้กลับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝั่งว่าเมื่อเช้านั่งเล็กยังอยู่ในอาการเป็นปกติไม่มีแนวโน้มว่าจะมีการคิดสั้น

ซึ่งโดยปกติแล้วนายสะอาดจะเป็นคนดูแลแม่หรือนั่งเล็กตลอดเวลาช่วยเขาไม่ได้เดินทางไปที่ไหนซึ่งมีวันนี้เท่านั้นที่เขาต้องออกไปทำงานนอกบ้านเป็นวันแรกเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวก่อนออกจากบ้านมาตอนเช้าเขาก็เพิ่งหอมแก้มแม่อยู่แล้วยังบอกกับแม่ว่าเขาจะออกไปทำงานเขาไม่คิดว่าแม่ของเขาจะมาคิดสั้นแบบนี้

ซึ่งนั่งเล็กนั้นมีโรคประจำตัวหลายอย่างและน้องเล็กก็เป็นผู้ป่วยติดเตียงมาสักระยะหนึ่งแล้วเพราะไม่สบายทั้งมีปัญหาเส้นเลือดในสมองตีบโรคเบาหวานและยังเป็นโรคไตอีกด้วยโดยนายสะอาดยังรำพึงรำพันถึงว่าเอาวันนี้เขาไม่ไปทำงานแม่เขาก็คงจะไม่ตาย

ซึ่งโดยปกติแล้วเขาจะอยู่คอยปรนนิบัติแม่อยู่ตลอดเวลาแต่ก็จะมีภรรยาของเขาคอยช่วยเหลือคอยดูแลอยู่ซึ่งช่วงเวลาที่นางเอกผูกคอตายนั้นน่าจะเป็นช่วงที่ภรรยาของเขาออกไปเก็บผักเพราะว่าตอนนี้ทั้งตัวเขาเองและภรรยาไม่มีคนจ้างทำงานเลยเพิ่งจะได้ทำงานวันนี้วันแรกโดยจะไปทำงานเป็นคนงานก่อสร้างกับลุงที่รู้จักกันแถวบ้านแต่พอกลับมาถึงบ้านแม่ก็มาเสียชีวิตจากไปซะแล้วเลยเขายังบอกอีกว่าเขาลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา 5 พันบาทไปตั้งนานแล้วทุกวันนี้เงิน 5000 บาทนั้นเขายังไม่เคยได้รับเลยซึ่งถ้าหากเขาได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทเขาก็คงไม่ต้องออกไปทำงานแล้วแม่เขาก็คงไม่ต้องตาย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  gclub

ออกมาอาบแดดเต็มชายหาด

ออกมาอาบแดดเต็มชายหาด

ประชาชนพลเมืองของสหรัฐออกมาอาบแดดเต็มชายหาดเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวโดยไม่กลัวการติดโควิด-19

              มีรายงานข่าวจากต่างประเทศเข้ามาว่าในช่วงนี้ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังประสบปัญหาอากาศที่ร้อนจัดทำให้คนพากันหลั่งไหลออกนอกบ้านเดินทางไปเที่ยวชายหาดต่างๆโดยเฉพาะชายหาดที่รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งกำลังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปพักผ่อนหย่อนใจริมชายหาดได้

โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ที่จะเข้าไปท่องเที่ยวพักผ่อนริมชายหาดของแคลิฟอร์เนียนั้นจะต้องมีการเว้นระยะห่างกันประมาณ 1 เมตรและสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งกำลังระบาดอยู่ในขณะนี้

ซึ่งจากรายงานข่าวที่มีการถ่ายภาพมุมสูงจะพบเห็นว่ามีจำนวนประชากรหลายพันคนที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ชายหาดแห่งนี้โดยแต่ละคนไม่ได้เกรงกลัวว่าจะมีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าแต่อย่างใดเนื่องจากตอนนี้ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับความร้อน

ซึ่งพวกเขาไม่สามารถที่จะนอนอยู่แต่ในบ้านได้อีกต่อไปถึงแม้ว่าปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีการออกนโยบายออกมาเรียกร้องให้ประชาชนหยุดบ้านเพื่อต้องการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าแต่เราก็ยังเห็นว่ายังมีประชาชนหลายเมืองที่ออกมาเรียกร้องขอกลับมาใช้ชีวิตตามปกติและต้องการให้รัฐบาลปลดล็อกดาวน์

ซึ่งตามข้อมูลแล้วปัจจุบันนี้ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศอันดับ 1 ของโลกที่มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนารวมถึงยังมีผู้ที่ติดเชื้อสะสมที่ยังอยู่ระหว่างการรักษาอย่างเป็นทางการอีกประมาณ 9 แสนกว่าคนและถึงแม้จะมียอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงเป็นจำนวนมากแต่ประชาชนพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกากับไม่ค่อยเห็นถึงความสำคัญของการสวมใส่หน้ากากอนามัยหลายคนยังต้องการที่จะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ

โดยต้องการให้มีการเปิดการขายของรวมถึงการเดินทางไปไหนมาไหนได้ตามปกติโดยที่ไม่ต้องมาควบคุมเวลาการกลับเข้าบ้านและไม่ต้องการที่จะทำงานที่บ้านตามการประกาศของทางรัฐบาลอีกต่อไป 

          รู้จักภาพที่มีการลงข่าวมานั้นจะเห็นได้ว่าผู้คนเป็นจำนวนมากต่างพากันออกมารวมตัวกันถึงแม้จะมีการเว้นระยะห่างกันบ้างแต่ก็เป็นความเสี่ยงมากที่จะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้เจอไวรัสโคโรน่าได้เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนที่มาท่องเที่ยวริมชายหาดนี้มีใครมีเชื้อไวรัสตัวหน้าหรือไม่ซึ่งบางคนเวลาเดินไปริมชายหาดอาจจะมีการถมน้ำลาย

และถ้าหากเราไปเหยียบโดนน้ำลายหรือไปนั่งทับน้ำลายก็มีความเสี่ยงอย่างมากที่เราจะได้รับเชื้อนั้นเข้าสู่ร่างกายของเราดังนั้นถ้าหากพลเมืองของสหรัฐอเมริกายังคงมีการออกมาชิมกันอยู่แบบนี้เกรงว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ อีกไม่นานคงทะลุหลักล้านแน่นอน

 

สนับสนุนโดย  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

ไปแจกการ์ดแต่งงานให้ลูกชายแล้วหนาวตาย

ไปแจกการ์ดแต่งงานให้ลูกชายแล้วหนาวตาย

                              

          จากกรณีที่มีผู้พบศพคนนอนเสียชีวิตที่ศาลาริมทางในจังหวัดปราจีนบุรีนั้นตำรวจได้สอบสวนคนที่พบศพคนแรกและหาพยานหลักฐานต่างแล้ว  พบว่าผู้ตายเดินทางมาจากกรุงเทพ มาแจกการ์ดให้กับญาติๆเพื่อให้ไปงานแต่งงานของลูกชายของผู้ตายที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2562 นี้

โดยผู้ตายรู้จักกับคนในหมู่บ้านเป็นอย่างดี ญาติผู้ตายเล่าให้ฟังว่าผู้ตายออกมาแจกการ์ดแต่งงานแต่เช้าจนค่ำก็ยังไม่กลับเข้าบ้าน แต่ไม่มีคนสนใจเพราะคิดว่าอาจจะไปคุยหรือสังสรรค์กับคนในหมู่บ้านเพราะรู้จักกันหมด แต่ต่อมามีคนโทรมาบอกว่าพบผู้ตายนอนเสียชีวิต

ที่ศาลาริมถนนจึงได้เข้ามาดู ส่วนคนที่เห็นศพคนแรกเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุ 17 ปี เล่าว่าตนและเพื่อนๆมานั่งเล่นเกมกันในศาลานี้ และผู้ตายได้ขับรถมอเตอร์ไซด์มาจอดถามเรื่องจะไปหาซื้อเหล้ามากินได้ที่ไหน ซึ่งตนเห็นว่าจะเที่ยงคืนแล้ว

ร้านค้าในหมู่บ้านปิดหมดแล้วจึงบอกผู้ตายไปว่าไม่มีแล้ว ทางผู้ตายก็ไม่ได้ว่าอะไร  โดยผู้ตายได้จอดรถแล้วเข้ามานั่นเล่นในศาลาเดียวกันกับตน สักพักก็นั่งหลับเพราะยังได้ยินเสียงผู้ตายกรนอยู่เลย แต่หลังจากที่พวกตนจะกลับเข้าบ้านกันแล้วนั้นพวกตนก็เรียกคนตายเพื่อจะปลุกให้ผู้ตายกลับไปนอนต่อที่บ้านเพราะข้างนอกอากาศหนาวมากเกรงว่าจะไม่สบายไป   แต่คนตายไม่ตอบกลับและยังไม่ได้ยินเสียงกรนอีกด้วย จึงโทรตามผู้ใหญ่บ้านและญาติของคนตายให้ออกมาดู

และก็พบว่านอนเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งจากการสันนิฐานกัน น่าจะเกิดจากอากาศที่หนาวเย็น และผู้ตายร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเพราะเห็นมียารักษาตัวไว้กินด้วย เมื่อต้องมาเจออากาศที่หนาวเย็นอาจทำให้ร่างกายไม่สามารถปรับตามได้ทันก็เลยช็อกหนาวตาย แต่อย่างไรก็ดี จะมีการส่งศพไปชันสูตรอีกครั้ง

         ตอนนี้ทั่วประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นมากและอุณหภูมิเริ่มลดลงเรื่อยๆ ดังนั้นการที่เราจะเดินทางไปไหนควรเตรียมเสื้อผ้าหนาๆ อุ่นๆไปด้วยเยอะๆ เพราะยิ่งไปทางภาคเหนือหรือภาคอีสานอากาศจะยิ่งเย็นมากว่าในเขตกรุงเทพ ซึ่งหากเราอยู่กรุงเทพแล้วต้องไปเจอกับอากาศที่เย็นมาก

ร่างกายอาจจะมีการปรับตัวไม่ทันทำให้ไม่สบายหรืออาจเกิดอาการช็อกจนเสียชีวิตได้  ดังนั้นหากไปต่างจังหวัดไม่ควรออกที่พักอาศัยในเวลาค่ำคืนแล้วเพราะอากาศจะยิ่งลดลงไปอีกจะทำให้ร่างกายเรารับไม่ไหวหากเราใส่เสื้อผ้าไม่หนาพอ 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  Gclub ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

เพราะธุรกิจเจ้งเพราะโควิด-19 ทำพิษ

เพราะธุรกิจเจ้งเพราะโควิด-19 ทำพิษ

หนุ่มเจ้าของธุรกิจคิดสั้น เพราะธุรกิจเจ้งเพราะโควิด-19 ทำพิษ หวังกระโดดสะพานฆ่าตัวตาย โชคดี มีคนช่วยไว้ได้

         สืบเนื่องมาจากปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 ทำกิจการหลายกิจการเจ๊งไม่เป็นท่าเศรษฐกิจของประเทศล้มระเนระนาดเจ้าของกิจการหลายคนคิดสั้น  และมีหลายคนที่ฆ่าตัวตายและหนึ่งในนั้นเป็นเจ้าของธุรกิจอายุแค่เพียง 36 ปีเท่านั้น

ประสบปัญหาธุรกิจที่ทำอยู่เจ๊งมีหนี้สินมากมายทั้งในและนอกระบบและหนี้ในระบบไม่สามารถหาเงินไปจ่ายหนี้ได้ทำให้คิดสั้นหวังฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดแม่น้ำตรงสะพานบางปะกง

       เจ้าหน้าที่ตำรวจของสภบางปะกงได้รับแจ้งจากพลเมืองดีเข้ามาว่าพบเห็นชายคนหนึ่งยืนตรงสะพานแม่น้ำบางปะกงมีลักษณะของอาการเหม่อลอยทำท่าทางเหมือนกำลังจะกระโดดน้ำเพื่อฆ่าตัวตายซึ่งมีผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนได้พยายามเข้าไปช่วยพูดจาโน้มน้าวชายคนดังกล่าวให้เปลี่ยนใจไม่กระโดดน้ำหลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงชายคนดังกล่าวก็เปลี่ยนใจและทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถช่วยเหลือเอาไว้ได้ด้วยการจับตัวขณะที่ชายคนดังกล่าวกำลังเผลอในเมื่อควบคุมตัวได้แล้วจึงนำตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจ

โดยชายคนที่จะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายนั้นได้เล่าให้ฟังว่าตนเองมีอายุ 36 ปีเปิดธุรกิจเกี่ยวกับการขายอาหารแต่เนื่องจากตอนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ทำให้ร้านค้าของเขาต้องปิดกิจการลง ซึ่งทำให้เขาประสบปัญหาไม่มีเงินมาจ่ายหนี้สินที่มีอยู่แล้ว

โดยตัวเขาเองมีหนี้ทั้งในระบบธนาคารและหนี้นอกระบบที่เป็นหนี้ยืมสินคนอื่นมาทำให้เกิดความเครียดและเมื่อขับรถผ่านมาที่สะพานบางปะกงจึงได้ตัดสินใจที่จะกระโดดน้ำหวังฆ่าตัวตายแต่ก็มีผู้มาพบเห็นและเข้าช่วยเหลือและตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเขาช่วยเหลืออย่างที่เห็น

         สำหรับปัญหาของผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจที่ตอนนี้ต่างก็ประสบปัญหาการทำธุรกิจขาดทุนไม่มีเงินไปใช้หนี้จากการที่นำเงินมาลงทุน นั้นเรียกได้ว่ามีผู้ประสบปัญหาแบบนี้มากกว่าพันรายเลยทีเดียวและหลายคนต่างก็กำลังเคร่งเครียดในการที่จะหาเงินมาใช้หนี้

ซึ่งต้องรอดูว่าที่รัฐบาลประกาศจับมือกับทางธนาคารไปช่วยเหลือผู้ประกอบการนั้นสามารถช่วยเหลือเจ้าของธุรกิจที่กำลังมีหนี้สินได้อย่างไรบ้างเพราะตอนนี้ร้านค้าส่วนใหญ่ถูกสั่งให้ปิดกิจการเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโควิด-19ทำให้เจ้าของกิจการไม่สามารถหารายได้เข้ามาเลี้ยงตนเองและนำไปใช้หนี้ได้จึงทำให้หลายคนต้องคิดสั้นฆ่าตัวตายดั่งเช่นชายวัย 36 ปีคนนี้เป็นต้น 

เล่นโทรศัพท์มือถือขณะฝนตกถูกฟ้าผ่าตายทั้งเจ้าอาวาสและลูกศิษย์

เล่นโทรศัพท์มือถือขณะฝนตกถูกฟ้าผ่าตายทั้งเจ้าอาวาสและลูกศิษย์

มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่จังหวัดอ่างทองเป็นเหตุการณ์ฟ้าผ่า และเบื้องต้นมีพระ 2 รูปด้วยกันท่านมรณภาพ ซึ่งสถานที่เกิดเหตุคือสำนักสงฆ์ป่าเนื้อนาบุญ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปชันสูตรศพพระทั้งสองรูปที่มีร่องรอยการถูกฟ้าผ่าอยู่ที่กลางทุ่งนา 

จากการสอบถามชาวบ้านว่าทำไมพระถึงมาอยู่บริเวณนี้ก็พบว่าบริเวณตรงจุดที่พระสงฆ์ทั้ง 2 ลูกเสียชีวิตนั้นเป็นพื้นที่ของสำนักสงฆ์ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างเตรียมสถานที่สำหรับทำคอกม้าโดยบริเวณที่พระสงฆ์ทั้ง 2 ท่านเสียชีวิตนั้นเป็นจุดที่กำลังมีการสร้างท่อประปา โดยคนที่มาพบศพคนแรกนั้นมาพบพระทั้ง 2 รูปมรณภาพในช่วงหัวค่ำแต่สันนิษฐานกันว่าพระทั้ง 2 รูปน่าจะเสียชีวิต

ตั้งแต่ช่วงตอนเย็นซึ่งเป็นช่วงที่ฝนตกหนักและมีฟ้าผ่าลงมา ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นจะมีการสวดมนต์ของพระสงฆ์แปลว่าทั้งเจ้าอาวาสเองและพระลูกวัดอีก 1 รูปได้หายไปซึ่งหลายคนก็สงสัยว่าพระทั้งสองรูปหายไปไหน ชาวบ้านและพระลูกวัดคนอื่นๆจึงพากันเดินตามหาท่านจะเอาว่าและพระสงฆ์อีก 1 รูปที่หายไปจึงได้มาพบว่าพระสงฆ์ทั้ง 2 รูปนอนเสียชีวิตอยู่ตรงบริเวณที่ก่อสร้างเพื่อทำน้ำประปา และจากการตรวจสอบพื้นที่ตรงจุดเกิดเหตุพบว่าบริเวณลำตัวของศพนั้นมีร่องรอยการถูกไฟไหม้รวมถึงมีโทรศัพท์ของเจ้าอาวาสตกอยู่ที่ข้างๆศพ

ในลักษณะที่แตกกระจาย จากการสอบถามพระรูปองค์อื่นๆได้ให้ข้อมูลตรงกันว่าท่านเจ้าอาวาสและพระลูกวัดที่เสียชีวิตคู่กันนั้นได้เดินทางมาสถานที่เกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเวลา 17:00 นเพื่อมาทำการติดตั้งท่อประปาจนถึง 20:00 นแล้วก็ยังไม่พบว่าพระทั้งสององค์กลับไปที่บริเวณวัดจึงได้พากันออกค้นหาและจะมาพบว่าถูกฟ้าผ่าตายตรงบริเวณดังกล่าวเนื่องจากว่าตรงจุดที่ถูกฟ้าผ่านั้น

มีการทำท่อประปาซึ่งมีการติดตั้งสปริงเกอร์โดยตัวสปริงเกอร์นี้ทำมาจากสแตนเลสดังนั้นเมื่อฝนตกหนักฝาดึงขาลงมาตรงสแตนเลสของสปริงเกอร์ส่งผลให้พระทั้งสองรูปที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวถูกกระแสฟ้าผ่าลงมาตรงที่ศีรษะพอดีทำให้พระ 2 รูปถึงแก่มรณภาพ

ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นอุทาหรณ์ของใครก็ตามแต่ที่ชอบออกไปพื้นที่โล่งแจ้งในช่วงที่ฝนตกหนักและอาจจะมีการใช้โทรศัพท์มือถือหรือมีการใส่สร้อยใส่นาฬิกาที่เป็นพวกสแตนเลสซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จะเป็นอุปกรณ์ที่ดึงดูดให้ฟ้าผ่าลงมา

ดังนั้นหากเกิดพายุลมแรงมีแนวโน้มว่าฝนจะตกหนักให้หาที่หลบฝนทันทีและที่สำคัญอย่าไปหลบใต้ร่มไม้เพราะฟ้าก็จะพาเรามาตรงต้นไม้ทำให้เราเสียชีวิตได้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อย ดังนั้นประชาชนทุกคนควรจะมีการระมัดระวังไม่ออกไปด้านนอกอาคารในช่วงที่มีฝนตกหนัก 

อันตรายเป็นอย่างมาก

อันตรายเป็นอย่างมาก

เตือนวัยรุ่นไทยอย่าเล่น Tripping jump challenge เพราะอันตรายเป็นอย่างมาก

จากกรณีที่กรมการแพทย์ได้ออกมาเตือนกรุงวัยรุ่นถึงการเล่นเกม Tripping jump challenge ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นมากขนาดนี้เมื่อเกมดังกล่าวเป็นเกมที่มีอันตรายหากเล่นแบบไม่ระวังแล้วอาจจะถึงแก่ชีวิตได้หรือบางทีอาจจะแขนหักค่ะหักก็เป็นได้

ซึ่งเกมนี้เป็นเกมที่มีจุดเริ่มต้นมาจากกลุ่มวัยรุ่นทั้งแถบอเมริกาใต้ได้มีการเล่นกันแล้วถ่ายคลิปเป็นวิดีโอลงแชร์ในโลกโซเชียลหลังจากนั้นก็มีคนแชร์คลิปนี้กันอย่างกว้างขวางแล้วก็มีการทำเลียนแบบตัวต่อกันมาจนมาถึงประเทศไทยซึ่งลักษณะของเกมจะเป็นลักษณะของเด็กสามคนเล่นกันโดยเป็นการเล่นกระโดดคู่กันทั้งสามคนที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้

แล้วจะมีเด็กสองคนกระโดดไปเตะขาเพื่อนที่อยู่ตรงกลางทำให้พืชผลที่โดนเตะล้มใส่พื้นซึ่งการเล่นแบบนี้เป็นการเล่นที่อันตรายเป็นอย่างมากเพราะหากตอนที่ล้มลงมาหัวกระแทกพื้นอาจจะทำให้ศีรษะแตกหรืออาจจะมีผลต่อกระดูกสันหลังหักร่วงลงมาแล้วหลังกระแทกพื้นซึ่งการกระแทกลงมานั้นหากพื้นเป็นพื้นปูนหรือมีความแข็งมากอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือเป็นอัมพาตก็ได้ซึ่งในปัจจุบันได้มีกลุ่มวัยรุ่นของไทยเริ่มเลียนแบบพฤติกรรมดังกล่าว

สิ่งล่าสุดมีคนพบเห็นว่าแม้แต่เด็กฉันนักเรียนประถมก็มีการเล่นเกมชนิดนี้กันแล้วซึ่งผลปรากฏว่าผู้ที่โดนแก้งก็แขนหักค่ะตามระเบียบทั้งนี้ได้มีหลายฝ่ายออกมาเตือนผู้ปกครองและครูอาจารย์ที่โรงเรียนว่าให้กวดขัน และสังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานหรือของนักเรียนในปกครองว่ามีความเสี่ยงที่จะเข้าไปเล่นเกมอันตรายอันนี้หรือไม่และควรจะมีการเตือนให้เด็กเด็กรับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นหากมีการเข้าไปเล่นเกมนี้เพราะส่วนใหญ่

เกมนี้มักจะมีวัยรุ่นและเด็กเล่นเป็นจำนวนมากเพราะคิดว่าเป็นการท้าทายและเป็นการแกล้งกันเล่นธรรมดาและเด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ไม่นึกถึงผลเสียที่จะตามมาว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงกับตัวเองมากแค่ไหนดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้บุตรหลานของคุณเป็นอันตรายจากการเล่นเกมอันนี้จึงควรมีการตักเตือนและบอกกล่าวห้ามปรามไม่ให้บุตรหลานของท่านไปเล่นเกมที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้เป็นอันขาด

 เกี่ยวกับการเล่นเกมนั้น เด็กเด็กมักจะมีพฤติกรรมการเล่นเลียนแบบกันและมักจะมีการท้าทายกันหากอีกฝ่ายไม่เล่น แต่เกมนี้ถือว่าเป็นเกมที่อันตรายอย่างมากดังนั้นผู้ปกครองควรเตือนไม่ให้ลูกหลานของตัวเองเล่นอย่างเด็ดขาดเพราะเกิดพิการมาแล้วจะไม่คุ้ม

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa