ผู้ประกาศ Top News ออกมาเตือนเดี๋ยวไม่มีของอร่อยกิน 

ผู้ประกาศ Top News ออกมาเตือนเดี๋ยวไม่มีของอร่อยกิน 

Twitter  ติดแฮชแท็ก  MK  และยาโยอิ  ทำเอาผู้ประกาศ Top News ออกมาเตือนเดี๋ยวไม่มีของอร่อยกิน 

       หากใครที่เป็นคนที่เล่น Twitter และมีการติดตามทวิตเตอร์ใหม่ๆจะรู้ว่าตอนนี้ได้มีกระแสการติดแฮชแท็กขึ้นมาเป็นการเชิญชวนให้คนแบรนด์ร้านอาหาร MK และร้านอาหารยาโยอิ  ซึ่งมีคนเป็นจำนวนมากที่พากันรีทวิตดังกล่าวจึงเป็นกระแสโด่งดังอยู่ในโลกอยู่ในขณะนี้

        สำหรับข้อความที่มีการ Twitter เพื่อเชิญชวนให้คนในโซเชียลแบรนด์ร้าน MK และร้านยาโยอินั่นก็เพราะว่ามีชาวทวิตเตอร์รายหนึ่งมองว่าร้านอาหารทั้ง 2 ร้านนี้เป็นร้านอาหารชื่อดังแต่มีการซื้อสปอนเซอร์กับทีวีช่อง 1 ซึ่งทีวีช่องดังกล่าวนั้นเป็นช่องที่ต่อต้านกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงชู 3 นิ้วหรือต่อต้านการประท้วงของกลุ่มนักศึกษา

    และค่อนข้างที่จะเอาใจเอนเอียงไปทางฝ่ายรัฐบาลจึงทำให้คนที่มีการทวีตเชิญชวนให้แบรนด์ร้าน MK และร้านยาโยอินั้นเกิดความไม่พอใจจึงได้มีการปลุกกระแสดังกล่าวขึ้นมา  โดยมีการทวิตเชิญชวนเพื่อนๆให้มีการแบนสินค้าของร้าน MK และร้านยาโยอิขึ้นเมื่อวันที่ 22 เดือนมีนาคมปีพศ. 2564 นั่นเอง 

         อย่างไรก็ตามกระแสการโปะให้มีการแบนร้าน MK และร้านยาโยอินั้นยังคงดังต่อเนื่องซึ่งแน่นอนว่าไม่มีสพรรคก้าวไกลคนหนึ่งที่ชื่อว่านางอมรรัตน์  โชคปมิตต์กุล  ได้ออกมาพูดถึงการติดแฮชแท็กแบรนด์ร้าน MK และร้านยาโยอิ

             ซึ่งส.ส. คนดังกล่าวนั้นเห็นด้วยทั้งยังมีการโพสต์อีกด้วยว่าถึงแม้เธอจะชอบกินร้านทั้งสองนี้มากแต่เธอก็จะไม่ไปกินอีกต่อไปโดยเธอมองว่าเมื่อร้าน MK และร้านยาโยอิเลิกเป็นสปอนเซอร์ให้กับสื่อช่องทางเก่าเมื่อไหร่เธอถึงจะกลับไปใช้บริการเหมือนเดิม

         แน่นอนว่าเมื่อข้อความที่เธอโพสต์ออกไปนั้นมีการแชร์ต่อๆกันไปก็มีผู้ประกาศข่าวของท็อปนิวท่านหนึ่งซึ่งเคยได้รับอาหารจากร้าน MK และร้านยาโยอิที่ส่งมาให้ทางผู้ประกาศข่าวได้กินฟรีนั่นก็คือนายสถาพร เกื้อสกุล เมื่อเขาได้เห็นข้อความของส.ส. ของพรรคก้าวไกลก็ทำให้เขานั้นต้องออกมาตอบโต้

             โดยมีการโพสต์ข้อความว่าถ้าหากว่าคนเราจะแบนร้านอาหารทุกอย่างที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับสื่อดังรายดังกล่าวก็ให้คนที่แบบนั้นระวังว่าตนเองจะไม่มีของอร่อยกินแล้วจะหาว่าเขาไม่ออกมาเตือนเรื่องนี้ซึ่งจากการที่นายสถาพรได้ออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าวนั้นก็ปลูกกระแสในทวิตเตอร์ได้อย่างมากเลยทีเดียวเพราะมีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยกับการแบน และกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

โรงเรียนสั่งลงโทษแก๊งนักเรียนที่บูลลี่เพื่อนในห้องเรียนแล้ว 

โรงเรียนสั่งลงโทษแก๊งนักเรียนที่บูลลี่เพื่อนในห้องเรียนแล้ว 

           จากข่าวคราวเมื่อวันที่ 19 เดือน มีนาคมเกี่ยวกับแก๊งเด็กนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งที่มีการทำร้ายเพื่อนเด็กนักเรียนในห้องเรียนเดียวกัน  โดยเรื่องราวในครั้งนี้ถูกเผยแพร่ออกมาผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งนั้นมี การปลุกกระแสคนในโซเชียลให้พากันแชร์ทวิตเตอร์ดังกล่าวเพื่อให้โรงเรียนทราบถึงพฤติกรรมของเด็กนักเรียนแก๊งนี้

        และหลังจากที่ข่าวโด่งดังนอกจากในโลกออนไลน์แล้วยังออกตามสื่อต่างๆทำให้นักข่าวได้มีการติดตามผลไปยังโรงเรียนดังกล่าวโดยล่าสุดเมื่อวันที่ 20 เดือนมีนาคมปีพศ. 2564 นักข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนที่เกิดเหตุเพื่อสอบถามถึงสถานการณ์ในปัจจุบันว่าทางโรงเรียนได้มีความคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

             ซึ่งทางรองผู้อำนวยการโรงเรียนได้ออกมาให้ข้อมูลว่าในขณะนี้ทางโรงเรียนรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นและได้มีการเชิญผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยและตกลงทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วโดยข้อมูลเบื้องต้นนั้นเด็กทั้งสองกลุ่มนั้นเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนรวมถึงพ่อแม่ของเด็กทั้งสองกลุ่มก็รู้จักสนิทสนมกันดีแต่ภายหลังนั้นเด็กที่ถูกบูลลี่ถูกเพื่อนๆไล่ออกจากกลุ่มและหลังจากนั้นก็ถูกเพื่อนๆกันแกล้งอยู่บ่อยครั้ง

               ซึ่งตัวเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งนั้นไม่เคยนำเรื่องราวดังกล่าวนั้นไปเล่าให้กับผู้ปกครองของตนเองหรือให้คุณครูทางโรงเรียนทราบจึงทำให้ไม่มีใครทราบเรื่องนี้มาก่อนและเพิ่งมาทราบหลังจากที่มีข่าวโด่งดังแล้วนั่นเองอย่างไรก็ตามทางโรงเรียนได้มีการสั่งลงโทษเด็กนักเรียนแก๊งค์ที่ทำร้ายเพื่อนในห้องเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยจะมีการสั่งพักการเรียนเป็นระยะเวลา 7 วัน

            เนื่องจากว่าสร้างความเสื่อมเสียให้กับทางโรงเรียนและยังมีการหักคะแนนพฤติกรรมความประพฤติอีกด้วยโดยเด็กกลุ่มนี้ได้มีการสัญญาแล้วว่าจะไม่แสดงพฤติกรรมแบบนี้อีกซึ่งหากโรงเรียนกับได้ว่ายังคงขำแกล้งเพื่อนก็จะยังคงมีการหักคะแนนความประพฤติลงไปเรื่อยๆซึ่งจะมีผลต่อการเรียนของเด็กนั่นเอง

        ส่วนในเรื่องของที่ชาวโซเชียลต้องการให้แยกเด็กนักเรียนทั้งสองกลุ่มไปเรียนกันคนละห้องนั้นทางโรงเรียนยืนยันว่ายังจะต้องการให้เด็กนักเรียนทั้งสองฝ่ายนั้นเรียนอยู่ในชั้นเดียวกัน  

          โดยทางโรงเรียนมีความเชื่อมั่นว่าแก๊งเด็กนักเรียนที่ทำอะไรเพื่อนนั้นจะมีการเปลี่ยนความประพฤติของตนเองอย่างแน่นอนซึ่งทางด้านผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่อยู่ในแก๊งทำร้ายเพื่อนนั้นก็จะมีการควบคุมความประพฤติของลูกของตนเองในขณะที่ผู้ปกครองฝ่ายของเด็กที่ถูกทำร้ายนั้นก็ยินยอมรับทราบเงื่อนไขที่ทางโรงเรียนแก้ปัญหาให้แล้ว 

 

สนับสนุนโดย.  ufabet เว็บแม่

พ่อก่อเหตุยิงลูกชายตาย เพราะถูกแจกกล้วย 

พ่อก่อเหตุยิงลูกชายตาย เพราะถูกแจกกล้วย 

           เมื่อวันที่ 1 เดือนมีนาคม  ปีพ.ศ 2564  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่ง  ที่หมู่บ้านท่าไม้ไกลจังหวัดสุโขทัย  มีผู้เสียชีวิต 1 คน 

      ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงบ้านหลังดังกล่าวนั้นก็พบผู้เสียชีวิตนอนตายอยู่บริเวณท้ายรถกระบะ   โดยผู้เสียชีวิตชื่อว่านายพิชิต  ส่วนผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันว่าคนที่ก่อเหตุยิงนายพิชิตนั้นก็คือพ่อของนายพิชิตเองชื่อว่านายสุธน  และหลังจากที่ยิงนายพิชิตเสียชีวิตแล้วนายสุชนก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์หลบหนีไป

    อย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับรถตามไปจับตัวนายสุธนได้ที่บ้านเพื่อนของนายพิชิตซึ่งขนาดนั้นนายสุธนกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่  และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามถึงสาเหตุของการฆ่าลูกชายตนเองในครั้งนี้นายสุทนนั้นไม่สามารถให้ปากคำได้เนื่องจากว่าอยู่ในอาการเมาสุรา

       อย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งเป็นลูกชายของนายสุธนและลูกสาวของนายสุธนซึ่งทั้งคู่นั้นยังอยู่ในอาการงงงวยเพราะไม่เข้าใจว่าพ่อนั้นมายิงในพิชิตเนื่องจากสาเหตุอะไรโดยผู้ให้ข้อมูลว่าในช่วงก่อนที่จะเกิดเหตุนั้นทั้งเขาทั้งคู่และนายพิชิตผู้ตายนั้นได้อยู่ภายในบ้านซึ่งมีพี่ชายกำลังทำอาหารส่วนผู้ตายและน้องสาวนั้นกำลังนั่งคุยกันอยู่ตรงบริเวณท้ายรถกระบะ

       ระหว่างนั้นอยู่ดีๆผู้ก่อเหตุก็ได้เข้ามาภายในบ้านหลังจากนั้นก็ทะเลาะกับนายสุทนเกี่ยวกับเรื่องของอุปกรณ์จับปลาซึ่งโดยปกติแล้วทั้งนายสุทนและนายพิชิตนั้นมักจะทะเลาะกันเป็นประจำอยู่แล้วหลังจากที่ทะเลาะกันเสร็จแล้วอยู่ในสุธนก็เดินเข้าไปในห้องนอนหลังจากนั้นก็เดินออกมาแล้วใช้อาวุธปืนยิงไปที่นายพิชิตทันทีโดยมีการยิงไปทั้งหมด 3 นัดและมีกระสุน 1 นัดที่ฝังไว้ที่หัวใจจนทำให้นายพิชิตนั้นตาย 

          หลังจากที่นายสุธนหายจากอาการเมาแล้วก็ได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่พอใจนายพิชิตซึ่งเป็นลูกชายเนื่องจากว่ามีปัญหาทะเลาะกันเป็นประจำและในวันเกิดเหตุนั้นหลังจากทะเลาะกันเสร็จเรียบร้อยแล้วผู้ตายได้มีการตัดพ่อตัดลูกกับนายสุธนและยังมีการยกนิ้วกลางให้ทำให้นายทุนนั้นไม่พอใจมากจึงได้เข้าไปในห้องและหยิบปืนซึ่งแอบซื้อไว้มาหลายปีแล้วออกมายิงนายพิชิตนั่นเอง 

      สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ น่าจะมีผลมาจากการกินเหล้าเข้าไปทำให้ขาดสติ และพ่อลูกคู่นี้ก็ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว พอมามีสุรามาเป็นตัวเสริมจึงทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงนี้ขึ้น

 

สนับสนุนโดย.    ufabet เว็บแม่

เพื่อนบ้านสุดแย่ ชอบอุ้มหมามาฉี่หน้าบ้านนานถึง 17 ปี 

เพื่อนบ้านสุดแย่ ชอบอุ้มหมามาฉี่หน้าบ้านนานถึง 17 ปี 

สาวโพสต์ ต่อไปนี้จะไม่ทน กับเพื่อนบ้านสุดแย่  ชอบอุ้มหมามาฉี่หน้าบ้านทำแบบนี้มานานถึง  17 ปี 

           เมื่อวันที่ 17  เดือนมกราคม  ปี พ.ศ. 2564 ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งโพสต์ข้อความผ่านทาง facebook ระบายปัญหาที่เกิดขึ้นกับสังคมในหมู่บ้านของเธอเองที่เธอต้องผจญกับปัญหาเพื่อนบ้านมานานถึง 17 ปีด้วยกัน

  โดยปัญหาที่เธอพบนั้น  เป็นปัญหาที่เธอต้องเจอกับเพื่อนบ้านแย่ๆและมีทัศนคติที่ไม่ดีดูเธอเล่าว่า  เธออยู่ในหมู่บ้านดังกล่าวมานานถึง 17 ปีแล้วและตั้งแต่เธอรู้จักกับเพื่อนบ้านที่ทะเลาะกับเธอคนดังกล่าวนั้นก็มีปากเสียงกันอยู่บ่อยครั้งเกิดสาเหตุที่ทะเลาะกันก็เพราะว่าเพื่อนบ้านของเธอมักจะนำสุนัขซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้านออกมาฉีดบริเวณนอกบ้าน  

       ซึ่งบริเวณที่หญิงสาวคนดังกล่าวปล่อยให้สุนัขฉี่นั้นกลับเป็นบริเวณหน้าบ้านของเธอเอง  และหลายครั้งที่เธอได้มีการสอบถามถึงเหตุผลของการที่ปล่อยให้สุนัขมาฉี่หน้าบ้านของคนอื่นแต่หญิงสาวคนดังกล่าวกลับไม่กล่าวว่าอะไรบางครั้งก็ด่าเธอหาว่าเธอเป็นคนเรื่องเยอะและหากว่าเธอเป็นคนพูดมากอีกทั้งยังเคยขู่จะเอาไม้มาตีปากเธอ  ทั้งนี้หญิงสาวที่โพสต์ข้อความลงใน Facebook ได้มีการระบุด้วยว่าเธอต้องทนพฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้มานานถึง 17 ปีด้วยกัน

         ซึ่ง จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นเธอมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดที่ติดไว้และถ่ายออกไปบริเวณหน้าบ้านจะเห็นได้ว่าจะมีผู้หญิงคนนึงมักนำสุนัขออกมาฉี่ที่แม่บ้านของเธอเป็นประจำซึ่งนี่คือหลักฐานที่สามารถแจ้งความดำเนินเอาผิดได้และหญิงสาวเจ้าของบ้านเองก็ยืนยันแล้วว่าเธอจะไม่ขอทนกับพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่มีนิสัยแบบนี้อีกแล้ว  

      ซึ่งเธอบอกว่าถ้าหากหญิงสาวคนดังกล่าวชอบการเลี้ยงสุนัขเลี้ยงสัตว์ก็ควรจะต้องดูแลไม่ให้มาก่อความวุ่นวายกับคนอื่นซึ่งหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นสามารถที่จะให้สุนัขของตนเองฉี่ภายในบ้านได้โดยอาจจะ เตรียมถาดไว้ให้สุนัขของตนเองนั้นฉี่ใส่ถ่านแล้วนำไปล้างให้เรียบร้อยเพียงเท่านี้ก็ไม่เกิดความวุ่นวายกับเพื่อนบ้านแล้วแต่หญิงสาวคนดังกล่าวนั้นไม่ทำกลับพาสุนัขมาฉี่หน้าบ้านของคนอื่นทำให้บ้านของคนอื่นนั้นได้รับความเดือดร้อนเพราะมีกลิ่นเหม็นของฉี่สุนัขนั้นเอง

       สำหรับปัญหาเพื่อนบ้านมักมีเรื่องทะเลาะกันเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงนั้น   อาจจะกล่าวได้ว่าเกิดขึ้นแทบทุกหมู่บ้านเลยก็ได้ ซึ่งการที่เราต้องเจอกับเพื่อนบ้านที่มีพฤติกรรมอย่างนี้จะส่งผลทำให้สุขภาพจิตของเราแย่ดังนั้นการซื้อบ้านของแต่ละหมู่บ้านจึงมีความเสี่ยงมากที่เราจะต้องเจอกับเพื่อนบ้านที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแต่ถ้าหากใครไปเพื่อนบ้านที่ดีก็ถือว่าเป็นโชคลาภอันประเสริฐมากเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.    เล่นคาสิโนออนไลน์ ที่ไหนดี

ทำโรงเรียนต้องปิดชั่วคราว 

ทำโรงเรียนต้องปิดชั่วคราว 

ครูในโรงเรียนดังของพิษณุโลกขึ้นเครื่องบินไฟท์เดียวกับผู้ป่วยที่ติดโควิด-19 ทำโรงเรียนต้องปิดชั่วคราว 

       นับได้ว่าปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการระบาดของไวรัสโคโรนาที่กำลังกลับมาบาทใหม่ในตอนนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อไหลหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนขับรถตู้และกลุ่มคนเดินทางที่นั่งรถตู้คันเดียวกับคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิคหรือแม้แต่ในขณะนี้ก็มีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลกซึ่งเป็นโรงเรียนดังประจำจังหวัดได้ออกมาประกาศปิดโรงเรียนชั่วคราว

         ส่วนสาเหตุนั้นก็เพราะว่ามีการตรวจสอบพบว่าผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นได้นั่งเครื่องบินและไฟท์บินดังกล่าวนั้นนอกจากสองผลกระทบต่อกัปตันบนเครื่องบินและแอร์ที่ทำงานบนเครื่องบินแล้วยังส่งผลกระทบต่อผู้ที่นั่งไฟท์เที่ยวบินดังกล่าวนั้นเช่นเดียวกัน

ซึ่งมีคุณครูท่านหนึ่งที่สอนอยู่ในโรงเรียนดังในพิษณุโลกได้นั่งเครื่องบินไฟดังกล่าวด้วยทำให้เมื่อผู้อำนวยการทราบเรื่องจึงได้มีการปิดโรงเรียนเป็นการชั่วคราวตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อทำการ ทำความสะอาดพื้นที่ภายในบริเวณโรงเรียนด้วยการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคก่อนที่จะมีการกลับมาประกาศให้เปิดอีกครั้งหนึ่ง 

          อย่างไรก็ตามนี่คือความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับคนในสังคม  เพียงเพราะว่ามีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมักง่ายหนีการคัดกรองและลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ที่สำคัญยังเดินทางไปทั่วหลายจังหวัดทำให้บุคคลอื่นๆที่จำเป็นต้องใกล้ชิดกับบุคคลเหล่านี้พลอยเดือดร้อนไปด้วย 

ยังมีรายงานข่าวล่าสุดที่มีหญิงไทยจำนวน 4 คนที่เดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านและติดเชื้อไวรัสโคโรนาพร้อมทั้งหนีเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ผ่านการตรวจคัดกรองเชื้อและภายหลังพบว่าตนเองนั้นติดเชื้อไวรัสโคโรน่า  ซึ่งกว่าจะตรวจพบก็เดินทางไปหลายที่สร้างความเสียหายให้กับคนไทยหลายคนหลายกลุ่ม

          ซึ่งในความเสี่ยงนั้นส่งผลต่อหน้าที่การงานของพวกนักบินและแอร์โฮสเตสที่พวกเขาเดินทางขึ้นเครื่อง  และยังส่งผลไปยังกลุ่มคนที่เดินทางบนรถตู้นั่งรถตู้คันเดียวกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า และยังลุกลามมาถึงกลุ่มเด็กนักเรียนที่ต้องปิดโรงเรียนเนื่องจากว่ามีความเสี่ยงที่อาจจะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าจากกลุ่มคนทั้ง 4 คนนั้น

            จะเห็นได้ว่าความเห็นแก่ตัวของคนแค่เพียงไม่กี่คนส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อคนในสังคมเป็นอย่างมากเพราะเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายดังนั้นเพื่อความสงบสุขของคนในสังคม  เราทุกคนจึงควรร่วมแรงร่วมใจกันยึดตามกฎระเบียบข้อบังคับของสาธารณสุขตรวจคัดกรองตรงจุดที่มีการบังคับให้ตรวจและสวมใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านทุกครั้งเพียงเท่านี้เราก็สามารถอยู่ในสังคมได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าเชื้อไวรัสโคโรนาจะแพร่ระบาดและติดต่อกันนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย .    สมัครเว็บ ufabet

ประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศสหรัฐอเมริกา

ประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศสหรัฐอเมริกา

หลังจากที่มีการแย่งชิงตำแหน่งเก้าประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกา มาตลอดในช่วงเดือนที่ผ่านมานั้น ระหว่างเจ้าของตำแหน่งคนเดิมอย่าง โดนัลล์ ทรัมป์ กับ ผู้ท้าชิงคนใหม่อย่าง โจ ไบเดน ซึ่งในเวลานี้การเลือกตั้งก็ได้จบลงอย่างเป็นเอกฉันท์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคนอเมริกัน ก็ได้ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นที่เรียบร้อย นั้นก็คือ โจ ไบเดน ซึ่งเพราะอะไรนั้นที่ทำให้ โจ ไบเดน ได้เก้าอี้ตัวนี้ไป

นโยบายทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทางไบเดนเอง ก็ได้ให้คำมั่นกับคนของประเทศเค้าว่า เค้าจะผลักดันการใช้แนวทางการเจรจาผ่านองค์กรการค้าเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศสหรัฐ ไม่ให้เสียเปรียบกับคู่เจรจา โดยนโยบายนั้นมีชื่อ Buy American

นโยบายด้านการต่างประเทศ ซึ่งจุดนี้น่าจะเป็นคะแนนหลักที่ทำให้ โจ ไบเดน นั้นเหนือกว่า โดนัลล์ ทรัมป์ เพราะตัวเค้าเองนั้นได้ชูประเด็นว่า การแข็งกร้าวกับประเทศคู่ค้า ทำให้ประเทศอเมริกาในเวลานี้เป็นประเทศที่โดดเดี่ยว และเปิดโอกาสให้ประเทศจีนขึ้นมามีบทบาทต่อการค้าโลก จนทำให้ประเทศอเมริกาสูญเสียสถานการณ์เป็นผู้นำในระบบการค้าเสรีลงทันที ดังนั้นตัวเค้าเองจะดึงบทบาทผู้นำตรงนี้กลับมาด้วยการรักษาสันติภาพของโลก พร้อมๆ ไปกับการรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาเอง

นโยบายด้านสีผิว ความเหลื่อมล้ำและการเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งตัวเค้าเองเลือกที่จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิว และต้องการหยิบยื่นความยุติธรรมให้กับคนผิวสี ซึ่งมีการเสนอนโยบายในการแก้ปัญหาหลายอย่างที่มักจะเกี่ยวข้องกับคนผิวสีและชนกลุ่มน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีอาญา หรือการลดบทลงโทษและเสนอการให้มีระบบประกันตัวระหว่างการสู้คดีของคนผิวสี ที่ไม่ต้องใช้เงินสด

นโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก ซึ่งทางไบเดนเองนั้น ต้องการที่จะทำข้อตกลงกับปารีสว่าด้วยการลดปัญหาโลกร้อน ด้วยการเป็นประเทศที่หยุดปล่อยก๊าซคาร์บอน และห้ามมีการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในเขตที่ดินสาธารณะ และมีแผนลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดอีกด้วย

และสุดท้ายเรื่องที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ โจ ไบเดน ชนะโดนัลล์ ทรัมป์ และขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกานั้น ก็น่าจะมาจากท่าทีประนีประนอมของนายไบเดน ที่เป็นการเปิดโอกาสร่วมมือกับประเทศแถบเอเชียเพื่อคานอำนาจกับประเทศจีน แทนที่จะเป็นการใช้นโยบายภาษีซึ่งกายเป็นชนวนสงครามการค้าขึ้นมาในยุคสมัยของ โดนัลล์ ทรัมป์ ซึ่งจุดนี้เองที่เป็นข้อกังขาและทำให้ ตัวทรัมป์ เองสร้างศัตรูกับหลายๆประเทศ จนทำให้ตัวทรัมป์ สูญเสียคะแนนความนิยมนี้ไป และสุดท้าย โจ ไบเดน ก็ได้กลายเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศอเมริกา

 

สนับสนุนโดย  ufabet

ตะปูยัดไส้ก้ามกุ้ง

ตะปูยัดไส้ก้ามกุ้ง

         เกี่ยวกับเรื่องของอาหารการกินที่เรามักไปซื้อของสดมาเพื่อเอามาทำกินเองที่บ้านแล้วบางครั้งก็อาจจะเจอการยัดไส้เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับสินค้านั้นๆซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกปลาที่เรามักจะเห็นข่าวอยู่เป็นประจำแต่ล่าสุดได้มีหญิงสาวคนหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความลงใน Facebook ส่วนตัวของเธอ

ระบุว่าเธอเจอกับกุ้งยัดไส้โดยเธอได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอประสบมานั่นก็คือเธอได้เดินทางไปที่ตลาดซึ่งเป็นตลาดที่อยู่ใกล้กับสวนจตุจักรเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงดังมากในเขตกรุงเทพฯที่มีของต่างๆมากมายให้ซื้อและเป็นของสด

ซึ่งตลาดแห่งนี้นับได้ว่าเป็นตลาดที่ขายสินค้าแพงตลาดหนึ่งในกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้แต่ก็เป็นตลาดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยปัญหาที่เธอพบก็คือเธอตั้งใจไปซื้อกุ้งก้ามกรามเพื่อนำมาใช้ประกอบอาหารกินกับคนที่บ้านซึ่งเธอได้ซื้อมาทั้งหมด 2 กิโลกรัม

โดยแม่ค้าคิดค่ากุ้งกิโลกรัมละ 950 บาททำให้เธอต้องเสียเงินค่าซื้อกุ้งในครั้งนั้น 1,900 บาทโดยได้กุ้งมาทั้งหมด 7 ตัวด้วยกันแต่หลังจากที่เธอนำกุ้งมาประกอบอาหารเพื่อรับประทานกับที่บ้านแล้วปรากฏว่าในขณะที่เธอนั้นกำลังหักกล้ามของกุ้งกับพบว่ามีการสอดไส้ด้วยการนำตะปูมาเจาะใส่ตรงตามของกุ้งซึ่งตะปูดังกล่าวนั้น

ได้ถูกตัดหัวออกเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นหมายถึงว่าเธอถูกเพิ่มน้ำหนักของกุ้งก้ามกรามทำให้เธอได้กุ้งน้อยลงแต่ว่าจ่ายเงินเยอะขึ้นซึ่งเธอมองว่าการที่แม่ค้าขายกุ้งก้ามกรามทำแบบนี้ก็เป็นการโกงลูกค้านั่นเองจึงได้โพสต์ข้อความเตือนให้กับคนในโลกออนไลน์ได้ทราบกลโกงของแม่ค้าที่ตลาด อตก. โดยหวังว่าถ้าหากใครไปซื้อสินค้าก็ให้มีการตรวจสอบให้ดีเพราะอาจจะโดนอย่างที่เธอโดนก็ได้ที่เป็นการสอดไส้เพื่อเพิ่มน้ำหนักของสินค้า 

           อย่างไรก็ตามหญิงสาวได้มีการออกมาโพสอีกครั้งหนึ่งว่าหลังจากที่เธอมีการโพสต์เกี่ยวกับเรื่องของกุ้งก้ามกรามโดนยัดไส้เธอก็ได้มีการติดต่อไปที่แม่ค้าที่ขายกุ้งให้กับทางด้านแม่ค้าเองก็ออกมาขอโทษและพร้อมจะรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นโดยได้แม่ค้านั้นยินดีที่จะจ่ายเงิน 1,900 บาทที่เธอเสียไปในการซื้อกุ้งคืนให้กับลูกค้าครั้งนี้เธอจึงได้มาโพสต์ชี้แจงให้ทราบว่าทางร้านรับผิดชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องนี้มีการวิเคราะห์ออกมา 2 แบบก็คือแม่ค้าอาจจะไม่รู้เรื่องกับการที่มีการยัดไส้ตะปูที่ก้ามของกุ้งก็เป็นไปได้เพราะว่ากุ้งนั้นซื้อมาแบบสดซึ่งแม่ค้าก็ต้องรับมาจากชาวประมงอีกทีนึงซึ่งคาดว่าอาจจะมาตากชาวประมงก็เป็นไปได้ดังนั้นปัญหาตรงนี้จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าคนที่ยัดไส้กุ้งจริงๆแล้วเอามาจากไหนกันแน่แต่อย่างไรก็แล้วแต่ทางด้านแม่ค้าก็ออกมารับผิดชอบปัญหาดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  gclub

พ่อแม่ให้ลูกกินอาหารจนอ้วน หวังเงินจาก YouTube

พ่อแม่ให้ลูกกินอาหารจนอ้วน หวังเงินจาก YouTube

         ในโลกออนไลน์มีกระแสออกมาต่อต้านครอบครัวหนึ่งซึ่งเป็นครอบครัวชาวจีนด้วยกระแสโซเชียลได้ออกมาต่อต้านครอบครัวนี้เนื่องจากว่าครอบครัวนี้จะประกอบด้วยพ่อกับแม่และลูกสาววัยเพียงแค่ 3 ขวบเท่านั้น

ซึ่งคนในโลกออนไลน์รู้จักครอบครัวนี้จากการที่พ่อกับแม่นั้นมักจะถ่ายคลิปลง YouTube อยู่เป็นประจำซึ่งจุดดังกล่าวจะเป็นทริปเกี่ยวกับการที่พวกเขานั้นเลี้ยงลูกด้วยการนำอาหารมาให้ลูกของเขากินโดยแรกๆนั้นกลุ่มคนโซเชียลของประเทศจีน

ต่างก็รู้สึกถึงความน่ารักของเด็กที่กินง่ายอยู่ง่ายพ่อกับแม่เอาอะไรมาให้กินก็จะกินหมดและกินในปริมาณมากแต่ช่วงหลังๆมากลับพบว่าพ่อแม่นั้นมักจะนำอาหารมาให้ลูกกินเยอะมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งเมื่อ 2 ปีก่อนเด็กยังคงความน่ารักเพราะยังกินแล้ว

กำลังง่วนจ้ำม่ำพอดีแต่หลังจากที่มีการลงคลิปของเด็กหน่อยครั้งเท่าและมีคนเข้ามาดูเป็นจำนวนมากซึ่งพ่อแม่จะได้เงินรายได้จากการที่คนเข้ามาดูคลิปในยูทูปทำให้พวกเขานั้นเริ่มบังคับให้ลูกของเขากินอาหารเยอะมากขึ้นเรื่อยๆโดยที่ไม่ใส่ใจสุขภาพของลูกเลยว่าปัจจุบันนี้รูปของเขานั้นอ้วนมากแค่ไหน

เพราะคนในโลกออนไลน์เรื่องเห็นแล้วว่าหลังจากผ่านไปสองปีเด็กวัยเพียงแค่ 3 ขวบเท่านั้นมีน้ำหนักมากหรือ 35 กิโลกรัมซึ่งเกินกว่ามาตรฐานเด็กทั่วไปหลายเท่าซึ่งในขณะนี้เรียกได้ว่าเด็กคนดังกล่าวนั้นนับว่าเป็นโรคอ้วนแต่แทนที่พ่อแม่จะพาลูกไปรักษาและควบคุมการกินอาหารของลูกพวกเขายังคงอัดคลิปวีดีโอลง YouTube ให้ลูกกินอาหารที่มีแคลอรี่สูง

ทั้งขนมและเค้กรวมถึงกับข้าวในปริมาณมากโดยที่ไม่ยอมควบคุมอาหารให้กับลูกเลยดังนั้นคนในโลกออนไลน์จึงเริ่มรู้สึกว่าพ่อแม่คู่นี้ไม่ได้รักลูกอย่างแท้จริงหวังเพียงแค่ว่าจะหารายได้จากการที่เอาคลิปลูกกินเยอะๆมาอวดชาวบ้านแล้วได้เงินจากการขายโฆษณาจากทาง YouTube นั่นเอง

ซึ่งเมื่อคนในโลกออนไลน์เห็นความเห็นแก่ตัวที่พ่อกับแม่มีต่อลูกก็ได้ออกมาต่อว่ารุมด่ากันเป็นจำนวนมากโดยหลายคนมองว่าสิ่งที่พ่อไม่ได้ทำกับเด็กนั้นเป็นการใช้ลูกของตนเองมาเป็นเครื่องมือในการหากินซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรที่จะทำอย่างยิ่ง

สำหรับพ่อกับแม่ที่มีต่อลูกของตนเองขณะนี้ทางด้านคนในโลกออนไลน์ของประเทศจีนอาจจะรู้สึกไม่พอใจพ่อแม่ของเด็กหญิงคนดังกล่าวเป็นอย่างมากซึ่งมีหลายคนพร้อมที่จะออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเด็กด้วยการที่จะประสานงานไปที่เจ้าหน้าที่ทางด้านกฎหมายเพื่อให้ดำเนินคดีกับพ่อแม่คู่นี้เรื่องตะกร้าการกระทำดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของเด็ก

และนับได้ว่าสิ่งที่พ่อกับแม่ทำกับลูกของเขานั้นถือว่าเป็นการทำร้ายลูกหนังมากเลยทีเดียวเพราะไม่ใช่เพียงแค่เด็กจะอ้วนเกินไปมากเท่านั้นแต่ยังเป็นที่มาของโรคภัยไข้เจ็บอีกนานละกันที่เด็กคนนี้จะต้องเจอในอนาคตนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

เพิ่งอยู่ด้วยกันแค่ 4 เดือนจับหัวเมียกระแทกผนังปูน จนทำให้เสียชีวิต

เพิ่งอยู่ด้วยกันแค่ 4 เดือนจับหัวเมียกระแทกผนังปูน จนทำให้เสียชีวิต

                      เจ้าหน้าที่ตำรวจของจังหวัดกระบี่ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนถูกทำร้ายร่างกายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกระบี่เมื่อคืนวันที่ 18 เดือนตุลาคมปีพ. ศ. 2563  ในช่วงเวลา 1:00 น.  แต่เนื่องอาการบาดเจ็บสาหัสแพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ต่อมาจึงเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในช่วงเวลาประมาณ 3:00 น ผู้เสียชีวิตนั้นอายุ 49 ปีชื่อว่านางหนูพันธ์

         และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงโรงพยาบาลได้ของผู้เสียชีวิตให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคนที่ลงมือก่อเหตุทำร้ายร่างกายนางหนูพันธ์จนถึงแก่ความตายนั้นเป็นสามีใหม่ของนางหนูพันธ์ซึ่งเขาเพิ่งจะย้ายมาอยู่บ้านของนางหนูพันธ์เพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้นเอง  

โดยทางญาติของนางหนูพันธ์ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าช่วงเวลาประมาณตี 1 คนร้ายที่ทำร้ายนางหนูพันได้รับบาดเจ็บได้เดินไปเรียกเพื่อนบ้านให้ช่วยเรียกกู้ภัยมานำร่างนางหนูพันธ์ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

             เนื่องจากว่ามีการทะเลาะวิวาทกันและนางหนูพันธ์ยังเกิดหกล้มในห้องน้ำจนสลบ  ซึ่งคนร้ายไม่ได้เดินทางพานาหนูผ่านมาส่งที่โรงพยาบาลด้วยแต่ยังคงกินเหล้าและนอนอยู่ในบ้านพัก  ดังนั้นหลังจากที่ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วนางหนูพันธ์เสียชีวิตเพื่อนบ้านจึงได้มีการโทรแจ้งญาติของนางหนูพันธ์ให้ทราบและมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับมีคนเสียชีวิต

       ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการเดินทางไปยังที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านของนางหนูพันธ์และล้อมบ้านเอาไว้หลังจากนั้นก็บุกเข้าไปจับกุมผู้ก่อเหตุซึ่งขณะที่ตำรวจบุกเข้าไปนั้นผู้ก่อเหตุยังอยู่ในอาการเมาไม่ได้สติหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเรียกผู้ก่อเหตุเพื่อมาพูดคุยกันโดยใช้ที่ก่อเหตุนั้นชื่อว่านายอนันต์  ซึ่งเขาได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าเมื่อช่วงคืนของวันที่ 18 เดือนตุลาคมนั้น

เขาได้งานทอดกฐินหลังจากนั้นก็กินเหล้าเมากลับมาและเกิดมาทะเลาะกับนางหนูพันธ์ที่บ้านเนื่องจากว่านางหนูพันธ์นั้นมีอาการหึงหวงตนเองว่าตนเองนั้นจะกลับไปคืนดีกับเมียเก่าเราว่าทั้งตัวเขาเพิ่งเลิกกับเมียเก่ามาสวนนางหนูพันธ์ก็เพิ่งเลิกกับสามีมาและมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน 

                 แต่หลังจากย้ายมาอยู่ด้วยกันก็ทะเลาะเรื่องการหึงหวงกันมาโดยตลอดซึ่งเมื่อคืนก็เกิดอาการหึงหวงกันอีกด้วยความเมาในอันนั้นจึงได้จับหัวของนางหนูพันธ์โขกตรงที่บริเวณประตูจนมีเลือดออกทางปากและจมูกหลังจากนั้นนางหนูพันธ์

ก็เข้าไปล้างเลือดในห้องน้ำแล้วเกิดหกล้มลื่นในห้องน้ำ ซึ่งนายอนันต์ได้เดินออกไปบอกเพื่อนบ้านให้ช่วยตามกู้ภัยมาพานางหนูพันธ์ไปรักษาที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นตนเองก็นอนหลับอยู่ภายในบ้านโดยไม่คิดว่าภรรยาจะเสียชีวิต  

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ufabet บาคาร่าออนไลน์

สามีฆ่าภรรยาตายฝังหมกเอาไว้ในสวนมะนาว 

สามีฆ่าภรรยาตายฝังหมกเอาไว้ในสวนมะนาว 

          ที่จังหวัดอ่างทองเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าได้ มีคนเจอศพผู้หญิงถูกฝังเอาไว้ภายในร่องน้ำของสวนเมื่อเดินทางไปถึงก็พบกับเจ้าของสวนได้ชี้จุดที่พบศพและเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำศพขึ้นมาจากร่องน้ำก็พบว่ามีญาติของผู้เสียชีวิต

เดินทางมาดูเหตุการณ์ด้วยและยืนยันว่าศพดังกล่าวนั้นเป็นศพของนางสาววนิดาซึ่งหญิงสาวนั้นมีบ้านอยู่ใกล้กับจุดที่พบศพโดยทางครอบครัวของนางสาววนิดานั้นได้มีการไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้ให้ติดตามตัวคนหายเนื่องจากว่านางสาววนิดาหายตัวออกจากบ้านไปนานเกิน 4 วันแล้ว

อย่างไรก็ตามทางด้านครอบครัวของนางสาววนิดานั้นยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ดำเนินการฆ่านางสาววนิดาแต่ในขณะนั้นได้มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นเพื่อนกับสามีของนางสาววนิดาได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคนที่ลงมือก่อเหตุฆ่านางสาววนิดานั้นคือสามีของเธอเองเนื่องจากว่าในช่วงวันที่ 17 เดือนสิงหาคม ปีพศ2563

สามีของนางสาววนิดาว่าไงเมฆได้เดินทางมาหากันเองที่บ้านพร้อมกับบอกให้ช่วยพานาย เมฆหนี  ซึ่งเมื่อถามถึงสาเหตุที่ต้องพาหนีตำรวจนั้น นายเมฆ ได้บอกว่าตนเองนั้นได้ลงมือฆ่านางสาววนิดาตายส่วนสาเหตุของการฆ่ากันนั้นน่าจะเกิดจากความหึงหวงเนื่องจากว่าก่อนหน้านั้น นาย เมฆเคยมาปรึกษาเพื่อนว่าจับได้ว่านางสาววนิดานั้นกำลังนอกใจ 

             การสำรวจเบื้องต้นนั้นพบว่ามีร่องรอยการถูกบีบคอกินข้าวว่าคนร้ายน่าจะมีการดูดคอผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้วนำศพมาฝังที่สวนมะนาวเป็นเจ้าของสวนได้เดินทางมาเห็นศพในที่สุดซึ่งในขณะนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปที่บ้านแม่ของนายเมฆปรากฏว่าพ่อของนายแม่ไม่อยู่บ้านเลยแม่บอกว่าพ่อกับนายเมฆนั้น

ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าพ่อของนายแม่น่าจะรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้ภายในเพจนั้นบ่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปโดยมีการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของในเมื่อครั้งสุดท้ายพบว่ามีการเปิดเครื่องแถวบริเวณจังหวัดสุพรรณบุรี

หลังจากนั้นสัญญาณก็ตัดหายไปซึ่งคาดว่านาย เมฆและพ่อนั้นน่าจะพยายามหนีออกนอกประเทศไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านแต่ทางนี้ยังไม่รู้ว่าสามารถเดินทางออกไปได้แล้วหรือไม่หรือยังอยู่ในประเทศไทยซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามหาตัวมาดำเนินคดีต่อไป  ส่วนทางด้านแม่ของผู้เสียชีวิตนั้นในข้อมูลว่าค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นลูกเขยของตนเอง

ที่ฆ่าลูกสาวแต่ก็ต้องรอการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนเพราะไม่อยากปรับปังโดยยังไม่มีหลักฐานแต่ถ้าหากเป็นลูกเขยฆ่าลูกสาวจริงก็อย่าที่จะให้ลูกเขยงั้นตายตามลูกสาวไปและที่สำคัญตลอดชีวิตนี้จะไม่มีทางให้อภัยลูกเขยอย่างเด็ดขาดดังนั้นหากท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวมาได้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพามาขออโหสิกรรม

 

สนับสนุนโดย  gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa