ตำรวจตั้งด่านลอยจับดีเจชื่อดังตรวจฉี่เรียกรับเงิน 25,000 บาท

ตำรวจตั้งด่านลอยจับดีเจชื่อดังตรวจฉี่เรียกรับเงิน 25,000 บาท

    มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งอ้างว่าเป็นดีเจชื่อดังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งด่านลอยพร้อมทั้งเรียกรับเงินสินบนโดยทางดีเจได้มีการระบุใน Facebook ส่วนตัวของตนเองว่าในวันดังกล่าวตนเองเดินทางผ่านด่านตรงจุดนั้นและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตรวจสอบ

ซึ่งมีการนำไปตรวจฉี่หาสารเสพติดผลปรากฏว่า ในฉี่เป็นสีม่วงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวดีเจดังคนดังกล่าวไปทำการตรวจหาสารเสพติดอีกครั้งที่โรงพยาบาลซึ่งผลปรากฏว่าเหตุผลที่ฉี่เป็นสีม่วงนั้นเนื่องจากว่าดีเจดังคนดังกล่าวกินยาเข้าไป

ซึ่งยานั้นมีสารเมทแอมเฟตามิน  ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวดีเจคนดังกล่าว มาพูดคุยที่ห้องของสายตรวจโดยมีการเสนอเงิน 15,000 บาทเพื่อให้ปล่อยตัวโดยทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรับเงินไว้หลังจากที่ DJ คนดังกล่าวถูกปล่อยตัวออกไปแล้วก็ไปถูกตรวจด่านอีกครั้งหนึ่งตรงสนตลิ่งชันผลปรากฏว่าไม่พบสารสีม่วงจึงทำให้ดีเจคนดังกล่าวเข้าใจว่าด่านลอยที่ตั้งตรงท่าพระนั้นมีการยัดยาเสพติดให้กับตนเอง

หลังจากนั้นจึงได้มีการโทรกลับมาหาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการตั้งด่านลอยพร้อมทั้งให้เพื่อนที่เป็นทนายความมีการพูดจาข่มขู่ตำรวจว่าจะเอาผิดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการตั้งด่านลอยและยาเสพติดพร้อมทั้งรับเงินของตนเองไปหลังจากนั้นก็ได้นำเรื่องราวมาโพสให้กับประชาชนได้อ่านกันซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นนักข่าวได้ไปสัมภาษณ์ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นหัวหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรงสนท่าพระพบว่าด้านดังกล่าวเป็นด่านลอยที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแอบมาตั้งกันเองจริง

ซึ่งทั้งนี้ได้มีการส่งตรวจสอบวินัยแล้วและหากพบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเรียกรับเงินประชาชนจริงก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและถ้าเกิดทางดีเจเองเป็นผู้เสนอเงินให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับเงินก็ตามก็จะมีการดำเนินคดี

กับทางดีเจคนดังกล่าวโทรถามติดสินบนทางเจ้าหน้าที่ในขณะเดียวกันชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณน้ำต่างก็บอกกันว่าด่านนี้มีการตั้งขึ้นมาได้สักระยะแล้วและก็มีเสียงเล่าลือกันว่ามักจะมีการเรียกเก็บเงินกับทางประชาชนแต่ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่

   ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้คงต้องรอผลจากการสืบสวนสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งหนึ่งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามทั้ง 4 คนได้กระทำการผิดจริงหรือไม่และหากผิดจริงก็จะมีการลงโทษทางวินัยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงถ้าหากดีเจดังกล่าวมีการเสนอเงินให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงก็จะถูกดำเนินคดีด้วยเช่นเดียวกัน 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  สมัครจีคลับ ไม่มีขั้นต่ำ

เมียหลวงประจานเมียน้อย สามีแย้งเพราะเมียหลวงมีชู้ก่อน

เมียหลวงประจานเมียน้อย สามีแย้งเพราะเมียหลวงมีชู้ก่อน

      กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงอยู่ในโลกโซเชียลเมื่อหญิงสาวคนหนึ่งอ้างตัวเองว่าเป็นเมียหลวงได้มีการโพสต์คลิปวีดีโอและภาพลับของสามีที่กำลังมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นโดยเธอใช้คำว่าเมียน้อยด้วยในข้อความของเธอนั้น

มีการระบุเอาไว้ว่า สามีของฉันมีผู้หญิงคนอื่นและผู้หญิงคนดังกล่าวก็ยังยอมรับออกมาโดยตรงพร้อมใช้ยังส่งรูปภาพการมีอะไรกันกับสามีของเธอมาให้เธอดูตามให้เธอต้องโพสต์ภาพนี้ให้กับคนในโซเชียลได้รู้  ซึ่งเมื่อ Facebook ได้มีการเผยแพร่ออกไปต่างก็มีคนพากันมาวิพากษ์วิจารณ์สามีของเธอรวม

ถึงเมียน้อยที่กระทำผิดไปหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวเป็นข่าวดังใหญ่โตทางฝั่งของสามีของเมียหลวงก็ได้ออกมาขอชี้แจงกับทางนักข่าวโดยสามีคนดังกล่าวชื่อว่าคุณนนท์ได้ให้ข้อมูลกับนักข่าวไว้ว่าที่จริงแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ตนเอง

และคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียน้อยได้รับความเสียหายทั้งที่เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงอย่างที่เมียหลวงมีการโพสต์เอาไว้เลยคุณยังเล่าข้อมูลให้ฟังว่าตอนที่คุณนนท์อยู่กับภรรยานั้นภรรยาของคุณนนท์ได้แอบมีชู้กับไปคบกับแฟนเก่าแต่ยังนำเงินของคุณนนท์ไปช่วยเหลือแฟนเก่าอยู่ตลอดเวลาทำให้คุณนนท์และภรรยาทะเลาะกัน และได้มีการเลิกกันไปแล้วเมื่อ 3 เดือนก่อน

ก่อนที่คุณนนท์จะมาคบกับผู้หญิงคนใหม่และมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใหม่ดังนั้นคุณนนท์ยืนยันได้ว่าผู้หญิงคนใหม่ที่อยู่ในคลิปไม่ได้เป็นเมียน้อยอย่างแน่นอนแต่เป็นแฟนใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นคบกันส่วนสาเหตุที่ภรรยาเก่านำคลิปของคุณนันมาเผยแพร่นั้น

เนื่องจากภรรยาเก่าไม่พอใจที่เดินทางมาขอเงินคุณนนท์ 5,000 บาทที่บ้านแล้วคุณมันไม่ให้โดยทางภรรยาเก่าน่าจะแอบเซฟรูปจากมือถือของเขาขณะที่เขาเผลอแล้วเอาไปลงโซเชียลซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้คุณนั้นบอกว่าจะไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีใดๆ

กับทางภรรยาเก่าแน่นอนเพราะว่าเริ่มได้ผ่านไปแล้วถึงแม้ว่าตนเองและทางแฟนใหม่ของตนจะเสียหายก็ตามแต่หลังจากนี้ก็ขอให้ทำภรรยาเก่าเลิกราไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับคนอื่นและแฟนใหม่อีก 

     สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไรนั้นเป็นเรื่องราวของคนทั้งหมดเพราะแต่ละคนก็มีหลักฐานว่าอีกฝ่ายหนึ่งผิดเพิ่งทางด้านสามีเองก็มีคลิปเสียงว่าแฟนเก่าของภรรยามีการโทรมาด่าว่าโง่และยังบอกอีกว่าภรรยาเก่าของตนเองเอาเงินไปให้แฟนเก่าใช้ตลอดเวลาดังนั้นทางสามีจะบอกว่าตนเองไม่ผิดที่จะไปมีผู้หญิงคนอื่นเพราะภรรยาเองก็มีการกลับไปคบกับแฟนเก่าเช่นเดียวกัน 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บคาสิโนออนไลน์อันดับ1

หนุ่มเอาน้ำลายป้ายในลิฟต์ที่ BTS

หนุ่มเอาน้ำลายป้ายในลิฟต์ที่ BTS

หนุ่มเอาน้ำลายป้ายในลิฟต์ที่ BTS ชี้แจงเหตุผลที่ทำเช่นนั้นเพราะต้องการพิสูจน์รักแท้ 

   หากยังจำกันได้ถึงผู้ชายเสื้อสีดำกางเกงสีแดงคนหนึ่งที่เข้าไปในลิฟท์ของสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสนามกีฬาและเมื่อชายคนดังกล่าวเข้าไปในเว็บก็ล้วงเอาน้ำลายไปต่างๆภายในลิฟท์วันถึงดวงเข้าไปในกางเกงชั้นในของตนเองด้วย

ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามจับกุมตัวมาได้พร้อมกับส่งไปตรวจสอบหาการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าและอาการป่วยทางจิตเนื่องจากเริ่มมีข่าวเกิดขึ้นทางพี่สาวของชายคนดังกล่าวยืนยันว่าใน  ชายที่อยู่คลิปที่กำลังเป็นที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้เป็นน้องชายของตนเอง

และมีอาการป่วยทางจิตต้องกินยาอยู่ตลอดเวลาซึ่งณวันที่เกิดเหตุคาดว่าน้องชายน่าจะลืมกินยาจึงทำให้ไปก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งนักข่าวได้ไปทำการขอสัมภาษณ์ชายเสื้อดำคนดังในคลิปดังกล่าวก็ได้รับการปฏิเสธในตอนแรกโดยเขาขอเอกสารยืนยันการตรวจผลไวรัสโคโรน่าและตรวจผลทางจิตประสาทของเขาออกมาก่อนแล้วจะมีการให้สัมภาษณ์ในช่วงเวลา 8:00 น

นั้นล่าสุดทางนักข่าวได้ติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์เขาอีกรอบนึงซึ่งเขาตกลงในการจะให้ข้อมูลเบื้องต้นกับนักข่าว  โดยเขาขอใช้นามสมมุติว่าชื่อ กิจ ซึ่งคุณกฤษบอกกับนักข่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นคนโรคจิตหรือมีอาการทางประสาทเป็นอย่างไรแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นเนื่องจากว่าตนเองได้รู้จักกับชายคนนึงซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจและมีการพนันการเกิดขึ้นว่าถ้าหากตนเองสามารถทำอะไร

ก็ได้ให้ชายคนดังกล่าวหันมาสนใจได้ชายคนดังกล่าวจะตกลงเป็นแฟนกันกับตนเองทำให้คุณกฤษเดินมาถึงที่สถานีรถไฟฟ้า BTS แล้วเข้าไปในลิฟท์จึงได้ทำการป้ายน้ำลายลงไปในบริเวณที่ต่างๆซึ่งในตอนนั้นตนเองไม่ได้มองเห็นว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่แต่เมื่อทำไปแล้วจึงรู้ว่ามีกล้องวงจรปิดจึงได้เดินออกมาแล้วก็ถูกทางเจ้าหน้าที่รปภและเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมา

เพื่อดำเนินคดีซึ่งทางคุณกฤษเองยืนยันว่าตนเองไม่ได้ป่วยโรคจิตอย่างแน่นอนตามที่พี่สาวให้ข่าวและตอนนี้ก็มีการไปตรวจผลว่าตนเองเป็นโรคจิตหรือไม่รวมถึงผลของการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าออกมาเบื้องต้นแล้วว่าตนไม่ได้ป่วยมีอาการทางประสาทเป็นอย่างไร

รวมถึงไม่ได้ติดเชื้อแต่อย่างใดแต่ขอผลยืนยันอีกครั้งหนึ่งที่เป็นที่แน่นอนแล้วจะมีการนัดนักข่าวเพื่อให้ข้อมูลอีกครั้งหนึ่งโดยตนเองยืนยันว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์รักแท้ระหว่างตนเองกับชายนักธุรกิจเท่านั้นไม่ได้ต้องการที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร

    ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวว่าหากผลปรากฏออกมาว่าคุณกฤษไม่ได้ป่วยเป็นโรคโคโรน่าและไม่ได้มีอาการทางประสาทแต่ก่อเหตุการกระทำเช่นนี้ก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นและทำให้สถานที่ต่างๆสกปรกซึ่งจะมีผลทั้งติดคุกและปรับเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 10000 บาท 

 

สนับสนุนโดย  ufabet บาคาร่า

วัยรุ่นกลุ่มตลาดสด ยกพวกไปทำร้ายคู่อริถึงที่บ้าน

วัยรุ่นกลุ่มตลาดสด ยกพวกไปทำร้ายคู่อริถึงที่บ้าน

        ที่จังหวัดสงขลา มีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่ว่ากันว่าเป็นแก๊งตลาดสด ได้รวมตัวกันยกพวกไปที่หน้าบ้านคู่อริที่กำลังล้างผักอยู่ในบ้าน โดยวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวมีการเตรียมอาวุธมาพร้อมที่จะทำร้ายคู่อริให้ตายเลยเพราะมีการเตรียมทั้งปืนและมีด

จนคู่อริต้องวิ่งหนีขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านพักและกระโดดหนีตาย แต่โชคไม่ดีตกลงมาหัวกระแทกพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมวัยรุ่นที่มาก่อเหตุได้แล้วหนึ่งคน

      เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นประมาณช่วงเวลา 21:00 นของคืนวันที่ 11 เดือนเมษายนปีพศ 2563 โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของสภ. หาดใหญ่ได้รับแจ้งเหตุว่ามีกลุ่มวัยรุ่นจากทางตลาดสดก่อเหตุ ยกพวกไปรุมทำร้ายอริจนได้รับบาดเจ็บ

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังไปยังจุดที่เกิดเหตุก็พบร่องรอยการต่อสู้กันโดยสภาพสถานที่เกิดเหตุนั้นเป็นอาคาร 2 ชั้นมีร่องรอยกระจกแตกกระจัดกระจายเต็มไปหมด เส้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ามีปลอกกระสุนปืนตกรวมถึงมีมี่ตกอยู่บนถนนอีก 3 เล่มด้วยกัน

ซึ่งเป็นของกลุ่มคนร้ายทำตกเอาไว้ที่ตำรวจได้เก็บเอาไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ส่วนคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเป็นคนที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นเดินทางมาทำร้ายนั้นชื่อว่าในเจอายุประมาณ 20 ปีซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะตอนนี้ทางกู้ภัยได้มีการนำตัวส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ให้คุณว่ากลุ่มวัยรุ่นที่มาทำร้ายในใจนั้นมีประมาณ 10 กว่าคนโดยในตอนที่เกิดเหตุนั้นในเจกำลังล้างผักอยู่ที่บ้านของตนเองอยู่ดีๆก็มีกลุ่มวัยรุ่นเปลือย 10 คนเดินทางมาที่หน้าบ้านแล้วกรูกันเข้าไปในบ้านเพื่อจะทำการรวมทำร้ายในเจทำให้นายเจต้องวิ่งหนีมายังบ้านของเพื่อนบ้านและยังวิ่งขึ้นไปบนชั้น 2

ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 10 คนก็พากันวิ่งตามในเจไปแต่ยังมีการยิงปืนใส่ในเจทำให้นายเจต้องตัดสินใจกระโดดบ้านจากชั้น 2 ลงมาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุมาได้ 1 คนแต่ทางผู้ก่อเหตุให้การปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้รู้จักกับนายเจและไม่ได้เข้าไปร่วมทำร้ายแต่อย่างใดเพียงแค่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มายังจุดเกิดเหตุเท่านั้น

ส่วนคนที่ก่อเหตุจริงๆนั้นชื่อนายดำซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการหลบหนีอยู่ แต่มีพยานยืนยันว่าคนที่ถูกจับกุมได้นั้นคือหนึ่งในผู้ก่อเหตุเพราะมีคนเห็นว่าถือมีดไปยังจุดเกิดเหตุแล้วพยายามจะวิ่งเข้าแทงนายเจซึ่งโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจะคลอดนานๆเข้าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ร่วมมือกระทำด้วย โดยนายดำ เป็นคนที่มีเรื่องกับนายเจ และชวนเพื่อนคนอื่นๆมาทำร้ายนายเจ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ดาวน์โหลด Gclub

สาวป่วยซึมเศร้า จุดไฟเผาตัวเอง

สาวป่วยซึมเศร้า จุดไฟเผาตัวเอง

    มีชาวบ้านแจ้งเหตุกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดเพชรบุรีเมื่อวันที่ 10 เมษายนปี พ.ศ. 2563   ว่าที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตายด้วยการจุดไฟเผาตนเองและเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงบ้านที่เกิดเหตุพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว

ซึ่งภายในบ้านพักญาติของผู้เสียชีวิตได้นำร่างของผู้เสียชีวิตมานานวางไว้บนที่นอนโดยร่างกายของผู้เสียชีวิตนั้นมีลักษณะของร่องรอยการถูกไฟเผาไหม้เป็นสีดำอีกทั้งผนังภายในบ้านพักก็มีร่องรอยการถูกไฟไหม้มีแต่ควันไฟคละคลุ้งไปทั่ว

และใกล้ๆที่จุดวางศพก็มีขวดใส่น้ำมันตกอยู่ซึ่งเป็นขวดแก้วซึ่งคาดว่าเป็นขวดน้ำมันที่ผู้ตายใช้ในการจุดไฟเผาร่างตนเองเหตุการณ์ในครั้งนี้สามีของผู้ตาย ได้เล่าให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าคนตายชื่อนางสาวเสาวลักษณ์โดยมีคนตายนั้นมีอาการทางประสาทและมีอาการของโรคซึมเศร้าเพิ่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชะอำแผนกคลินิกจิตเวช

ซึ่งนางสาวเสาวลักษณ์นั้นพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้งแต่ก็สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงทีแต่มาครั้งนี้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือทำได้เนื่องจากว่าก่อนเกิดเหตุสามีของนางสาวเฉลาลักษณ์ได้ทะเลาะกับภรรยาจึงได้มีการแยกกันอยู่และในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุทางสามีก็ได้เดินทางไปทำงานตามปกติเสร็จแล้ว

ประมาณ 09:30 นถึงได้กลับเข้ามาบ้านเมื่อเดินทางมาถึงบ้านก็เห็นว่ามีควันไฟลอยออกมาจากในตัวบ้านแล้วพอสามีเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่านางสาวเฉลาลักษณ์ได้มีการจุดไฟเผาตนเองเพราะมีร่องรอยไฟไหม้ตามร่างกายเต็มไปหมดซึ่งเธอ

ซึ่งเขาไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือเธอได้ทันที่ทำให้เธอเสียชีวิต  หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสำรวจศพเรียบร้อยแล้วจึงได้มีการไปสำรวจพื้นที่บริเวณใกล้เคียงซึ่งมีกล้องวงจรปิดอยู่ที่ร้านได้กับบ้านของผู้เสียชีวิตโดยมีรายละเอียดในกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าผู้เสียชีวิตเดินทางไปซื้อน้ำมันที่ร้านก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ได้ประมาณ 1 ชั่วโมงเส้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง

มีการสันนิษฐานเอาไว้ว่าผู้เสียชีวิตน่าจะมีอาการของโรคซึมเศร้ากำเริบจึงทำให้คิดสั้นตีกันจุดไฟเผาตนเองจนถึงแก่ความตายสำหรับทางญาติของผู้เสียชีวิตเองตอนนี้ยังไม่ค่อยเชื่อจากข้อสันนิษฐานที่ตำรวจมีให้มากนักว่านางสาวเฉลาลักษณ์จะฆ่าตัวตายเอง

ยืนยันจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำศพไปผ่าพิสูจน์ก่อนก็อยากจะรู้ว่านางสาวเฉลาลักษณ์งั้นตายก่อนหรือหลังพี่จะถูกไฟคลอก  

       สำนักเหตุการณ์ฆ่าตัวตายในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะพิสูจน์ได้ไม่ยากเพราะเมื่อนำศพไปให้ทางโรงพยาบาลผ่าพิสูจน์อยู่ก็จะพบว่าเสียชีวิตก่อนหรือหลังที่จะถูกไฟไหม้อีกทั้งยังมีพยานแวดล้อมจากกล้องวงจรปิดที่จะเห็นได้ว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้ไปซื้อน้ำมันมาด้วยตนเองซึ่งถ้าเกิดทางสามีของผู้เสียชีวิตมีพยานบุคคลที่สามารถยืนยันได้ว่าตนเองนอนอยู่อีกบ้านหลังหนึ่งก็ทำให้สามีคนผิดได้ทันที 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  gclub casino online มือถือ

สำนักปฏิบัติธรรมเถื่อนสอนวิธีปฏิบัติธรรม

สำนักปฏิบัติธรรมเถื่อนสอนวิธีปฏิบัติธรรม

          สำนักปฏิบัติธรรมเถื่อนสอนวิธีปฏิบัติธรรมประหลาดจนชาวบ้านร้องเรียน

            สำหรับประเทศไทยของเรานั้นมีสถานปฏิบัติธรรมหลายพื้นที่หลายแห่งมากแต่มีอยู่ที่หนึ่งที่จังหวัดสระแก้วที่มีความแตกต่างแตกแยกไปจากสถานปฏิบัติธรรมที่อื่นๆ นี่จะเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่จะเน้นให้ผู้คนที่มาปฏิบัติธรรมที่นี่หัดปฏิบัติธรรมด้วย

การขับลมเพื่อเป็นการฟอกลมรักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ฝึกสมาธิของที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ก็คือจะให้นักปฏิบัติธรรมได้ทำการนั่งฝึกสมาธิและหายใจเข้าออกด้วยจังหวะที่เร็วเพื่อเป็นการฟอกลม ซึ่งเรื่องนี้มีชาวบ้านได้มีการร้องเรียนเข้ามาให้ช่วยตรวจสอบให้หนอ่ย

เพราะชาวบ้านเห็นว่าสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้มีวิธีการสอนคนที่มาปฏิบัติธรรมจากแรกนั่นก็คือให้ยืมหายใจแรงๆเป็นลักษณะของการฟอกลม พร้อมกับเปล่งเสียงออกมาให้คล้ายกับเสีัยงสัตว์ตามปีนักษัตร ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคนแต่ละคนเกิดปีอะไรก็จะต้องออกเสียงมาตามเสียงนักษัตรนั้น

ซึ่งพอชาวบ้านเห็นว่ามีการปฏิบัติธรรมแบบจึงอยากจะให้มาตรวจสอบว่าการที่ต้องหายใจแรงๆและมีการแต่งเสียงออกมานี้จะมีอันตรายต่อคนที่มีอาการป่วยอยู่แล้วหรือไม่อย่างเช่นกลุ่มคนที่เป็นพวกโรคหายใจอาจจะทำให้ช็อคได้หรือไม่

ซึ่งวิธีการปฏิบัติทำแบบนี้ถือว่าเป็นวิธีการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องหรือไม่ดังนั้นชาวบ้านจึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยลงเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ว่าสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้เปิดมาอย่างถูกต้องหรือไม่อย่างไร ซึ่งหลังจากที่มีข่าวการร้องเรียนเข้ามาทางนครได้มีการลงพื้นที่เพื่อลงไปดูสถานการณ์ของสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้

โดยมีการอยู่ที่ อำเภอเขาชะกันเป็นพื้นที่ในจังหวัดสระแก้ว ซึ่งที่นี่ก็มีพระส่งฆ์คอยดูแล และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบก็ได้มีการนำเจ้าคณะจังหวัดลงมาด้วยซึ่งก็ได้มีการสั่งการว่าให้สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้หยุดการปฏิบัติธรรมชั่วคราวก่อนและได้มีการให้เจ้าอาวาสจากวัดอื่นมาช่วยดูแล

เนื่องจากว่าผู้ที่เป็นเจ้าของสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้เดินทางไปปฏิบัติธรรมที่จังหวัดอื่นอยู่ ชื่อว่าหลวงพ่อดี ซึ่งตอนนี้หลวงพ่อไม่อยู่ไปปฏิบัติธรรมที่จังหวัดเพชรบูรณ์และตรวจสอบเพิ่มเติมแล้วว่าที่นี่เป็นสำนักปฏิบัติธรรมเถื่อนและยังไม่ได้ขออนุญาติ

  ซึ่งในขณะที่มีการแจ้งปิดสถานีทางเจ้าหน้าที่ของจังหวัดก็ได้มีการควบคุมตัวของผู้คนที่มาปฏิบัติธรรมที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้เอาไว้ก่อนโดย = ตัวไว้ประมาณ 14 วันตามเงื่อนไขของรัฐบาลก่อนที่จะมีการปล่อยตัวให้กลับบ้านได้ค่ะไม่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

ส่วนนักข่าวได้มีการสัมภาษณ์ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมที่นี่ต่างก็ให้ข้อมูลตรงกันว่าเมื่อทำกิจกรรมอย่างที่หลวงพ่อได้สอนแล้วก็รู้สึกว่าอาการเจ็บไข้ได้ป่วยดีขึ้นจึงคิดว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ไม่ได้เสียหายอะไรดีกว่าการนั่งสมาธิเฉยๆแล้วไม่มีอะไรดีขึ้นมา

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  gclub

งบประมาณปี 63 ไทยเตรียมซื้ออาวุธ

งบประมาณปี 63 ไทยเตรียมซื้ออาวุธ

งบประมาณปี 63 ไทยเตรียมซื้ออาวุธและกระสุนด้วยงบประมาณ 247 ล้านบาท 

        ตอนนี้ประเทศไทยเองก็มีการจัดสรรงบประมาณของและหน่วยงานกระทรวงต่างๆเพื่อนำมาใช้ในการบริหารประเทศแต่งบประมาณส่วนใหญ่นั้นทางรัฐบาลเองก็ได้มีการขอร้องกระทรวงต่างๆให้มีการแบ่งงบประมาณที่เคยขอไว้ว่าหากยังไม่มีการนำเงินไปใช้อะไรก็ให้นำเงินส่วนนั้น

ไปช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ทุกคนกำลังต้องการความช่วยเหลือเยียวยาเพราะผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งอย่างที่เราเคยติดตามข่าวสารกันมาว่ากระทรวงต่างๆก็มักจะมีเหตุผลออกมาเรื่องของบประมาณว่าไม่สะดวกในเรื่องของการปันผลเงินงบประมาณออกมาให้กับประชาชน

เนื่องจากได้มีการวางแผนงานเอาไว้และมีการยื่นเอกสารการดำเนินการกันไปหมดแล้วซึ่งบางกระทรวงเมื่อมีการตรวจสอบเชิงลึกลงไปก็พบว่าเงินในกระทรวงต่างๆก็ยังคงเหลือเยอะและไม่มีการวางแผนที่จะใช้งานกับเงินจับเงินก้อนนั้นยังไง และวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องของบประมาณการจัดจ้างจัดซื้อของกรมสรรพาวุธทหารบก

ซึ่งมีการได้รับงบประมาณไปในครั้งแรกที่จะนำเงินไปซื้อเรือดำน้ำโดยเมื่อมีข่าวหลุดรอดออกมาประชาชนส่วนใหญ่ต่างก็ไม่เห็นด้วยเพราะประเทศไทยเองไม่จำเป็นต้องใช้เรือดำน้ำในการทำสงครามอะไรซึ่งตอนนี้มีรายงานเกี่ยวกับเรื่องของบประมาณของกรมสรรพาวุธทหารบกออกมาอีกแล้วว่าจะมีการใช้งบประมาณ 247 ล้านบาท

ในการไปซื้อกระสุน  ไม่ว่าจะเป็นกระสุนปืน  กระสุนระเบิด กระสุนปืนใหญ่หรือแม้แต่จรวจ ซึ่งนี้มีการระบุว่าเป็นงบประมาณที่ต้องมีการจัดซื้อเข้ามาในประเทศสำหรับข้อมูลการจัดซื้อเหล่านี้แน่นอนว่าเป็นส่วนที่ทางการทหารควรจะต้องมีไว้เพื่อปกป้องประเทศแต่ถ้าหากพูดตามหลักความเป็นจริงแล้ว

ในตอนนี้ทั่วโลกไม่มีใครก่อสงครามไม่จำเป็นต้องรีบซื้ออาวุธปืนเหล่านี้ก็ได้สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ทางรัฐบาลเองต้องนำงบประมาณเหล่านี้มาช่วยเหลือประชาชนที่กำลังจะอดตายตอนนี้อยู่มากกว่าหรือไม่แต่ก็พยายามสรรงบประมาณเหล่านี้ออกไป

เพื่อไปซื้อสิ่งที่ไม่ควรซื้อเชื่อว่าถึงแม้จะซื้ออุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาในประเทศไทยตอนนี้ก็ใช่ว่าประเทศไทยจะต้องไปสู้รบปรบมือกับใครหรือมีใครมาแย่งดินแดนของประเทศไทยในช่วงนี้ก็ไม่มีสักหน่อยทำไมต้องสิ้นเปลืองงบประมาณไปกับการซื้ออาวุธเหล่านี้แทนที่จะเห็นความลำบากของประชาชนเป็นหลัก

แต่กับเห็นการซื้ออาวุธปืนซึ่งแน่นอนว่าเราก็ต้องรู้กันดีอยู่แล้วว่างบประมาณเหล่านี้ใช้ในการซื้ออาวุธแค่เพียงครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งนึงก็เข้ากระเป๋าของพวกมีสีแน่นอน

 

 

สนับสนุนโดย  gclubฟรี500

หญิงสาววัย 16 ปี-หลอกเด็กชายวัย 13 ปีไปกระทำชำเรา

หญิงสาววัย 16 ปี-หลอกเด็กชายวัย 13 ปีไปกระทำชำเรา

         ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสังคมในสมัยนี้ผู้ชายก็สามารถถูกหลอกไปกระทำชำเราข่มขืนได้เช่นเดียวกันโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อมีผู้ปกครองท่านหนึ่งเป็นผู้ปกครองของเด็กชายอายุ 13 ปี

ที่ว่าเด็กชายเอได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้ดำเนินคดีกับหญิงสาววัย 16 ปีที่ชื่อว่านางสาววาโดยผู้ปกครองของเด็กชายเอได้เล่าว่าเด็กชายเอนั้นได้รู้จักกับนางสาวอาผ่านทาง Social Media ซึ่งรู้จักกันได้ประมาณแค่เพียง 1 เดือนเท่านั้น

นางสาววาก็เดินทางมาหาเด็กชายเอที่บ้านและมาขออนุญาตมานอนบ้านกับเด็กชายเอซึ่งแม่ของเด็กชายเอนั้นได้ว่ากล่าวตักเตือนนางสาวอาไปและไม่อนุญาตให้นำสว่างมานอนที่บ้านของตนเองทำให้นางสาวว่าไม่พอใจไปนำรถจักรยานยนต์ขี่มารับเด็กชายเอออกไปจากบ้านในช่วงตอนเย็นวันเดียวกันนั้นและหายไปเลยซึ่งทำให้แม่ของเด็กชายเอและญาติพี่น้องของเด็กชายเอพากันขี่รถมอเตอร์ไซค์

ออกตามหาแต่ก็หาไม่พบจนใกล้เวลาคือปีแล้วจึงได้พากันกลับมาบ้านหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วมีเพื่อนบ้านเดินทางมาหาแม่ของเด็กชายเอแล้วบอกว่านางสาววาที่มาหาเด็กชายเอได้มาขโมยรถจักรยานยนต์ที่บ้านของตนเองไปทั้งหมด

จึงได้พากันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในข้อหาลักทรัพย์รุ่งเช้ามีเพื่อนของเด็กชายเอได้ขี่รถจักรยานยนต์มาหาแม่ของเด็กชายเอและบอกว่าเด็กชายเอนั่งรอให้แม่มารับกลับอยู่ที่หน้าโรงเรียนแม่ของเด็กชายเอจึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปรับลูก

เมื่อเห็นสภาพของลูกทำให้แม่ของเด็กชายเอตกใจอย่างมากเนื่องจากลูกชายมีอยู่ในสภาพที่อิดโรยเป็นอย่างมากและตามร่างกายก็มีร่องรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำๆทั้งหน้าอกและคอเต็มไปหมดเมื่อสอบถามเด็กชายเอก็ให้การว่าหลังจากที่ขี่รถจักรยานยนต์มากับนางสาวอาเธอได้พาไปนอนยังบ้านของเพื่อนของเธอ

และในช่วงเวลากลางคืนนางสาววาก็ลงมือข่มขืนเด็กชายเอโดยที่เด็กชายเอไม่ได้สมยอมแต่อย่างใดและรุ่งเช้าเด็กชายเอจึงรีบเดินทางออกมาและไหว้วานให้คนไปตามแม่มารับกลับบ้านดังกล่าวซึ่งแม่ของเด็กชายเอวันเกรงว่าเด็กชายเอจะติดเชื้อ hiv

หรือเชื้อไวรัสโคโรน่ามาจากนางสาววาจึงได้พาลูกไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลและรอฟังผลและยังได้กล่าวอีกว่าหากนางสาววายังไม่เลิกยุ่งกับลูกชายของเธอเธอจะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุดซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถพบตัวนางสาววาได้เนื่องจากว่ามีการไปตามตัวที่บ้านนั้น

ไม่พบนางสาวๆและผู้ปกครองแต่อย่างใดโดยเพื่อนบ้านให้ข้อมูลว่านางสาววาอยู่กับยายแค่เพียงสองคนเท่านั้นและเป็นเด็กที่ค่อนข้างเกเรส่วนใหญ่ของนางสาววานั้นเอาไปทำงาน กลับมาอีกทีก็ช่วงค่ำๆ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เว็บพนันบอล ฝากขั้นต่ำ100

กลับมาบ้านพบแม่ฆ่าตัวตาย

กลับมาบ้านพบแม่ฆ่าตัวตาย

หนุ่มพ้อรอเงินช่วยเหลือห้าพันบาทจากรัฐบาลไม่ไหวต้องออกไปทำงาน กลับมาบ้านพบแม่ฆ่าตัวตาย

               ที่จังหวัดชัยนาท เกิดเหตุคนฆ่าตัวตายที่บ้านพักของตัวเอง โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นวันที่ 24 เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2563  ซึ่งบ้านหลังที่มีคนก่อเหตุฆ่าตัวตายนั้นเป็นบ้านชั้นเดียวที่สร้างจากปูนส่วนหลังคานั้นมุงด้วยสังกะสี เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงศพที่เสียชีวิตก็พบว่าสภาพศพผู้ตายใช้ผ้าถุงของตัวเองผูกคอตัวเองจนถึงแก่ความตาย

โดยผู้เสียชีวิตชื่อว่า นางเล็กโดยลักษณะของศพของนางเล็กนั้นอยู่ในสภาพที่ใส่เสื้อคอกระเช้าส่วนข้างล่างไม่สวมใส่อะไรมีเพียงผ้าอ้อมผู้ใหญ่เท่านั้นซึ่งแพทย์ที่เดินทางมาพร้อมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่านางเล็กขาดอากาศหายใจ

โดยตามร่างกายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใดซึ่งทางญาติของนางเล็กเองก็ไม่ได้ติดใจสาเหตุการตายของนางเล็กซึ่งในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานอยู่นั้นก็พบว่าลูกชายของนางเล็กอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจเศร้านั่งกอดศพแม่แล้วก็ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา

โดยเขาได้รำพึงรำพันพูดอยู่ตลอดเวลาว่าเขาไม่เหลือใครแล้วเพราะเขาเพิ่งจะสูญเสียคุณพ่อไปเมื่อประมาณ 5 เดือนที่แล้วนี่เองแล้ววันนี้เขาก็ต้องมาสูญเสียคุณแม่อีกซึ่งบุตรชายของนางร้ายชื่อว่านายสะอาดโดยนายสะอาดได้เล่าให้กลับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝั่งว่าเมื่อเช้านั่งเล็กยังอยู่ในอาการเป็นปกติไม่มีแนวโน้มว่าจะมีการคิดสั้น

ซึ่งโดยปกติแล้วนายสะอาดจะเป็นคนดูแลแม่หรือนั่งเล็กตลอดเวลาช่วยเขาไม่ได้เดินทางไปที่ไหนซึ่งมีวันนี้เท่านั้นที่เขาต้องออกไปทำงานนอกบ้านเป็นวันแรกเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวก่อนออกจากบ้านมาตอนเช้าเขาก็เพิ่งหอมแก้มแม่อยู่แล้วยังบอกกับแม่ว่าเขาจะออกไปทำงานเขาไม่คิดว่าแม่ของเขาจะมาคิดสั้นแบบนี้

ซึ่งนั่งเล็กนั้นมีโรคประจำตัวหลายอย่างและน้องเล็กก็เป็นผู้ป่วยติดเตียงมาสักระยะหนึ่งแล้วเพราะไม่สบายทั้งมีปัญหาเส้นเลือดในสมองตีบโรคเบาหวานและยังเป็นโรคไตอีกด้วยโดยนายสะอาดยังรำพึงรำพันถึงว่าเอาวันนี้เขาไม่ไปทำงานแม่เขาก็คงจะไม่ตาย

ซึ่งโดยปกติแล้วเขาจะอยู่คอยปรนนิบัติแม่อยู่ตลอดเวลาแต่ก็จะมีภรรยาของเขาคอยช่วยเหลือคอยดูแลอยู่ซึ่งช่วงเวลาที่นางเอกผูกคอตายนั้นน่าจะเป็นช่วงที่ภรรยาของเขาออกไปเก็บผักเพราะว่าตอนนี้ทั้งตัวเขาเองและภรรยาไม่มีคนจ้างทำงานเลยเพิ่งจะได้ทำงานวันนี้วันแรกโดยจะไปทำงานเป็นคนงานก่อสร้างกับลุงที่รู้จักกันแถวบ้านแต่พอกลับมาถึงบ้านแม่ก็มาเสียชีวิตจากไปซะแล้วเลยเขายังบอกอีกว่าเขาลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา 5 พันบาทไปตั้งนานแล้วทุกวันนี้เงิน 5000 บาทนั้นเขายังไม่เคยได้รับเลยซึ่งถ้าหากเขาได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทเขาก็คงไม่ต้องออกไปทำงานแล้วแม่เขาก็คงไม่ต้องตาย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  gclub

หลายจังหวัดผ่อนปรนการขายเหล้า เบีย แต่ปทุมธานียังห้ามขาย ใครฝ่าฝืนโดนจับแน่นอน

หลายจังหวัดผ่อนปรนการขายเหล้า เบีย แต่ปทุมธานียังห้ามขาย ใครฝ่าฝืนโดนจับแน่นอน

           จากกรณีที่รัฐบาลได้มีการประกาศผ่อนปรนการจำหน่ายเหล้าเบียร์เครื่องดื่มประเภทให้สามารถขายได้ตั้งแต่วันที่ 3 เดือนพฤษภาคมปีพศ. 2563 เป็นต้นไปทำให้มีผู้คนจำนวนมากต่างเดินทางไปรอซื้อของไม่ว่าจะเป็นร้านเซเว่น  ห้างแม็คโครหรือร้านสะดวกซื้ออื่นๆที่เปิดบริการขายเหล้าจะพบว่าชาวบ้านต่างเดินทางเพื่อไปแย่งกันซื้อเหล้าเพื่อกักตุนกันเป็นจำนวนมาก

ซึ่งหลังจากที่มีภาพที่มีการถ่ายขณะที่ชาวบ้านไปแย่งกันซื้อเหล้าออกมาทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีแรงเห็นแล้วว่าหากยังคงมีการปล่อยให้ชาวบ้านกินเหล้าได้อย่างเสรีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าอาจจะกลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่งและสร้างความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

ดังนั้นทางจังหวัดปทุมธานีจึงได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางสำนักงานของปทุมธานีจังหวัดปทุมธานีจะมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเรื่องของการห้ามจำหน่ายเหล้าสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดยาวต่อเนื่องไปอีกซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563

และยังไม่มีกำหนดการว่าจะมีการผ่อนปรนให้จำหน่ายเหล้าได้อีกครั้งหนึ่งเมื่อไหร่อันนี้ขอทางผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีแรงเห็นแล้วว่าชาวบ้านสามารถกินเหล้ากันได้ก็จะทำให้ขาดการดูแลตัวเองลดน้อยลงเพราะในขณะที่มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายคนคงจะไม่มานั่งเอาหน้ากากอนามัยปิดหน้าแล้วค่อยๆดื่มแน่นอนเพราะเมาเหล้าแล้วอะไรก็ทำได้

โดยที่ไม่รู้ตัวดังนั้นเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะมีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่ากันมากขึ้นจึงขอยึดคำสั่งเดิมว่ายังงดการจำหน่ายเหล้าเบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่งซึ่งถ้าหากใครฝ่าฝืนก็จะมีการถูกจับรวมถึงมีค่าปรับด้วย

             จะเห็นได้ว่าตอนนี้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่ายังไม่ได้ดีขึ้นมากนักถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงแต่หลังจากเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นมาที่หลายจังหวัดมีการผ่อนปรนให้มีการเดินทางข้ามจังหวัดๆก็ทำให้หลายจังหวัดพบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่ามากขึ้นซึ่งถ้ายังผ่อนปรนให้มีการขายเหล้าขายเบียร์ได้จะยิ่งเป็นการสร้างจำนวนผู้ติดเชื้อให้มากขึ้นกว่าเดิม

ซึ่งถือว่าอันตรายเป็นอย่างมากดังนั้นหากยังสามารถที่จะควบคุมไม่ให้เหล้าเบียร์ขายได้จะเป็นการดีที่สุดก็อย่างที่เราทราบกันดีว่าเมื่อคนกินเหล้าหรือเบียร์แล้วมักจะขาดสติทำอะไรโดยไม่คิดเรื่องนั้นเป็นไปได้มากว่าขณะที่มีการดื่มเหล้าก็จะไม่มีการระวังเรื่องของการล้างมือหรือแม้แต่การใส่หน้ากากอนามัยและอาจจะเดินเพ่นพ่านไปยังที่อื่นซึ่งอาจจะติดเชื้อไวรัสโคโรนาจากการที่อยู่ในอาการมึนเมาก็เป็นไปได้  

 

สนับสนุนโดย  สล็อต เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์

Theme: Overlay by Kaira Extra Text
Cape Town, South Africa