นับตั้งแต่รัฐบาลมีการประกาศปลดล็อกกัญชาว่าไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายอีกต่อไปก็มีสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชาผลิตออกมาขายเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นกาแฟผสมกัญชาหรือแม้แต่อาหารผสมกัญชารวมถึงขนมต่างๆก็มีส่วนผสมของกัญชาเช่นเดียวกัน  และนับตั้งแต่ที่มีการปลดล็อคกัญชาไม่ให้ใช่สิ่งผิดกฎหมายและไม่ใช่สารเสพติดอีกต่อไป

          ผลปรากฏว่าแม่ค้าพ่อค้าหลายคนนั้นมีการนำสินค้าที่มีส่วนผสมกัญชาออกมาขายอย่างต่อเนื่องและผู้คนก็ให้ความสนใจอยากจะทดลองกินอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องผลกระทบหลังจากที่รัฐบาลมีการปลดล็อกกัญชาว่าเมื่อบรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายนำกัญชามาเป็นส่วนผสมในอาหารแล้วมีผลกระทบกับผู้ใช้บริการหรือลูกค้าอย่างไรบ้าง 

         เมื่อวันที่ 13 เดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. 2565 พิธีกรรายการข่าวชื่อดังของช่อง 3 ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวว่าหลังจากที่มีการปลดล็อคเกี่ยวกับกัญชา

และมีร้านค้ามากมายนำกัญชามาเป็นส่วนผสมในอาหารและขนมต่างๆปรากฏว่าพนักงานหรือทีมงานของพี่กรชื่อดังรายนี้ก็ได้มีการทดลองซื้อคุกกี้กัญชามาลองกินซึ่งหลังจากกินไปได้เพียงแค่ครึ่งชิ้นเท่านั้นปรากฏว่าบางคนมีอาการเดินเซไปเซมาประคองตัวไม่อยู่บางคนมีอาการคล้ายกับคนเมาและทุกคนไม่สามารถที่จะทำงานทำการได้เลย 

         สำหรับพิธีกรดังที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของผลการกินคุกกี้ผสมกัญชาของลูกน้องตนเองได้ก็คือนายสรยุทธ  สุทัศนะจินดา  นั่นเอง  โดยนายสรยุทธระบุว่าอาการของลูกน้องนั้นไม่สามารถทำงานได้คล้ายกับคนเมาเหล้าโดยลูกน้องที่กินเข้าไปเพียงแค่ครึ่งชิ้นเท่านั้น

 บอกว่าอาการหนักกว่าการกินเหล้าเสียอีกซึ่งทำให้ทีมงานของนายสรยุทธแต่ละคนที่กินคุกกี้กัญชาเข้าไปนั้น  gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20    ทุกคนต่างก็ต้องนอนพักผ่อนไม่สามารถที่จะทำงานจนกว่าจะสร่างเมากัญชากันได้เลย

          ดังนั้นจึงได้มีการโพสต์ผ่านทาง facebook ส่วนตัวแนะนำว่าไม่ควรที่จะกินคุกกี้ผสมกัญชาหรืออาหารชนิดใดก็ตามมีที่มีส่วนผสมกัญชาในช่วงเวลาทำงานเพราะแต่ละคนนั้นอาจจะมีอาการที่แตกต่างกันและทำให้เสียงานเสียการได้นั้นเอง   ซึ่งทางทีมงานของนายสรยุทธเองก็ถูกนายสรยุทธห้ามไม่ให้กินขนม

หรืออาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาเช่นเดียวกันเพราะแต่ละร้านอาหารร้านค้าอาจจะมีการใส่กัญชาสกัดลงไปในปริมาณที่แตกต่างกันนั่นเองและปัจจุบันนี้เราก็ยังไม่มีอะไรที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่าขนมหรืออาหารดังกล่าวนั้นมีปริมาณกัญชามากแค่ไหน 

          สำหรับใครที่ไม่เคยกินกัญชามาก่อนแนะนำว่าถ้าหากอยากทดลองกินควรเลือกกินในช่วงเวลาที่พักผ่อนอยู่ที่บ้านไม่ควรกินในช่วงเวลาที่ต้องออกไปนอกบ้านหรือช่วงเวลาทำงานเพราะเสี่ยงต่อการทำงานไม่ได้และอาจถูกนายจ้างไล่ออกจากงานได้ 

        ครูสาว แฉ ผอ. เบิกจ่ายยับ  เมื่อวันที่ 22 เดือนกันยายน ปีพ.ศ. 2564 โลกออนไลน์ได้มีการเปิดเผยพฤติกรรมของผู้อำนวยการโรงเรียนรายหนึ่งซึ่งถูกใช้มาจากครูสาวที่อยู่ภายในโรงเรียนเดียวกันโดยเธอนั้นระบุว่าไม่สามารถทนพฤติกรรมของผู้อำนวยการโรงเรียนเอาไว้ได้

อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำการตรวจสอบสำหรับข้อความที่มีการโพสต์นั้นไม่ได้มีการระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นที่โรงเรียนอะไรรวมถึงจังหวัดอะไรแต่มีการระบุว่าผู้อำนวยการโรงเรียนมีพฤติกรรมยักยอกเงินและใช้ตำแหน่งหน้าที่กอบโกยเงินของทางโรงเรียนไปใช้ส่วนตัว

      โดยตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผู้อำนวยการโรงเรียนคนนี้ปฏิบัติหน้าที่ภายในโรงเรียนดังกล่าวก็มีการใช้เงินของทางโรงเรียนอย่างฟุ่มเฟือยซึ่งเธอได้มีการยกตัวอย่างหลายรายการไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อชุดโซฟาหลุยส์รวมถึงการเบิกงบประมาณเพื่อทำการทาสีอาคารเรียน

โดยกำหนดว่าสีของอาคารเรียนต้องเป็นสีเดียวกับบ้านของตนเองเพราะหลังจากที่ทาสีโรงเรียนเสร็จแล้วสีที่เหลือจะถูกนำไปทาบ้านของผู้อำนวยการโรงเรียนนอกจากนี้ยังมีการเบิกงบประมาณซื้อประตูห้องซึ่งใบเบิกนั้นมีการของบเพื่อทำการซื้อประตูเป็นจำนวนเงินถึง 180000 บาท

โดยซื้อทั้งหมด 8 บานด้วยกันแต่ประตูที่มาจริงๆนั้นมีเพียงแค่ 6 บานเท่านั้นและยังมีการของบประมาณสำหรับเช่าชุดไทยชุดละ 14,000 บาทนอกจากนี้อีกเพียงแค่ 8 วันเท่านั้นผู้อำนวยการโรงเรียนคนนี้ก็จะเกษียณอายุ

แต่กลับมีการส่งเรื่องให้การเงินเบิกงบประมาณโรงเรียนมาเพิ่มอีก 5 ล้านบาทและยังทำเรื่องเบิกจ่ายเพื่อนำเงินมาจัดทำเป็นหนังสือสำหรับการเกษียณการทำงานของตนเองอีกเกือบแสนบาทและยังมีรายจ่ายอื่นๆอีกมากมาย

       ทำให้ครูสาวคนนี้ทนไม่ไหวถึงแม้ว่าจะเหลือเพียง 8 วันผู้อำนวยการโรงเรียนคนนี้ก็จะพ้นสภาพการเป็นผอ. ของโรงเรียนก็ตามดูเธอระบุว่าโรงเรียนขาดแคลนบุคลากรมาสอนเด็กซึ่งจำเป็นที่จะต้องจ้างครูอัตราจ้างแต่ผอกับบอกว่าไม่มีงบประมาณแต่นำเงินไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยด้านอื่นแทนโดยระบุว่าทุกคนในโรงเรียนรู้ดีแต่ไม่มีใครสามารถเอาผิดผอ. คนนี้ได้เนื่องจากภาพลักษณ์ที่แสดงให้บุคคลภายนอกเห็นนั้นมีการสร้างภาพเอาไว้ดีเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ 

  อย่างไรก็ตามเรื่องราวนี้ถูกโพสต์ไปหลายคนเรียกร้องให้กับหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องของการทุจริตของราชการเข้ามาทำการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้อำนวยการโรงเรียนคนนี้อย่างเร่งด่วนเนื่องจากว่าพฤติกรรมการทุจริตนั้นเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและควรจะมีบทลงโทษก่อนที่ผู้อำนวยการโรงเรียนคนนี้จะเกษียณอายุไปนั่นเอง 

 สำหรับเรื่องการทุจริตในวงการราชการนั้น มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง และควรจะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาตรวจสอบและปราบปรามอย่างจริงจังเสียที 

สนับสนุนโดย.  gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20

          ที่จังหวัดอ่างทองเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าได้ มีคนเจอศพผู้หญิงถูกฝังเอาไว้ภายในร่องน้ำของสวนเมื่อเดินทางไปถึงก็พบกับเจ้าของสวนได้ชี้จุดที่พบศพและเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำศพขึ้นมาจากร่องน้ำก็พบว่ามีญาติของผู้เสียชีวิต

เดินทางมาดูเหตุการณ์ด้วยและยืนยันว่าศพดังกล่าวนั้นเป็นศพของนางสาววนิดาซึ่งหญิงสาวนั้นมีบ้านอยู่ใกล้กับจุดที่พบศพโดยทางครอบครัวของนางสาววนิดานั้นได้มีการไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้ให้ติดตามตัวคนหายเนื่องจากว่านางสาววนิดาหายตัวออกจากบ้านไปนานเกิน 4 วันแล้ว

อย่างไรก็ตามทางด้านครอบครัวของนางสาววนิดานั้นยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ดำเนินการฆ่านางสาววนิดาแต่ในขณะนั้นได้มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นเพื่อนกับสามีของนางสาววนิดาได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคนที่ลงมือก่อเหตุฆ่านางสาววนิดานั้นคือสามีของเธอเองเนื่องจากว่าในช่วงวันที่ 17 เดือนสิงหาคม ปีพศ2563

สามีของนางสาววนิดาว่าไงเมฆได้เดินทางมาหากันเองที่บ้านพร้อมกับบอกให้ช่วยพานาย เมฆหนี  ซึ่งเมื่อถามถึงสาเหตุที่ต้องพาหนีตำรวจนั้น นายเมฆ ได้บอกว่าตนเองนั้นได้ลงมือฆ่านางสาววนิดาตายส่วนสาเหตุของการฆ่ากันนั้นน่าจะเกิดจากความหึงหวงเนื่องจากว่าก่อนหน้านั้น นาย เมฆเคยมาปรึกษาเพื่อนว่าจับได้ว่านางสาววนิดานั้นกำลังนอกใจ 

             การสำรวจเบื้องต้นนั้นพบว่ามีร่องรอยการถูกบีบคอกินข้าวว่าคนร้ายน่าจะมีการดูดคอผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้วนำศพมาฝังที่สวนมะนาวเป็นเจ้าของสวนได้เดินทางมาเห็นศพในที่สุดซึ่งในขณะนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปที่บ้านแม่ของนายเมฆปรากฏว่าพ่อของนายแม่ไม่อยู่บ้านเลยแม่บอกว่าพ่อกับนายเมฆนั้น

ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าพ่อของนายแม่น่าจะรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้ภายในเพจนั้นบ่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปโดยมีการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของในเมื่อครั้งสุดท้ายพบว่ามีการเปิดเครื่องแถวบริเวณจังหวัดสุพรรณบุรี

หลังจากนั้นสัญญาณก็ตัดหายไปซึ่งคาดว่านาย เมฆและพ่อนั้นน่าจะพยายามหนีออกนอกประเทศไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านแต่ทางนี้ยังไม่รู้ว่าสามารถเดินทางออกไปได้แล้วหรือไม่หรือยังอยู่ในประเทศไทยซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามหาตัวมาดำเนินคดีต่อไป  ส่วนทางด้านแม่ของผู้เสียชีวิตนั้นในข้อมูลว่าค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นลูกเขยของตนเอง

ที่ฆ่าลูกสาวแต่ก็ต้องรอการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนเพราะไม่อยากปรับปังโดยยังไม่มีหลักฐานแต่ถ้าหากเป็นลูกเขยฆ่าลูกสาวจริงก็อย่าที่จะให้ลูกเขยงั้นตายตามลูกสาวไปและที่สำคัญตลอดชีวิตนี้จะไม่มีทางให้อภัยลูกเขยอย่างเด็ดขาดดังนั้นหากท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวมาได้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพามาขออโหสิกรรม

สนับสนุนโดย  gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20